กนก วงษ์ตระหง่าน
ศาสตราจารย์ กนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์[1] อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจและการศึกษา ประวัติศาสตราจารย์ กนก วงษ์ตระหง่าน เกิดที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ได้เหรียญนักเรียนดีเด่น ก่อนจะสอบเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นรองเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) จากนั้นจึงไปศึกษาปริญญาโทต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนต้าบาร์บารา สหรัฐ และได้ทุนศึกษาต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ และในปี พ.ศ. 2539 ได้ผ่านการศึกษาที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) รุ่นที่ 37 การทำงานกนก เป็นอาจารย์ ระดับ 4 ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่หลายปีจนได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 10 ในปี พ.ศ. 2534 และจากนั้นจึงโอนย้ายไปรับราชการที่ทบวงมหาวิทยาลัย โดยดำรงตำแหน่งเป็น รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย (นักบริหาร ระดับ 10) ในยุคที่มี ศาสตราจารย์ วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2537[2] จากนั้นจึงเข้าสู่แวดวงธุรกิจ ด้วยการเป็นกรรมการบริหารสายปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และได้รับการทาบทามเป็น ประธานบริหารสถานปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มีบทบาทสำคัญในการร่วมพลิกฟื้นสถานะของโรบินสัน จากนั้นจึงเข้าเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฟมิลี่มาร์ท จำกัด ในปี พ.ศ. 2546 และเป็นประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ในปี พ.ศ. 2547-2550 งานการเมืองกนก เป็นประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระประชาชน ในช่วงการรณรงค์เลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยรับผิดชอบทางด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ กนก ได้รับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเงา ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเงาของพรรคประชาธิปัตย์[3] ต่อมาได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์[4] และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัย เช่นเดียวกับในปี พ.ศ. 2562[5] ต่อมาในวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศาสตราจารย์กนกได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์โดยมีผลทันทีทำให้ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเตรียมย้ายไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อทำงานด้านสิ่งแวดล้อม[6] กระทั่งวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ศาสตราจารย์กนกได้สมัครสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาแบบตลอดชีพ[7] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|