กองทัพทหารดินเผา

บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง

กองทัพทหารดินเผา Mausoleum of the First Qin Emperor *
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
ประเทศ	Lintong District มณฑลซานซี ประเทศจีน
ประเภท	มรดกโลกทางวัฒนธรรม
เกณฑ์พิจารณา	Cultural: i, iii, iv, vi
อ้างอิง	441
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน	1987 (คณะกรรมการสมัยที่ 11)
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

กองทัพทหารดินเผา (อังกฤษ: Terracotta Army) เป็นกลุ่มของประติมากรรมดินเผาที่แสดงถึงกองทัพของฉินซีฮ่องเต้ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน เป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะหลุ่มศพที่ฝังอยู่กับจักรพรรดิในช่วง 210-209 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องจักรพรรดิในชีวิตหลังความตาย

รูปปั้นมีอายุประมาณช่วงปลาย 300 ปีก่อนคริสตกาล^[1] ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1974 โดยเกษตรกรท้องถิ่นในเขตลินตง นอกเมืองซีอาน มณฑลซานซี ประเทศจีน รูปปั้นมีความสูงหลากหลายตามบทบาทของตน ตัวที่สูงที่สุดจะเป็นแม่ทัพ และยังประกอบไปด้วย นักรบ รถม้าศึก ม้า จากการประมาณการ ในปี ค.ศ. 2007 พบว่าทั้งสามหลุมประกอบด้วยกองทัพทหารดินเผามีทหารมากกว่า 8,000 นาย, รถม้า 130 คัน, ม้า 520 ตัว, และม้าศึก 150 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงถูกฝังอยู่ในหลุมใกล้กับสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้^[2] รูปปั้นดินเผาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทหารถูกค้นพบในหลุมอื่น ๆ ประกอบด้วยข้าราชบริพาร นักกายกรรม นักแสดงพละกำลัง และนักดนตรี

• 
  A rank of soldiers
• 
  The head of an archer
• 
  The face of each soldier is constructed to be unique.^{[ต้องการอ้างอิง]}
• 
  Pit 1
• 
  Warriors' formation from rear
• 
  The Terracotta Warriors were once painted. Today only a handful of statues contain small amounts of paint.^{[ต้องการอ้างอิง]} Also notice the detail put into the soles of the warrior's shoes.
• 
  Bronze chariot for the emperor
• 
  Terracotta horse and warrior group
• 
  The head of an archer showing hair details and accessories
• 
  Pigments used on the Terracotta Warriors
• 
  Original coloring on the warriors
• 
  Original coloring on the warriors
• 
• 
  Stone armor suit on display in the National Geographic Museum.