กัว ฟู่เฉิง
กัว ฟู่เฉิง (จีน: 郭富城; พินอิน: Guō Fùchéng) หรือ กวอก ฟูเส่ง (ยฺหวิดเพ็ง: Gwok3 Fu3sing4) แอรอน กวอก (อังกฤษ: Aaron Kwok; เกิดวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1965) เป็นนักร้อง นักเต้น และนักแสดงชาวฮ่องกง หนึ่งในสี่ราชาเพลงป็อปของฮ่องกงแห่งคริสต์ทศวรรษ 1990 และเป็นเจ้าของฉายา ราชานักเต้นแห่งเอเชีย (Dancing King of Asia) ในช่วงปี 1993 เป็นต้นมา เขาโด่งดังในผลงานเพลงเป็นอย่างมาก ทั้งได้รับยกย่องให้เป็นนักร้องจตุรเทพ ของวงการเพลงป็อปฮ่องกง จึงห่างหายจากการแสดงทั้งซีรีส์และภาพยนตร์เพื่อทุ่มเทให้กับผลงานเพลงเป็นหลัก ทั้งยังรับงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และเป็นพรีเซนเตอร์เจ้าประจำในโฆษณาของค่ายเป๊ปซี่อีกด้วย[ต้องการอ้างอิง] จนกระทั่งในปี 1998 เขาได้เป็นนักแสดงสังกัดค่ายโกลเด้นฮาร์เวสต์ มีบทบาทเป็นที่น่าจดจำ ได้แก่บท ปู้จิ้งอวิ๋น หัวหน้าหอเมฆา ผู้ไม่เคยหลั่งน้ำตา ในภาพยนตร์กำลังภายในดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง ฟงหวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า (The Storm Riders ,1998 และ The Storm Warriors ,2009) แสดงคู่กับเจิ้ง อี้เจี้ยน เขามีผลงานโดดเด่นในค่ายนี้หลายเรื่อง อย่างเช่น เหิรเกินนรก (China Strike Force ,2000) คนแกร่งแรงระเบิดนรก (2000 AD ,2000) เป็นต้น ต่อมาเขาหันมาแสดงภาพยนตร์ที่ใช้ฝีมือการแสดงมากกว่าแนวตลาดทั่วไป เขาสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) จากเวทีม้าทองคำไต้หวัน (Golden Horse Awards) มาได้ถึง 2 ครั้ง จากภาพยนตร์เรื่อง โคตรคนสามคน (Divengence ,2005) ร่วมแสดงกับ เจิ้ง อี้เจี้ยน , อู๋ เจี๋ยนวู่ และภาพยนตร์เรื่อง ด้วยหัวใจปาฎิหารย์ (After This Our Exile ,2006) ผลงานอำนวยการสร้างของหลิว เต๋อหัว ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกัว ฟู่เฉิง คือ ภาพยนตร์แอ็คชั่นอาชญากรรมเรื่อง 2 คมล่าถล่มเมือง (Cold war ,2012) ที่เขาต้องประชันบทบาทอย่างเข้มข้นกับเหลียง เจียฮุย ปัจจุบัน ได้รับยกย่องว่าเป็นนักแสดงยอดฝีมือของวงการภาพยนตร์จีนฮ่องกง ประวัติชีวิตวงการบันเทิงกัวฟู่เฉิง เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว มีพี่ 3 คน พื้นเพเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาแล้วก็ได้ลงทะเบียนเรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ "ชื่อชิง" (Ci Ching)ในฮ่องกง และต่อมาได้จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจาก "วิทยาลัยเซนต์โจเซฟ" หลังจากสำเร็จการศึกษาในปีพ.ศ. 2527 (1984) เขาได้รับการสนับสนุนจากพ่อของเขาให้เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแดนซ์เซอร์ เขาพยายามฝึกซ้อมเต้นอย่างหนัก จนร่างกายไม่ไหวและล้มป่วยลงเป็นเหตุให้เขาถูกคัดออกจากทีมนักเต้นในปีเดียวกัน ต่อมาเขาได้เห็นโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ประกาศรับสมัครแดนซ์เซอร์ จำนวน 30 คน ด้วยความสนใจจึงตัดสินใจเข้าร่วมสมัครคัดเลือก และสามารถผ่านการคัดเลือก 30 คน จาก 3,000 คนได้สำเร็จ และมีโอกาสฝึกอบรมการเต้นรำกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเพื่อเป็นนักเต้นของทางค่าย ต่อมาได้มีส่วนร่วมในการแสดงกับงานโชว์ของทางช่องและเต้นรำในมิวสิกวิดีโอของนักร้องหญิง ในปีพ.ศ. 2528 (1985) ด้วยลีลาการเต้นที่มีประสิทธิภาพและมีรูปร่างที่ดีทำให้ กัวฟู่เฉิงได้รับการยกย่องจากผู้จัดการศิลปินของทางค่ายให้เป็นนักเต้นชายแถวหน้าของทางค่ายสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ต่อมาในปีพ.ศ. 2530 (1987) ทางค่ายเห็นแววการเป็นนักแสดงของเขา จึงได้ย้าย กัว ฟู่เฉิงจากฝ่ายเต้นโชว์ในรายการไปอยู่ฝ่ายการแสดง โดยให้เขาเข้าฝึกอบรมหลักสูตรการแสดงระยะสั้น 6 เดือนกับทางช่องและต่อมาได้กลายเป็นนักแสดงกับทางช่องทันที แต่ทว่าในช่วงแรกที่ได้เป็นนักแสดงให้กับทางค่ายทีวีบีนั้น บทบาทส่วนใหญ่ที่ได้รับมักเป็นแค่ตัวประกอบและบทสมทบซึ่งไม่ได้นำพาความนิยมจากคนดูให้แก่ตัวเขามากพอ ละครที่ได้ร่วมแสดงกับทางค่าย ได้แก่ เจงกีสข่านผู้พิชิต (Genghis Khan 1987), ศึกน้องพระเยซูสะท้านแผ่นดิน (Twilight of a Nation 1988),โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (Song Bird 1989),ศึกเทพ ยุทธ_เขาซูซัน ตอน "กระบี่มังกรหงส์ (The God and The Demons of the of Zu Mountain 1990), มือปราบคู่เดือด (When Things Get Tough 1990), เรียกว่าหวงเฟยหง (Man from Guangdong 1990),สาวยัปปี้ (Yuppies on the Move 1991) จนมาโดดเด่นที่สุดใน กระบี่ลมกรด (The Revelation of the Last Hero 1992) [1] ชีวิตการเป็นนักร้องหลังจากเข้าสู่วงการบันเทิงในปี ค.ศ.1984 จากการเป็นนักเต้นและนักแสดงในสังกัดค่ายสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB) แต่ยังไม่มีผลงานโดดเด่น เขาจึงหันไปทำงานบันเทิงที่เกาะไต้หวันอยู่พักหนึ่ง ในปี 1990 ได้เป็นนักร้องออกอัลบั้มเพลงภาษาจีนกลาง ประสบความสำเร็จโด่งดังมากที่เกาะไต้หวันเป็นกระแสมาถึงเกาะฮ่องกง ในปี 1991 เขาจึงกลับมาทำงานบันเทิงที่ฮ่องกงอีกครั้งหนึ่ง เป็นนักร้องสังกัดค่ายวอร์เนอร์ มิวสิก ออกซิงเกิลและอัลบั้มเพลงแนวป๊อปแด๊นซ์ภาษาจีนกวางตุ้ง มีท่าเต้นที่โดดเด่นเป็นกระแสนิยมอย่างรวดเร็วทั่วทั้งเกาะฮ่องกง ช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเขาก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในราชาเพลงป็อป(King of Canto-pop) ของเกาะฮ่องกงในยุคนั้น ในปี 1992 เขาถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน นักร้องจตุรเทพแห่งวงการเพลงป็อปฮ่องกง (Four Heavenly Kings of Cantopop) และกัว ฟู่เฉิงยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 10 นักร้องชายเพลงจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ของเกาะฮ่องกง รอบยุคทศวรรษที่ 1970 1980 และ 1990 อีกด้วย ผลงานเพลงของกัว ฟู่เฉิง เป็นสไตล์แดนซ์ป็อป มีแนวเพลงหลากหลายมากทั้ง ร็อกแอนด์โรล , บัลลาด , อาร์แอนด์บี , โซล , อีเลกโทรนิก ในรูปแบบของเพลงจีน ทั้งภาษากวางตุ้งและภาษาจีนกลาง ชีวิตการเป็นนักแสดงกัว ฟู่เฉิง เริ่มมีชื่อเสียงในการแสดงจากการสนับสนุนของดารายอดนิยมแห่งยุคอย่างหลิว เต๋อหัว ดึงตัวมาแสดงภาพยนตร์ในสังกัดบริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขา ในภาพยนตร์เรื่อง ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ ภาค 1 (Saviour Of The Saul ,1991) กัว ฟู่เฉิง รับบทจิ้งจอกเงิน จนได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ฮ่องกงฟิล์ม อวอร์ด ครั้งที่ 11 ประจำปี 1991 เขาได้ร่วมแสดงในบทสมทบกับหลิว เต๋อหัวหลายเรื่อง อย่างเช่น รับบทลูกชายหัวดื้อของเหลยเล่อ(หลิว เต๋อหัว) ในเรื่อง ตำรวจตัดตำรวจ ภาค 2 (Lee Rock 2 :Father and Son ,1991) รับบทบอดี้การ์ด ในเรื่อง ชาตินี้ถึงทีข้าชาติหน้าก็ข้าอีกนั้นแหล่ะ (Gameboy Kids ,1992) ต่อมาสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB)ได้มอบบทพระเอกละครซีรีส์ให้เขานำแสดงในเรื่อง กระบี่ลมกรด (The Revelation of The Last Hero ,1992) พร้อมทั้งสนับสนุนกัว ฟู่เฉิง ให้เป็นพระเอกภาพยนตร์รุ่นใหม่ของทางค่าย โดยเขาได้รับบทพระเอกต่อจากหลิว เต๋อหัว ในเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาค 2 (A Moment of Romance 2 ,1993) เป็นพระเอกในเรื่อง จิ้งจอกเงินพันหน้า (Millionaire Cop ,1993) ชอ ลิ้วเฮียง จอมยุทธ์ไม่หยุดรัก (Legend of the Liquid Sword ,1993) 1 2 3 หายใจเป็นเธอ (Love is a Fairy Tale ,1993) ซึ่งล้วนเป็นผลงานอำนวยการสร้างและกำกับโดย หว่อง เจ๊ง , เป็นพระเอกลูกคู่กับจาง เว่ย์เจี้ยน ในเรื่อง จอมยุทธ์เจ้าสำราญ (Kung Fu Scholar ,1993) และเขายังเป็นพระเอกให้กับค่ายชอว์บราเดอร์สสตูดิโอ ในเรื่อง ตายไม่ว่าขอให้เห็นหน้าเธอ (The Bere - Footed Kid ,1993) อีกด้วย ชีวิตส่วนตัวปัจจุบัน เขาได้แต่งงานกับนางแบบสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ฟางเหยียน (方媛) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ตอนอายุ 51 ปี ปัจจุบันมีลูกสาว 2 คน ผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ละครโทรทัศน์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|