Share to:

 

การระดมทุนสาธารณะ

การระดมทุนสาธารณะ (อังกฤษ: crowdfunding) หรือ คราวด์ฟันดิง คือ แนวทางการระดมทุนเพื่อทำโครงการหรือธุรกิจ โดยการรวบรวมทุนจำนวนน้อยจากผู้คนจำนวนมาก และส่วนใหญ่ผ่านอินเทอร์เน็ต[1][2] การระดมทุนสาธารณะเป็นรูปแบบหนึ่งของการระดมความคิดเห็นของมหาชน (crowdsourcing) และการเงินทางเลือก (alternative finance) มีการคาดคะเนว่าในปี ค.ศ. 2015 มีการระดมทุนกว่าสามหมื่นสี่พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในรูปแบบนี้[3][4] แม้ว่าจะมีแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ผ่านทางการสมัครสมาชิกทางไปรษณีย์ (mail-order subscriptions) การจัดงานเพื่อการกุศล (benefit events) และวิธีการอื่น ๆ แต่คำว่า การระดมทุนสาธารณะ จะนิยามเฉพาะการใช้เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการลงทะเบียน[5] รูปแบบการระดมทุนสาธารณะยุคใหม่นี้ โดยทั่วไปอาศัยผู้มีบทบาทสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ (หนึ่ง) ผู้ริเริ่มโครงการ (project initiator) ซึ่งเป็นผู้เสนอแนวคิดหรือโครงการที่ต้องการระดมทุน (สอง) บุคคลหรือกลุ่มคนที่สนับสนุน และ (สาม) องค์กรที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง (เรียกอีกอย่างว่า "แพลตฟอร์ม") ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาเพื่อเปิดตัวแนวคิด[6]

การระดมทุนสาธารณะถูกนำไปใช้เพื่อระดมทุนให้กับกิจการที่เจ้าของดำเนินการเอง ในหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น โครงการศิลปะและความคิดสร้างสรรค์[7] ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ การเดินทาง และโครงการเพื่อสังคม[8] แม้จะมีการเสนอแนะให้การระดมทุนสาธารณะมีความสอดคล้องกับความยั่งยืนมาก ๆ แต่จากการสำรวจพบว่า ความยั่งยืนมีบทบาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการระดมทุนสาธารณะ[9] นอกจากนี้ การระดมทุนสาธารณะยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการนำไปใช้สนับสนุนการหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉ้อโกงขอระดมทุนเพื่อการรักษามะเร็งที่มีราคาแพง[10][11][12][13]

ประวัติความเป็นมา

ใบเสร็จขนาด 135×97 มม. ระหว่างปี 1850 ถึง 1857 เพื่อสนับสนุนนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ออกุสต์ กองเต้ (Auguste Comte)[14]

การระดมทุนยุคแรก

การระดมทุนโดยการรวบรวมเงินบริจาคจำนวนน้อยจากผู้คนจำนวนมาก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและหลากหลาย เช่น ในอดีตเคยมีการระดมทุนเพื่อการเขียนและตีพิมพ์หนังสือ โดยผู้แต่งและสำนักพิมพ์จะโฆษณาโครงการผ่านระบบการจองซื้อล่วงหน้า (praenumeration) หรือการบอกรับเป็นสมาชิก (subscription) หนังสือจะถูกเขียนและตีพิมพ์ก็ต่อเมื่อมีสมาชิกที่แสดงความสนใจซื้อหนังสือมากพอ แม้ว่ารูปแบบการบอกรับเป็นสมาชิกจะไม่ใช่การระดมทุนสาธารณะที่โดยตรง เพราะเงินจะเริ่มหมุนเวียนเมื่อผลิตภัณฑ์ถูกส่งมอบ แต่จำนวนรายชื่อก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือ[15]

ในทางทฤษฎี พันธบัตรสงคราม ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการระดมทุน เพื่อใช้ในความขัดแย้งทางทหาร ตัวอย่างเช่น ในช่วงทศวรรษที่ 1730 เมื่อลูกค้าของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ต้องการนำเงินปอนด์ไปแลกเป็นทองคำ ชุมชนพ่อค้าของกรุงลอนดอนได้ช่วยเหลือธนาคารโดยการสนับสนุนสกุลเงินปอนด์จนกว่าความเชื่อมั่นในสกุลเงินจะกลับคืนมา นับเป็นการระดมทุน (แม้จะเป็นเงินของตัวเอง) ในยุคแรก ๆ กรณีศึกษาที่ชัดเจนกว่าของการระดมทุนสาธารณะสมัยใหม่ คือ โครงการออกใบรับรองของออกุสต์ กองเต้ (Auguste Comte) เพื่อรับการสนับสนุนจากสาธารณชนสำหรับงานปรัชญาของเขาต่อไป บทความ "Première Circulaire Annuelle adressée par l'auteur du Système de Philosophie Positive" ถูกตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1850 ยังคงมีใบรับรองบางส่วนที่ยังคงอยู่ แม้จะไม่มีการระบุชื่อและจำนวนเงิน[16]

ขบวนการสหกรณ์

ขบวนการสหกรณ์ในศตวรรษที่ 19 และ 20 ถือเป็นต้นแบบที่กว้างขวางกว่า โดยมีการรวมกลุ่มกัน เช่น กลุ่มชุมชนหรือกลุ่มตามความสนใจ ร่วมกันระดมทุนเพื่อพัฒนาแนวคิด ผลิตภัณฑ์ และวิธีการจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือ ตัวอย่างเช่น ในปี 1885 เมื่อแหล่งเงินทุนจากรัฐบาลไม่เพียงพอสำหรับการสร้างฐานอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ แคมเปญที่ริเริ่มโดยหนังสือพิมพ์สามารถระดมทุนบริจาคขนาดเล็กจากผู้บริจาคกว่า 160,000 คน[15]

ยุคอินเทอร์เน็ต

การระดมทุนสาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมและกลายเป็นกระแสหลักในกลุ่มศิลปะและดนตรีเป็นครั้งแรก[17] ตัวอย่างที่น่าจดจำครั้งแรกของการระดมทุนสาธารณะออนไลน์ในแวดวงดนตรีเกิดขึ้นในปี 1997 เมื่อแฟนเพลงของวงร็อคสัญชาติอังกฤษ มาริลเลี่ยน (Marillion) ระดมทุนผ่านแคมเปญทางอินเทอร์เน็ตได้เงินกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วสหรัฐอเมริกาครั้งใหญ่ หลังจากนั้นวงมาริลเลี่ยนยังคงใช้กลวิธีนี้ในการระดมทุนสำหรับการผลิตอัลบั้มของพวกเขาอีกด้วย[18][19][20] ความสำเร็จนี้ต่อยอดมาจากการระดมทุนสาธารณะผ่านนิตยสาร ตัวอย่างเช่น สมาคมมังสวิรัติ (the Vegan Society) ใช้การระดมทุนสาธารณะผ่านนิตยสารเพื่อการผลิตสารคดีเรื่อง Truth or Dairy ในปี 1992[21]

แคมเปญ "ปลดปล่อยเบลนเดอร์" (Free Blender) ในปี 2002 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างเบิกโรงของการระดมทุนสาธารณะสำหรับซอฟต์แวร์[22][23] แคมเปญนี้มีเป้าหมายที่จะเปิดซอร์สโค้ดให้กับซอฟต์แวร์กราฟิก 3 มิติอย่างเบลนเดอร์ (Blender) โดยการระดมทุน 100,000 ยูโรจากชุมชน โดยมีข้อเสนอผลตอบแทนเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกที่บริจาค[24][25]

ประเภทของการระดมทุน

รายงานเดือนพฤษภาคม 2014 ของศูนย์กลางการระดมทุน (The Crowdfunding Centre) ได้ระบุประเภทหลักของการระดมทุนไว้ 2 ประเภท ดังนี้

  1. การระดมทุนต่างตอบแทน (Rewards-based crowdfunding): ผู้ประกอบการเสนอขายสินค้าหรือบริการล่วงหน้าเพื่อเปิดตัวแนวคิดธุรกิจ โดยไม่ต้องก่อหนี้หรือสูญเสียทุน/หุ้น ผู้สนับสนุนจะได้รับสินค้าหรือบริการตอบแทนเป็นการตอบแทนสำหรับเงินที่สนับสนุน
  2. การระดมทุนแบบระดมทุนด้วยสิทธิ์ (Equity-based crowdfunding): วิธีการที่ผู้สนับสนุนจะได้รับหุ้นของบริษัท ซึ่งมักอยู่ในช่วงเริ่มต้น แลกเปลี่ยนกับเงินที่ให้การสนับสนุน[26]

การระดมทุนต่างตอบแทน

การระดมทุนต่างตอบแทน หรือบางครั้งเรียกว่า ระดมทุนแบบให้สิ่งตอบแทน, การระดมทุนแบบไม่ใช้สิทธิ์ (non-equity crowdfunding), ระดมทุนแลกกับสิ่งของ ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ การบันทึกอัลบั้มและการโปรโมทภาพยนตร์[27] การพัฒนาซอฟต์แวร์ฟรี การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์[28] ไปจนถึงโครงการสาธารณะ[29]

งานวิจัยหลายชิ้นได้ระบุลักษณะเด่นของการระดมทุนตอบแทนไว้ดังนี้

  • ไม่จำกัดที่ตั้ง: ในการระดมทุนตอบแทน แหล่งที่มาของเงินทุนไม่ขึ้นอยู่กับที่ตั้ง ตัวอย่างเช่น บนแพลตฟอร์มหนึ่งกำหนดระยะทางระหว่างผู้สร้างสรรค์ผลงานกับนักลงทุนอยู่ห่างกันประมาณ 3,000 ไมล์ ในช่วงที่แพลตฟอร์มเปิดตัวระบบแบ่งรายได้
  • การกระจายทุนไม่เท่าเทียม: เงินทุนสำหรับโครงการเหล่านี้มักกระจุกตัวอยู่ที่โครงการเพียงไม่กี่โครงการ ซึ่งดึงดูดเงินทุนส่วนใหญ่ไป นอกจากนี้ เงินทุนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความใกล้เคียงของเป้าหมายโครงการ ส่งเสริมพฤติกรรมที่เรียกว่า "herding behavior" (พฤติกรรมเลียนแบบการลงทุนของผู้อื่น)
  • เพื่อนและครอบครัวเป็นแหล่งเงินทุนเริ่มต้น: งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า เพื่อนและครอบครัวมักเป็นแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่ในช่วงเริ่มต้น เงินทุนจากกลุ่มคนเหล่านี้อาจกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนรายอื่นๆ ตัดสินใจลงทุนในโครงการด้วย
  • ความคาดหวังที่มากเกินไป: แม้ว่าที่ตั้งทางกายภาพจะไม่ใช่ข้อจำกัดในการระดมทุน แต่จากการสังเกตพบว่า แหล่งที่มาของเงินทุนมักเกี่ยวข้องกับที่ตั้งของแหล่งเงินทุนแบบดั้งเดิม ในการระดมทุนตอบแทน ผู้สนับสนุนมักมีความคาดหวังต่อผลตอบแทนจากโครงการสูงเกินไป และต้องปรับลดความคาดหวังลงเมื่อผลตอบแทนไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้[17]

การระดมทุนด้วยสิทธิ์

การระดมทุนด้วยสิทธิ์ คือ การรวมกลุ่มของบุคคลเพื่อสนับสนุนความพยายามที่ริเริ่มโดยบุคคลหรือองค์กรอื่น ๆ ผ่านการให้การสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบของสิทธิ์ (equity)[30] ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายที่กล่าวถึงใน JOBS Act ปี 2012 จะอนุญาตให้มีกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่กว้างขึ้น โดยมีข้อจำกัดน้อยลงหลังจากการบังคับใช้กฎหมาย[31]

ความแตกต่างจากการระดมทุนต่างตอบแทน

  • ข้อมูลไม่สมดุล (information asymmetry): การระดมทุนแบบระดมทุนด้วยสิทธิ์ มีความไม่สมดุลของข้อมูล (information asymmetry) ที่สูงกว่าการระดมทุนตอบแทน ผู้สร้างสรรค์ผลงาน ไม่เพียงต้องผลิตสินค้าหรือบริการที่ใช้ในการระดมทุนเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างสิทธิ์ผ่านการจัดตั้งบริษัทด้วยผลตอบแทน[17]

การระดมทุนแบบระดมทุนด้วยสิทธิ์ แตกต่างจากการบริจาคและการระดมทุนตอบแทน เนื่องจากมีการเสนอหลักทรัพย์ (securities) ซึ่งรวมถึงโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน กลุ่มนักลงทุน (Syndicates) ซึ่งประกอบด้วยนักลงทุนจำนวนมากที่ทำตามกลยุทธ์ของนักลงทุนนำ (lead investor) คนเดียว สามารถช่วยลดความไม่สมดุลของข้อมูลและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เป็นความล้มเหลวของตลาด (market failure) ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนแบบระดมทุนด้วยสิทธิ์ได้[32]

การระดมทุนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

การระดมทุนอีกประเภทหนึ่งคือการระดมทุนสำหรับโครงการที่เสนอสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นรางวัลให้แก่ผู้สนับสนุน ซึ่งเรียกว่า การเสนอขายโทเค็นครั้งแรก (Initial Coin Offering: ICO)[33] โทเค็นบางประเภท ถูกสร้างขึ้นภายในเครือข่ายแบบเปิดและไร้ศูนย์กลาง (open decentralized networks) เพื่อจูงใจให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เครือข่ายเหล่านำทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ในการดูแลรักษาเครือข่ายโปรโตคอล โทเค็นเหล่านี้อาจมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้ในช่วงเวลาที่เปิดขายโทเค็น และอาจต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาอย่างมาก รวมถึงการเผยแพร่ซอฟต์แวร์ก่อนที่โทเค็นจะมีใช้งานจริงและสร้างมูลค่าในตลาด

แม้ว่าการระดมทุนอาจเกิดขึ้นเพื่อตัวโทเค็นเอง แต่การระดมทุนบนระบบบล็อกเชน (blockchain) ยังสามารถเป็นการระดมทุนเพื่อแลกกับสิทธิ์ (equity), พันธบัตร (bonds) หรือแม้กระทั่ง "สิทธิ์ในการมีส่วนร่วมในการบริหาร" (market-maker seats of governance) ของบริษัทที่ได้รับการระดมทุน[34] ตัวอย่างของการขายโทเค็นแบบนี้เช่น ออเกอะ (Augur) แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์นายตลาดพยากรณ์แบบกระจายศูนย์ (decentralized, distributed prediction market) ซึ่งสามารถระดมทุนได้ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,500 คน[34] นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างอื่น ๆ เช่น เครือข่ายบล็อกเชน อีเธอเรียม และ องค์กรอิสระไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Autonomous Organization)[35][36][37][38]

การระดมทุนแบบกู้ยืม

การระดมทุนแบบกู้ยืม บางครั้งเรียกว่า เพียร์ทูเพียร์, P2P หรือ ตลาดสินเชื่อ (marketplace lending) เริ่มต้นขึ้นจากการก่อตั้ง โซปา (Zopa) ในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2005[39] และในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 โดยมีการเปิดตัว เลนดิ่งคลับ และ พรอสเปอร์ดอตคอม[40] ผู้กู้สามารถยื่นคำขอสินเชื่อออนไลน์โดยทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยระบบอัตโนมัติจะทำการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลคำขอ รวมถึงประเมินความเสี่ยงเครดิตและอัตราดอกเบี้ยของผู้กู้ด้วย นักลงทุนจะซื้อหลักทรัพย์ในกองทุนที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้รายบุคคลหรือกลุ่มผู้กู้ นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ผู้ดำเนินระบบจะได้รับรายได้จากค่าธรรมเนียมการปล่อยสินเชื่อและค่าบริการสินเชื่อ[40] ในปี 2009 นักลงทุนสถาบัน (institutional investors) เริ่มเข้าสู่ตลาดสินเชื่อแบบ P2P ตัวอย่างเช่น ในปี 2013 กูเกิล ได้ลงทุน 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน เลนดิ่งคลับ[40] ในปี 2014 ในสหรัฐอเมริกา ยอดสินเชื่อแบบ P2P มีมูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[41] เช่นเดียวกัน ในปี 2014 ในสหราชอาณาจักร แพลตฟอร์ม P2P ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจเป็นมูลค่า 749 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 250% จากปี 2012 ถึง 2014 และปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อยเป็นมูลค่า 547 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 108% จากปี 2012 ถึง 2014[42]: 23  ในทั้งสองประเทศ ในปี 2014 ประมาณ 75% ของเงินทั้งหมดที่หมุนเวียนผ่านการระดมทุนไหลผ่านแพลตฟอร์ม P2P[41] บริษัท เลนดิ่งคลับ เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนธันวาคม 2014 ด้วยมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[40]

การระดมทุนแบบคดีความ

การระดมทุนแบบคดีความ ช่วยให้โจทก์หรือจำเลยสามารถขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากบุคคลจำนวนมากในลักษณะกึ่งปิด และรักษาความลับ โดยสามารถขอรับบริจาคหรือเสนอผลตอบแทนเป็นการแลกเปลี่ยนเงินทุน นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้นักลงทุนซื้อหุ้นในคดีความที่ตนสนับสนุน ซึ่งอาจทำให้พวกเขาได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินลงทุนหากคดีความประสบความสำเร็จ (ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับในตอนท้ายของคดี ซึ่งในสหรัฐอเมริกาเรียกว่าค่าธรรมเนียมแบบมีเงื่อนไข (contingent fee) ในสหราชอาณาจักรเรียกว่าค่าธรรมเนียมความสำเร็จ (success fee) และในระบบกฎหมายประชาชนหลายแห่งเรียกว่า pactum de quota litis)[43] เล็กซ์แชร์ส (LexShares) เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่อนุญาตให้นักลงทุนที่ได้รับการรับรอง (accredited investors) ลงทุนในคดีความ[44]

การระดมทุนแบบบริจาค

การระดมทุนแบบบริจาค คือ ความร่วมมือกันระหว่างบุคคลทั่วไปเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศล[45] เงินทุนที่ได้จากการระดมทุนแบบบริจาค มักนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านศาสนา สังคม สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณประโยชน์อื่น ๆ[46] ผู้บริจาคจะมารวมตัวกันเพื่อสร้างชุมชนออนไลน์ ร่วมสนับสนุนเงินทุนให้บริการและโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย เช่น ด้านสาธารณสุข[47] และการพัฒนาชุมชน[48] หัวใจสำคัญของการระดมทุนแบบบริจาคก็คือ ผู้บริจาคไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ แต่เป็นการบริจาคด้วยเจตนารมณ์อันดี[49] ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการระดมทุนแบบบริจาคได้ก่อให้เกิดข้อกังวลทางจริยธรรม เนื่องจากอาจมีแคมเปญหลอกลวงและปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว[50]

บทบาท

อิทธิพลของบุคคล

บุคคลในกลุ่มผู้ระดมทุนมีบทบาทสำคัญในการจุดกระบวนการระดมทุนและส่งผลต่อมูลค่าสูงสุดของสิ่งที่เสนอขายหรือผลลัพธ์ของกระบวนการ บุคคลเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการคัดเลือกและโปรโมทโครงการที่พวกเขาเชื่อมั่น ในบางครั้ง บุคคลเหล่านี้จะรับบทบาทเป็นผู้บริจาคที่ต้องการให้ความช่วยเหลือแก่โครงการสังคม ในบางกรณี พวกเขายังกลายเป็นผู้ถือหุ้นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเติบโตของสิ่งที่เสนอขายด้วย นอกจากนี้ บุคคลยังเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่พวกเขาสนับสนุนไปยังชุมชนออนไลน์ของตนเอง ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนเพิ่มเติม (ในฐานะผู้ส่งเสริมการระดมทุน)

แรงจูงใจในการมีส่วนร่วม

แรงจูงใจที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าร่วมกระบวนการระดมทุน ได้แก่:

  • ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ (Desire for patronage): ผู้บริโภคต้องการรู้สึกว่าตนเองมีส่วนรับผิดชอบอย่างน้อยบางส่วนต่อความสำเร็จของโครงการริเริ่มของผู้อื่น
  • ความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน (Desire for social participation): ผู้บริโภคต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกิจริยมเชิงสังคมร่วมกับผู้อื่น
  • ความคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (Desire for investment)[6]: ผู้บริโภคหวังที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทางการเงิน

นอกจากนี้ บุคคลยังเข้าร่วมระดมทุนเพื่อที่จะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนวางจำหน่าย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ก่อนวางจำหน่าย มักเปิดโอกาสให้ผู้ระดมทุนมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การระดมทุนยังดึงดูดบุคคลในกลุ่มญาติและเพื่อนของผู้สร้างสรรค์ผลงานเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วยให้การตกลงทางการเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยจัดการความคาดหวังของแต่ละฝ่ายที่มีต่อโครงการ[17]

งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่เข้าร่วมโครงการระดมทุนมักจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นหลายประการ ได้แก่:

  • แนวโน้มความคิดสร้างสรรค์ (Innovative Orientation): กระตุ้นความต้องการที่จะลองรูปแบบใหม่ในการมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทและผู้บริโภคอื่น ๆ
  • การมีอัตลักษณ์ร่วมกับเนื้อหา วัตถุประสงค์ หรือโครงการที่เลือกสนับสนุน (Social Identification): จุดประกายความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
  • การแสวงหาผลประโยชน์ (Monetary Exploitation): เป็นแรงจูงใจให้บุคคลเข้าร่วมโครงการโดยคาดหวังผลตอบแทน[6]

แพลตฟอร์มระดมทุนมีแรงจูงใจในการสร้างรายได้โดยดึงดูดโครงการที่น่าสนใจและผู้สนับสนุนที่ใจกว้าง นอกจากนี้ แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังมุ่งแส่ให้โครงการและแพลตฟอร์มของตนเองได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง[17]

การเติบโตของการระดมทุน

เว็บไซต์ระดมทุนช่วยให้บริษัทและบุคคลทั่วโลกระดมทุนจากประชาชนได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • ปี 2010 ระดมทุนได้ 89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2011 ระดมทุนได้ 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2012 ระดมทุนได้ 2.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการระดมทุนในอเมริกาเหนือ[51]

คาดการณ์ว่าการระดมทุนจะเติบโตแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025[52]

รายงาน The State of the Crowdfunding Nation เดือนพฤษภาคม 2014 โดย The Crowdfunding Centre ศูนย์ข้อมูลด้านการระดมทุนที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร เผยว่า ในเดือนมีนาคม 2014 มีการระดมทุนได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อชั่วโมงทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวแคมเปญระดมทุนทั่วโลกกว่า 442 แคมเปญต่อวันอีกด้วย[26]

ศักยภาพการเติบโตในอนาคตของแพลตฟอร์มระดมทุน ยังขึ้นอยู่กับปริมาณการระดมทุนของพวกเขาด้วยเงินทุนจากธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ระหว่างเดือนมกราคม 2017 ถึง เมษายน 2020 ที่ผ่านมา มีการระดมทุนให้แก่แพลตฟอร์มระดมทุนทั่วโลก 99 รอบ โดยระดมทุนรวมกันได้มากกว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินทุนเฉลี่ยต่อรอบการระดมทุนโดยบริษัทเสี่ยงทุนสำหรับแพลตฟอร์มระดมทุน อยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกาและ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในยุโรป ระหว่างเดือนมกราคม 2017 ถึง เมษายน 2020[53]


แพลตฟอร์มระดมทุน

ในปี 2015 เคยมีการคาดการณ์ว่าจะมีเว็บไซต์ระดมทุนให้เลือกมากกว่า 2,000 แห่งในปี 2016[54] แต่ข้อมูลจาก ครันช์เบส (Crunchbase) ในปี 2021 ชี้ว่า สหรัฐอเมริกามีองค์กรระดมทุนเพียง 1,478 แห่ง[55] ในเดือนมกราคม 2021 บริษัท คิกสตาร์เตอร์ (Kickstarter) สามารถระดมทุนได้มากกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากโครงการต่างๆ กว่า 197,425 โครงการ[56]

แพลตฟอร์มระดมทุนแต่ละแห่งมีบริการที่แตกต่างกันและประเภทของโครงการที่สนับสนุนก็แตกต่างกันไปด้วย[6]

แพลตฟอร์มระดมทุนแบบคัดสรรค์ (Curated crowdfunding platforms) ทำหน้าที่เป็น "ตัวประสานเครือข่าย" (network orchestrators) โดยคัดเลือกสิ่งที่เสนอขายบนแพลตฟอร์ม พวกเขาสร้างระบบองค์กรที่จำเป็นและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เกิดการบูรณาการทรัพยากรระหว่างผู้เล่นคนอื่น ๆ[6] แพลตฟอร์มระดมทุนแบบตัวกลาง (Relational mediators) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้เสนอ และผู้สนับสนุนโครงการ พวกเขาเข้ามาแทนที่ตัวกลางแบบเดิม (เช่น บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน) แพลตฟอร์มเหล่านี้เชื่อมโยงศิลปิน นักออกแบบ ผู้ริเริ่มโครงการเข้ากับผู้สนับสนุนที่มุ่งมั่น ซึ่งมีความเชื่อมั่นในบุคคลเบื้องหลังโครงการมากพอที่จะให้การสนับสนุนทางการเงิน[17]

ในปลายปี 2012 แพลตฟอร์มระดมทุนทางเลือกแบบโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Selfstarter[57] เกิดขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับการคัดสรรค์โครงการระดมทุนตามอำเภอใจบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่ โดยเกิดขึ้นจากโครงการ ล็อคิตรอน (Lockitron) ซึ่งเคยถูกปฏิเสธจากคิกสตาร์เตอร์ มาก่อน[58] แม้ว่า เซลฟ์สตาร์เตอร์ (Selfstarter) จะกำหนดให้ผู้สร้างโครงการต้องตั้งค่าโฮสต์และระบบประมวลผลการชำระเงินเอง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า โครงการต่างๆ สามารถระดมทุนได้สำเร็จโดยไม่ต้องมีตัวกลางที่หักเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ระดมทุนได้จำนวนมาก

อ้างอิง

  1. "การเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง". สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์. สืบค้นเมื่อ 2024-07-23.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. "Definition of Crowdfunding". www.merriam-webster.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-10-23.
  3. "Cambridge Judge Business School: Cambridge Centre for Alternative Finance". Jbs.cam.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 2015-07-24.
  4. Barnett, Chance (June 9, 2015). "Trends Show Crowdfunding To Surpass VC In 2016". Forbes. สืบค้นเมื่อ June 29, 2016.
  5. "Oxford Dictionary Definition of Crowdfunding". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2013. สืบค้นเมื่อ July 23, 2014.; พจนานุกรมเมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ได้อธิบายคำว่าคราวด์ฟันดิงไว้ว่าเป็น "การชักชวนการเรียกร้องการบริจาคทางการเงินจากผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะจากชุมชนออนไลน์" "Merriam Webster Dictionary Definition of Crowdfunding". สืบค้นเมื่อ July 23, 2014.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 "Crowdfunding: Transforming Customers Into Investors Through Innovative Service Platforms" (PDF). สืบค้นเมื่อ February 7, 2013.
  7. Agrawal, Ajay; Catalini, Christian; Goldfarb, Avi (2015). "Crowdfunding: Geography, Social Networks, and the Timing of Investment Decisions". Journal of Economics & Management Strategy (ภาษาอังกฤษ). 24 (2): 253–274. doi:10.1111/jems.12093. ISSN 1530-9134. S2CID 154926205.
  8. Gleasure, R., & Feller, J. (2016). Emerging technologies and the democratisation of financial services: A metatriangulation of crowdfunding research. Information and Organization, 26(4), 101–115.
  9. Laurell, Christofer; Sandström, Christian; Suseno, Yuliani (April 2019). "Assessing the interplay between crowdfunding and sustainability in social media". Technological Forecasting and Social Change (ภาษาอังกฤษ). 141: 117–127. doi:10.1016/j.techfore.2018.07.015.
  10. Cara, Ed (September 12, 2018). "Crowdfunding Sites Are Putting Money in the Pockets of Cancer Quacks, Report Finds". Gizmodo. สืบค้นเมื่อ December 10, 2018.
  11. Newman, Melanie (September 12, 2018). "Is cancer fundraising fuelling quackery?". BMJ (ภาษาอังกฤษ). 362: k3829. doi:10.1136/bmj.k3829. ISSN 1756-1833. S2CID 52193362.
  12. "Crowdfunding: The fuel for cancer quackery". Science-Based Medicine (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). September 17, 2018. สืบค้นเมื่อ January 12, 2019.
  13. Mole, Beth (September 20, 2018). "Crowdfunding raises millions for quack cancer remedies, like coffee enemas". Ars Technica (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ January 12, 2019.
  14. Olaf Simons (March 10, 2016). "Crowdsourcing Comte". positivists.org. สืบค้นเมื่อ March 10, 2016.
  15. 15.0 15.1 "The Statue of Liberty and America's crowdfunding pioneer". BBC Online. April 24, 2013. สืบค้นเมื่อ April 28, 2013.
  16. Olaf Simons (March 11, 2016). "Crowdfunding Comte". positivists.org. สืบค้นเมื่อ March 11, 2016.
  17. 17.0 17.1 17.2 17.3 17.4 17.5 Agrawal, Ajay; Catalini, Christian; Goldfarb, Avi (June 2013). "Some Simple Economics of Crowdfunding". NBER Working Paper No. 19133. doi:10.3386/w19133.
  18. Golemis, Dean (September 23, 1997). "British Band's U.s. Tour Is Computer-generated". Chicago Tribune. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-01. สืบค้นเมื่อ 2024-07-24.
  19. Masters, Tim (November 5, 2011). "Marillion 'understood where the internet was going early on'". BBC News. สืบค้นเมื่อ September 3, 2013.
  20. "Marillion fans to the rescue". BBC News. May 11, 2001.
  21. "The Vegan Winter 1992". Issuu (ภาษาอังกฤษ). December 1992. สืบค้นเมื่อ January 2, 2020.
  22. Blender Foundation Launches Campaign to Open Blender Source เก็บถาวร พฤศจิกายน 28, 2020 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน on linuxtoday (July 22, 2002)
  23. 'Free Blender Fund' campaign archived 2002
  24. Membership "People can subscribe to become Foundation Member. Members who subscribe during the campaign period, get additional benefits for their support. During campaign: – Costs: minimum one time fee of 50 euros (or US$50)" (archived 2002)
  25. "FAQ". Blender Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2019. สืบค้นเมื่อ January 3, 2019.
  26. 26.0 26.1 Catherine Clifford (May 19, 2014). "Crowdfunding Generates More Than $60,000 an Hour (Infographic)". Entrepreneur. Entrepreneur Media, Inc. สืบค้นเมื่อ May 25, 2014.
  27. "Crowd funding: An emerging trend in Bollywood". The Times of India. สืบค้นเมื่อ August 12, 2012.
  28. "Crowdfunding as the future of science funding?". The Science Exchange Blog. May 27, 2012. สืบค้นเมื่อ August 19, 2012.
  29. Hollow, Matthew (April 20, 2013). "Crowdfunding and Civic Society in Europe: A Profitable Partnership?". Open Citizenship. สืบค้นเมื่อ April 29, 2013.
  30. Ordanini, A.; Miceli, L.; Pizzetti, M.; Parasuraman, A. (2011). "Crowd-funding: Transforming customers into investors through innovative service platforms". Journal of Service Management. 22 (4): 443. doi:10.1108/09564231111155079. (also available as Scribd document เก็บถาวร มีนาคม 29, 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
  31. Agrawal, Ajay; Catalini, Christian; Goldfarb, Avi (January 1, 2014). "Some Simple Economics of Crowdfunding". Innovation Policy and the Economy. 14 (1): 63–97. doi:10.1086/674021. hdl:1721.1/108043. ISSN 1531-3468. S2CID 16085029.
  32. Agrawal, Ajay; Catalini, Christian; Goldfarb, Avi (February 25, 2015). "Are Syndicates the Killer App of Equity Crowdfunding?". Rochester, NY: Social Science Research Network. doi:10.2139/ssrn.2569988. hdl:1721.1/103355. S2CID 37659400. SSRN 2569988. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  33. Catalini, Christian; Gans, Joshua S. (March 19, 2018). "Initial Coin Offerings and the Value of Crypto Tokens". Working Paper Series (ภาษาอังกฤษ). doi:10.3386/w24418. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  34. 34.0 34.1 Tapscott, Don; Tapscott, Alex (May 2016). The Blockchain Revolution: How the Technology Behind Bitcoin is Changing Money, Business, and the World. Portfolio/Penguin. pp. 82–83, 128, 181, 245–246. ISBN 978-0670069972.
  35. Popper, Nathan (May 21, 2016). "A Venture Fund With Plenty of Virtual Capital, but No Capitalist". The New York Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2016. สืบค้นเมื่อ May 22, 2016.
  36. "The DAO of accrue: A new, automated investment fund has attracted stacks of digital money". The Economist. May 21, 2016. สืบค้นเมื่อ May 23, 2016.
  37. Waterss, Richard (May 17, 2016). "Automated company raises equivalent of $120M in digital currency". Financial Times. สืบค้นเมื่อ May 23, 2016.
  38. Allison, Ian (April 30, 2016). "Ethereum reinvents companies with launch of The DAO". International Business Times. สืบค้นเมื่อ May 1, 2016.
  39. Ian Fraser for Unquoted. May 1, 2015 Crowdfunding Part 3: The P2P lenders เก็บถาวร กรกฎาคม 20, 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  40. 40.0 40.1 40.2 40.3 David M. Freedman and Matthew R. Nutting. A Brief History of Crowdfunding เก็บถาวร มกราคม 25, 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  41. 41.0 41.1 >Bill Payne for Gust. May 4, 2015 US Crowdfunding in 2014
  42. "Nesta Annual Review 2014–2015" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ December 22, 2015. สืบค้นเมื่อ August 1, 2015.
  43. "How to Succeed in Crowdfunding Your Legal Claim". Invest4Justice. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 21, 2015. สืบค้นเมื่อ November 3, 2015.
  44. Randazzo, Sara (August 4, 2016). "Litigation Funding Moves Into Mainstream". The Wall Street Journal. ISSN 0099-9660. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
  45. "Q&A: Rizikitoto's Suraya Shivji, 17, crowd-funds for African orphans". Times-Standard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 10, 2015. สืบค้นเมื่อ January 10, 2015.
  46. Choy, Katherine; Schlagwein, Daniel (2016), "Crowdsourcing for a better world: On the relation between IT affordances and donor motivations in charitable crowdfunding", Information Technology & People, 29 (1): 221–247, doi:10.1108/ITP-09-2014-0215, S2CID 12352130
  47. Xu, Larry Zhiming (2018). "Will a digital camera cure your sick puppy? Modality and category effects in donation-based crowdfunding". Telematics and Informatics. 35 (7): 1914–1924. doi:10.1016/j.tele.2018.06.004. S2CID 53015852.
  48. Davies, Rodrigo (2015). "Three provocations for civic crowdfunding". Information, Communication & Society. 18 (3): 342–355. doi:10.1080/1369118X.2014.989878. hdl:1721.1/123437. S2CID 148641056.
  49. Belleflamme, P.; Omrani, N.; Peitz, M. (March 2015). "The Economics of Crowdfunding Platforms" (PDF). Information Economics and Policy. 33: 11–28. doi:10.1016/j.infoecopol.2015.08.003. S2CID 10924359.
  50. Snyder, Jeremy; Mathers, Annalise; Crooks, Valorie (2016). "Fund my treatment!: A call for ethics-focused social science research into the use of crowdfunding for medical care". Social Science & Medicine. 169: 27–30. doi:10.1016/j.socscimed.2016.09.024. PMID 27665200.
  51. Global Crowdfunding Volumes Rise 81% In 2012, August 4, 2013, The Huffington Post, Retrieved at September 7, 2013
  52. The Rise of Crowdfunding October 28, 2015, MyPrivateBanking Research
  53. Fischer, Matthias (2021). Fintech Business Models (ภาษาอังกฤษ). Berlin/Boston: De Gruyter. pp. 115, 116. ISBN 978-3-11-070450-1.
  54. "2,000 Global Crowdfunding Sites to Choose from by 2016". The Huffington Post. October 23, 2015.
  55. "80 Crowdfunding Statistics You Must See: 2021 Platforms, Impact & Campaign Data". April 19, 2021.
  56. "These Are the Top 10 Crowdfunding Platforms". March 11, 2021.
  57. "Selfstarter". GitHub.
  58. Goodman, Michelle. "Crowdfunding Without Kickstarter". Entrepreneur. สืบค้นเมื่อ 17 April 2023.

อ่านเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

  • วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Crowdfunding
Kembali kehalaman sebelumnya