ญะฮันนัม (อาหรับ : جهنم ) : "นรก"ในศาสนาอิสลาม มักสื่อถึงสถานที่ลงโทษผู้ปฏิเสธศรัทธาในชีวิตหลังความตาย การลงโทษจะหนักหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบาปกรรมที่ทำตอนยังมีชีวิต[ 1] ส่วนในอัลกุรอาน ญะฮันนัมมักถูกอ้างอิงในชื่อ อันนาร (النار ("ไฟ")),[ 2] ญะฮีม (جحيم ("ไฟที่ลุกโชน"))[ 3] , ฮุฏอมะฮ์ (حطمة ("สิ่งที่แตกเป็นชิ้นๆ"))[ 4] , ฮาวิยะฮ์ (هاوية ("เหวลึก"))[ 5] , ละซอ (لظى ), ซะอีร์ (سعير ("ประกายไฟ"))[ 6] , ซะก็อร (سقر )[ 7] [ 8] และเป็นชื่อของประตูนรกต่าง ๆ[ 9]
หลักฐาน
ชาวมุสลิมส่วนใหญ่รู้เรื่องนี้มาจากคำภีร์อัลกุรอาน รายงานจากEinar Thomassen นักวิชาการที่พบข้อมูลเกี่ยวกับญะฮันนัม/นรกอยู่เกือบ 500 แห่ง (โดยมีชื่อที่แตกต่างกัน) ในอัลกุรอาน[ 10]
กุรอาน
ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงนรกไว้หลายแบบ อัน-นาร (ไฟ) ถูกใช้ไป 125 ครั้ง, ญะฮันนัม 77 ครั้ง, ญะฮีม (ประกายไฟ) 26 ครั้ง[ 11] และอธิบายถึงคุณลักษณะของนรกไว้หลายแบบ[ 12] เช่น มีความโหดร้าย, น้ำเดือด[ 13] ลมร้อน และควันดำ[ 14] เสียงตะคอกและเสียงน้ำเดือด[ 15] ซึ่งทำให้ผู้อยู่ในนั้นหมดหวังและร้องไห้[ 16] ผิวที่ถูกไหม้ถูกเปลี่ยนเป็นผิวใหม่เพือที่จะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวด,[ 17] การดื่มน้ำที่เป็นหนอง และความตายปรากฏทุกด้านแต่พวกเขากลับไม่ตาย[ 18] พวกเขาถูกขึงด้วยโซ่ยาว 70 ศอก[ 19] ใส่เสื้อที่ทำมาจากไฟ และมีไฟล้อมรอบหน้าของพวกเขา[ 20] แล้วถูกราดน้ำเดือดไว้บนหัว ทำให้ผิวหนังและสิ่งที่อยู่ด้านในละลาย และถูกแขวนด้วยตะขอเหล็กเพื่อที่จะดึงพวกเขากลับถ้าพวกเขาพยายามที่จะหนี[ 21] พวกเขายอมรับการทำผิด และการวิงวอนขอการให้อภัยนั้นไม่เป็นที่ตอบรับ[ 22] [ 23] [ 24]
มีการอธิบายถึงญะฮันนัมว่า มันอยู่ใต้สวรรค์[ 25] [ 26] มี 7 ประตู แต่ละประตูจะมีไว้สำหรับกลุ่มหนึ่ง[ 9] ของผู้ทำบาป. ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงผู้ทำความผิดที่ "ถูกลงโทษตามผลกรรมที่ตนก่อไว้"[ 27] ส่วนพวกหน้าไหว้หลัวหลอกจะอยู่ในนรกชั้นที่ต่ำที่สุด[ 11] [ 28]
ภาพลักษณ์ของญะฮันนัม
นบี อิดรีส กำลังดูนรกกับเทวทูต โดยในนรกนั้น ผู้คนกำลังถูกลงโทษโดยซาบานิยะฮ์
นรกญะฮันนัมมักถูกกล่าวว่าเป็นเหวที่มีลมที่แผดเผา และมีสะพานอัซ-ซิรอต อยู่ด้านบน โดยที่ประตูนรกจะมีเทวทูตมาลิก และบรรดาเทวทูตของท่านคุมอยู่ และในส่วนลึกของญะฮันนัมจะมีต้นซักกูม ที่มีผลเหมือนหัวปิศาจ และผู้ที่ทำบาปจะถูกทรมานโดยซะบานิยะฮ์ ส่วนอัลกุรอาน 4:168 และอัลกุรอาน 37:23 กล่าวถึงเส้นทางที่พาไปนรก[ 11] [ 6]
สถานที่ตั้งของนรก
นักวิชาการมีความคิดที่ต่างกันเกี่ยวกับที่ตั้งของนรก. บางคนเชื่อว่ามันอยู่ที่บ่อซัลเฟอร์ในฮัดเราะเมาต์ ส่วนบางคนเชื่อว่ามันอยู่ในเทือกเขาแห่งฮินโนม . ในศิลปะเปอร์เซีย ประตูสู่นรกอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า วาดีญะฮันนัม ในประเทศอัฟกานิสถาน [ 29]
ตลอดกาลหรือชั่วคราว
บรรดาอุลามา ยังไม่มีข้อยอมรับอีกว่าพวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาลหรือไม่. บางอายะฮ์ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงความเป็นอมตะในสวรรค์กับนรก.
[ Note 1]
อัลกุรอาน 7:23 กุรอาน อายะฮ์ที่10:107 กล่าวว่าวันหนึ่งญะฮันนัมจะถูกทำลาย[ 30] ซึ่งจะทำให้ชาวนรกอาจได้รับการพักฟื้นหรือไม่มีอยู่อีกต่อไป แนวคิดของการทำลายล้างของนรกเรียกว่า ฟะนาอ์ อัล-นาร์ [ 31]
ความเชื่อส่วนใหญ่ของชาวมุสลิมคือ ชาวมุสลิมอยู่ในนรกแค่ชั่วคราว แต่ชนชาติอื่นจะอยู่ในนรกถาวร[ 32] [ 33]
ข้อความ
มีหลักฐานจากอัลกุรอาน อายะฮ์ที่25:12: "เมื่อนรกญะฮันนัมเป็นพวกเขาจากที่ไกล ๆ พวกเขาก็จะได้ยินเสียงคุไหม้และเสียงเดือดพล่านของมัน".[ 34] และในฮะดีษหนึ่งกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์ทรงตรัสกับญะฮันนัมว่า เจ้าเต็มแล้วหรือ? มันได้ตอบว่า: "จะมีคนมาเพิ่มอีกไหม?"[ 35]
ญะฮันนัมตามนิกายซุนนี
ชาวซุนนีได้แบ่ง ญะฮันนัม เป็น 7 ชั้น ได้แก่:
ไฟสำหรับชาวมุสลิมที่มีบาป
เพลิงสำหรับชาวคริสต์ที่มีบาป
ปลายทางที่ชั่วคราวสำหรับชาวยิวที่มีบาป
ไฟที่โชติช่วงสำหรับคนทรยศ
สถานที่สำหรับพวกแม่มดและหมอดู
เตาไฟสำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธา
เหวที่ไร้ที่สิ้นสุดสำหรับพวกหน้าไว้หลังหลอก (ชาวมุสลิมที่ภายนอกดูเหมือนศรัทธา แต่ในใจกลับปฏิเสธ)[ 36]
ฮะดีษ
ในฮะดีษได้กล่าวถึงลักษณะของ"ญะฮันนัม" อยู่หลายประการ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีหินถูกโยนลงในนั้น มันจะใช้เวลา 70 ปีก่อนที่จะถึงด้านล่าง[ 37] (ถ้านำไปใช้ในเครื่องคิดเลข หลุมนี้จะมีความลึกมากกว่า 190,000,000 กม. ซึ่งมีระยะทางไกลกว่าระยะทางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก)[ Note 2] ความกว้างของกำแพงนรกจะมีความยาวเท่ากับการเดินเท้าเป็นเวลา 40 ปี[ 37] มาลิกในฮะดีษได้กล่าวว่าท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่าไฟใน ญะฮันนัม มีความร้อนมากกว่าไฟบนโลกถึง 70 เท่า[ 38] และไฟนั้น "ดำยิ่งกว่าน้ำมันดิน".[ 39]
บางคนถูกสัญญาไว้ว่าจะอยู่ในนรกแล้ว โดยมีบันทึกไว้ในฮะดีษและอัลกุรอาน เช่น: ฟิรเอาน์ (ฟาโรห์ในหนังสืออพยพ ), ภรรยาของนบีนูฮ์ กับลูฏ และอบูละฮับ กับภรรยาของเขา (เป็นศัตรูกับศาสดามุฮัมมัด)[ต้องการอ้างอิง ]
ศาสดามุฮัมมัด ได้กล่าวว่า ชาวนรกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพราะพวกเธอมักจะนินทา, ชอบคาดเดา และพูดพล่อย[ 40] [ 41]
ในฮะดีษหนึ่งกล่าวว่า ในทุกๆ หนึ่งคนจาก 1,000 คนในวันกิยามะฮ์ จะมี 999 จะต้องอยู่ในไฟนรก ส่วนหนึ่งคนนั้นจะเข้าสวรรค์[ 42] [ 43] [ 44]
ในฮะดีษที่บันทึกโดยมุสลิมไว้ว่า ศาสดามุฮัมมัดกล่าวว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะอยู่ในญะฮันนัมตลอดกาล[ 45]
การใช้ภาชนะที่ทำมาจากเหล็กมีค่ามีส่วนในการตกนรก ตามฮะดีษที่กล่าวว่า: "ใครที่ดื่มจากภาชนะที่ทำมาจากเงิน เขาได้นำไฟนรกเข้าไปในท้องแล้ว"[ 46] หรือทรมานแมวจนตาย: "หญิงคนหนึ่งกำลังถูกทรมานและถูกนำเข้าไปในนรก เพราะว่าเธอขังแมวของเธอไว้ข้างในกรงจนมันตายเพราะความหิวโหย"[ 47] [ 48]
มีอย่างน้อยฮะดีษหนึ่งได้กล่าวถึงการเลี่ยงนรกไว้ว่า: "... จะไม่มีใครเข้านรก ถ้าในใจของเขามีความศรัทธาเล็กน้อย”[ Note 3]
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
↑
" และบรรดาผู้ที่ตามได้กล่าวว่า หากว่าเรามีโอกาสกลับไปอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะปลีกตัวออกจากพวกเขาบ้าง เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้ปลีกตัวออกจากพวกเรา ในทำนองเดียวนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาเห็นงานต่างๆ ของพวกเขาเป็นที่น่าเสียใจแก่พวกเขา และทั้งพวกเขาจะไม่ได้ออกจากไฟนรกด้วย" S. 2:167 Arberry
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น หากพวกเขามีสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด และมีเยี่ยงนั้นอีกรวมกัน เพื่อจะใช้มันไถ่ตัวให้พ้นจากการลงโทษในวันกิยามะฮ์แล้ว มันก็จะไม่ถูกรับจากพวกเขา และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันเจ็บแสบ เขาเหล่านั้นปรารถนาที่จะออกจากไฟนรก แต่พวกเขาก็หาได้ออกจากมันไปได้ไม่ และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษที่คงอยู่ตลอดไป S. 5:36-37
ดังนั้น พวกเจ้า (ชาวนรก) จงลิ้มรสเถิด เนื่องด้วยพวกเจ้าได้ลืมการชุมนุมกันในวันนี้ของพวกเจ้า แท้จริงเราก็ลืมพวกเจ้าด้วย และพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษอย่างตลอดกาลตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เถิด" S. 32:14
นั่นคือ การตอบแทนแก่เหล่าศัตรูของอัลลอฮฺ คือ ไฟนรก สำหรับพวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกนั้นตลอดกาลเป็นการตอบแทนตามที่พวกเขาปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา S. 41:28
↑ โดยยึดตามแรงโน้มถ่วงของโลก และความเร็วปลาย ที่เร็ว 89.5 เมตร/วินาที ระยะทางประมาณ 197,708,364,000 เมตร หรือประมาณ 1.3 หน่วยดาราศาสตร์ (AU - ระยะทางเฉลี่ยระหว่างดวงอาทิตย์และโลก)
↑ ฮะดีษอัตติรมีซีย์ (1999), อบูดาวูด (4091) และอิบน์มาญะฮ์ (59) รายงานจากอับดุลลอฮ์ อิบน์ มัสอูด กล่าวว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ (ซ็อลฯ (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)) กล่าวว่า: “จะไม่มีใครเข้าสวรรค์ ถ้าในใจของเขามีความปฏิเสธเพียงเล็กน้อย และจะไม่มีใครเข้านรก ถ้าในใจของเขามีความศรัทธาเพียงเล็กน้อยเช่นกัน”[ 49]
อ้างอิง
↑ Tom Fulks Heresy? the Five Lost Commandments Strategic Book Publishing 2010 ISBN 978-1-609-11406-0 page74
↑ "Islamic Terminology" . สืบค้นเมื่อ 23 December 2014 .
↑ อัลกุรอาน 2:119
↑ อัลกุรอาน 104:4
↑ อัลกุรอาน 101:9
↑ 6.0 6.1 อัลกุรอาน 67:5
↑ "A Description of Hellfire (part 1 of 5): An Introduction" . Religion of Islam . สืบค้นเมื่อ 23 December 2014 .
↑ "The Names of Hell-Fire" . IslamCan.com . สืบค้นเมื่อ 23 December 2014 .
↑ 9.0 9.1 Rustomji, Nerina (2009). The Garden and the Fire: Heaven and Hell in Islamic Culture . Columbia University Press. pp. 118–9. สืบค้นเมื่อ 25 December 2014 .
↑ Thomassen, Einar (2009). "Islamic Hell". Numen: International Review for the History of Religions . 56 (2/3).
↑ 11.0 11.1 11.2 Kaltner, John, บ.ก. (2011). Introducing the Qur'an: For Today's Reader . Fortress Press. pp. 228–9. สืบค้นเมื่อ 2 May 2015 .
↑ Smith, Jane Idleman; Haddad, Yvonne Yazbeck (1981). The Islamic Understanding of Death and Resurrection . State University of New York Press. pp. 85–86.
↑ อัลกุรอาน 55:55
↑ อัลกุรอาน 56:42-43
↑ อัลกุรอาน 67:7-8
↑ อัลกุรอาน 11:106
↑ อัลกุรอาน 4:56
↑ อัลกุรอาน 15:16-17
↑ อัลกุรอาน 69:30-32
↑ อัลกุรอาน 14:50
↑ อัลกุรอาน 67:7
↑ Kaltner, John, บ.ก. (2011). Introducing the Qur'an: For Today's Reader . Fortress Press. p. 233. สืบค้นเมื่อ 2 May 2015 .
↑ อัลกุรอาน 26:96-102
↑ อัลกุรอาน %3Averse%3D24 41 :24
↑ verse 7:50 states "The companions of the Fire will call to the Companions of the Garden: ‘Pour down to us water or anything that God doth provide’".อัลกุรอาน 7:50
↑ Ali, Abdullah Yusuf (2001). The Qur'an . Elmhurst, New York: Tahrike Tarsile Qur'an, Inc. pp. 353–4.
↑ อัลกุรอาน 6:132
↑ อัลกุรอาน 4:145
↑ Christian Lange Locating Hell in Islamic Traditions BRILL 978-90-04-30121-4 p. 12-13
↑ F. E. Peters The Monotheists: Jews, Christians, and Muslims in Conflict and Competition, Volume II: The Words and Will of God Princeton University Press 2009 ISBN 978-1-400-82571-4 page 145
↑ Christian Lange
Locating Hell in Islamic Traditions
BRILL 978-90-04-30121-4 p. 12
↑ A F Klein Religion Of Islam Routledge 2013 ISBN 978-1-136-09954-0 page 92
↑ Saalih al-Munajjid (Supervisor), Muhammad. "200252: Is there any mention in the Islamic texts of a minimum period that sinners among the people of Tawheed will spend in Hell?" . Islam Question and Answer . สืบค้นเมื่อ 7 May 2018 .
↑ AMATULLAH. "Paradise and Hell" . Islamicity . สืบค้นเมื่อ 7 May 2018 . [ลิงก์เสีย ]
↑ Ali, Abdullah Yusuf (2001). The Qur'an . Elmhurst, New York: Tahrike Tarsile Qur'an, Inc. p. 1415.
↑ A F Klein Religion Of Islam Routledge 2013 ISBN 978-1-136-09954-0 page 92
↑ 37.0 37.1 Elias, Afzal Hoosen. "Conditions and Stages of Jahannam (Hell)" (PDF) . discoveringIslam.org . สืบค้นเมื่อ 25 December 2014 .
↑ Imam Malik. "Chapter 57 Hadith number 1" .
↑ Imam Malik. "Chapter 57 Hadith 2" .
↑ Sahih al-Bukhari , 2:18:161 (Volume 2, Book 18, Hadith number 161)
↑ Sahih al-Bukhari , 1:6:301 (Volume 1, Book 6, Hadith number 301)
↑ Sahih al-Bukhari , 4:55:567 (Volume 4, Book 55, Hadith number 567)
↑ อัลกุรอาน 56:39-55
↑ al-Ghazali (1989). The Remembrance of Death and the Afterlife . The Islamic Text Society.
↑ Sahih Muslim. "001:199" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-12-03. สืบค้นเมื่อ 2019-02-20 .
↑ Imam Malik. "Chapter 49 Hadith 11" .
↑ Sahih al-Bukhari , 3 :40:323
↑ Parshall, Phil (1989). "8. Hell and Heaven". The Cross and the Crescent Understanding the Muslim Mind and Heart (PDF) . Global Mapping International. p. 132. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2014-12-30. สืบค้นเมื่อ 29 December 2014 .
↑ Muhammad Saalih al-Munajjid (2013-10-13). "170526: Commentary on the hadeeth, "No one who has an atom's weight of faith in his heart will enter Hell" " . Islam Question and Answer . สืบค้นเมื่อ 20 June 2017 .
หนังสือ และบทความต่าง ๆ