นกพิราบนักเดินทาง
นกพิราบนักเดินทาง (อังกฤษ: passenger pigeon, Ectopistes migratorius) เป็นสปีชีส์ของนกพิราบหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เคยอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ชื่อสามัญและชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสปีชีส์นี้อธิบายถึงนิสัยการอพยพของมัน นกพิราบนักเดินทางมีลักษณะทางเพศที่แตกต่างกันทั้งในด้านขนาดและสีสัน ตัวผู้มีความยาวประมาณ 390-410 มม.[4] ลำตัวส่วนบนมีเป็นสีเทาเป็นหลัก ส่วนล่างมีสีเทาที่อ่อนกว่า บริเวญขอมีขนสีเหลือบสัมฤทธิ์ และมีจุดสีดำบนปีก ตัวเมียมีความยาว 380-400 มม. โดยรวมมีสีที่หมองและน้ำตาลกว่าตัวผู้ ลูกนกจะมีลักษณะคล้ายกับตัวเมียแต่ขาดขนสีเหลือบที่คอ [5][4] นกพิราบนักเดินทางรับประทานผลเปลือกแข็งเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรับประทานผลไม้และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง นกพิราบนักเดินทางอาศัยอยู่ในไม้ผลัดใบในทางภาคตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือเป็นหลัก และมีการบันทึกว่าพบในพื้นที่อื่น ๆ แต่การขยายพันธุ์ของมันมักเกิดขึ้นในบริเวณรอบเกรตเลกส์[6] นกพิราบชนิดนี้อพยพเป็นฝูงขนาดใหญ่ โดยจะเดินทางเพื่อค้นหาอาหาร ที่พักพิง และที่ผสมพันธุ์[7][8] นกพิราบนักเดินทางเคยเป็นนกที่มีจำนวนมากที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยมีจำนวนประมาณ 3 พันล้านตัว และอาจมากถึง 5 พันล้านตัว นอกจากนี้ยังเป็นนกสี่สามารถบินได้รวดเร็วเป็นอย่างมากด้วยความเร็วถึง 100 กม./ชม[9]. นกพิราบนักเดินทางถูกล่าโดยชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่การล่าทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากชาวยุโรปเข้ามาพักอาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 19 โดยเนื้อนกพิราบถูกค้าขายเป็นอาหารราคาถูก ส่งผลให้มีการล่าขนาดใหญ่เป็นเวลาหลายทศวรรษ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นการลดจำนวนลงของประชากรที่สามารถสืบพันธุ์ได้ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการอนุรักษ์สายพันธุ์ และการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งทำลายแหล่งที่อยู่มาศัยของมัน ซึ่งล้วนส่งผลให้นกพิราบนักเดินทางลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ในที่สุด ประชากรมีการลดลงอย่างช้า ๆ ระหว่างประมาณปี 1800 ถึง 1870 ตามด้วยการลดลงอย่างรวดเร็วระหว่างปี ค.ศ. 1870 ถึง 1890 และในปี ค.ศ. 1900 นกพิราบนักเดินทางป่าตัวสุดท้ายที่ได้รับการยืนยันถูกยิงในทางตอนใต้ของรัฐโอไฮโอ[2][10] นกกลุ่มสุดท้ายที่ถูกจับมาเลี้ยงถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยบางกลุ่มมีภาพถ่ายขณะมีชีวิตอยู่ มาร์ธา ซึ่งเชื่อว่าเป็นนกพิราบนักเดินทางตัวสุดท้าย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1914 ที่สวนสัตว์ซินซินนาติ การหายไปของนกพิราบนักเดินทางเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการสูญพันธุ์ที่เกิดจากมนุษย์ อ้างอิง
|