พระยาประเสริฐสุนทราศรัย (กระจ่าง สิงหเสนี)
อำมาตย์โท นายหมวดเอก นายเรือเอก พระยาประเสริฐสุนทราศรัย (กระจ่าง สิงหเสนี) อดีตผู้ว่าราชการเมืองบุรีรัมย์ ปลัดมณฑลอุดร ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ประวัติพระยาประเสริฐสุนทราศรัย มีชื่อเดิมว่า กระจ่าง เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 เป็นบุตรชายของพระยาเพชรชฎา (ดิศ สิงหเสนี) กับมารดาชื่อ โหมด ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ คุณหญิงตุ่ม มีบุตรธิดาที่สำคัญคือ 1.คุณหญิงเจือ นครราชเสนี ผู้บริจาคที่ดินสร้างโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมรสกับ พระยานครราชเสนี (สหัด สิงหเสนี) 2.หลวงสิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) สมาชิกคณะราษฎรและอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลี 3.นางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินสร้างวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก พระอารามหลวง พระยาประเสริฐสุนทราศรัยถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคดีซ่าน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471 สิริอายุได้ 54 ปี[1] รับราชการพระยาประเสริฐสุนทราศรัยเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กจากนั้นจึงได้เป็นพระพี่เลี้ยงในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ต่อมาได้ขึ้นไปรับราชการที่มณฑลนครราชสีมา ในตำแหน่งผู้ช่วยข้าหลวงมหาดไทยมณฑลนครราชสีมา จนได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น หลวงรังสฤษดิ์ศุขการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2437 จากนั้นอีก 3 ปีต่อมาคือในปี พ.ศ. 2440 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงมหาดไทยมณฑลนครราชสีมา จากนั้นในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2444 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ไปรั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองนางรอง ลำดับชั้นที่ 2 โท ซึ่งวันที่ 3 สิงหาคม ปีเดียวกันได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมืองบุรีรัมย์[2] และได้โปรดเกล้าฯ ให้ส่งสัญญาบัตรตำแหน่งหน้าที่ราชการไปพระราชทานเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2444[3] จนได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น พระนครภักดี ศรีนครานุรักษ์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2447 ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2451 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่ง ปลัดมณฑลอุดร โดยมี หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ข้าหลวงมหาดไทยมณฑลภูเก็ตมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองบุรีรัมย์แทน โดยได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็นอำมาตย์โท เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454 จากนั้นจึงได้ย้ายไปรับตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองเลย แทน พระภักดีศรีสงคราม ที่สลับไปรับตำแหน่ง ปลัดมณฑลอุดร เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2456 จากนั้นจึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาประเสริฐสุนทราศรัย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2460 ต่อมาจึงได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองตราด เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนกราบถวายบังคมลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2467 ยศและบรรดาศักดิ์
ตำแหน่ง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
|