วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร
วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร [ไช-ยะ-พฺรึก-สะ-มา-ลา][1] เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์ ในแขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ประวัติวัดชัยพฤกษมาลาสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2300 ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์กลายเป็นวัดร้าง โดยในช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ (ร.2) รื้ออิฐวัดชัยพฤกษ์ไปสร้างกำแพงพระนครส่วนที่พระองค์ทรงเป็นนายด้าน (ควบคุมงาน) จนในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดชัยพฤกษ์ขึ้นใหม่เป็นการทดแทนวัดเดิมที่ถูกรื้อ โดยมีพระราชดำริให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนทรงผนวช เป็นแม่กองดำเนินการสร้างวัดชัยพฤกษ์ จนในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดชัยพฤกษ์เข้าในบัญชีพระอารามกฐินหลวงพระราชทาน และโปรดให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงพระผนวช เสด็จฯ มาทรงจุดเทียนพรรษาและถวายพระกฐินทุกปี ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์และโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส เป็นแม่ข่ายดำเนินการซ่อมสร้างจนแล้วเสร็จ พร้อมกับพระราชทานสร้อยนามวัดว่า วัดชัยพฤกษมาลา ทั้งยังจัดทำสวน ขุดคูรอบวัด สร้างพระอุโบสถและพระวิหารเดิมให้แล้วเสร็จ สร้างศาลาการเปรียญ ก่อพระเจดีย์ใหญ่พร้อมด้วยพระเจดีย์ทิศ 4 มุม หอสวดมนต์ หอระฆัง สะพานท่าน้ำ วัดชัยพฤกษมาลาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 อาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุพระอุโบสถหลังเก่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 และบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระอุโบสถมีขนาดกว้าง 7.56 เมตร ยาว 19.20 เมตร หน้าบันของพระอุโบสถเป็นลวดลายปูนปั้น หน้าบันประธานเป็นภาคครุฑยุดนาค (พระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) อยู่ท่ามกลางลายพุดตานใบเทศ ส่วนหน้าบันของมุขหน้า-หลัง เป็นพระมหามงกุฎ (พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 4) แวดล้อมด้วยลายพุดตานใบเทศ มีหลวงพ่อโต (พระพุทธชัยพฤกษธิกามหาบพิตร) เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา พระประธานในพระอุโบสถหลังเดิม พระอุโบสถหลังใหม่มีหน้าบัน เป็นรูปครุฑพ่าห์ ซึ่งเป็นพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ 2 และที่มุขลดของหน้าบันมีปูนปั้นเป็นรูปพระมหามงกุฎ ซึ่งเป็นพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ 4 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน เป็นพระพุทธชินราชจำลอง มีนามว่า พระพุทธชัยมงคล ภปร.[2] พระวิหาร มีร่องรอยจิตรกรรมฝาผนังเดิม เขียนเป็นลายประจำยามรักร้อย ด้วยสีแดงและสีเขียวบนพื้นสีเหลือง พระเจดีย์สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะของเจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ มีเจดีย์บริวาร 4 มุม โดยโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ปฏิสังขรณ์เมื่อ พ.ศ. 2378 ต่อมาเจดีย์องค์นี้เป็นที่บรรจุอัฐิของราชสกุลลดาวัลย์ และมีบางส่วนของพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่ด้วย และวัดยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ภายในบริเวณวัดยังมีโรงเรียนกุศลศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่วัดอุปถัมภ์มาแต่เดิม[3] รายนามเจ้าอาวาส
อ้างอิง
|