วิกิพีเดีย:คู่มือการเขียน/การทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่น
การทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ด้วยอักษรไทยนั้น ราชบัณฑิตยสภา วางหลักเกณฑ์ไว้ 2 ครั้ง คือ ฉบับ พ.ศ. 2535 ต่อมายกเลิกและแทนที่ด้วยฉบับ พ.ศ. 2561
หลักเกณฑ์ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (พ.ศ. 2561)
หลักทั่วไป
1. การทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นตามหลักเกณฑ์นี้เป็นการถ่ายเสียงภาษาญี่ปุ่นที่เขียนด้วยอักษรโรมัน เท่าที่อักษรโรมันจะแสดงได้ โดยถ่ายเสียงสระและเสียงพยัญชนะตามที่ออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานหรือภาษาโตเกียว และมีตารางเทียบเสียงพยัญชนะและเสียงสระแสดงไว้ อย่างไรก็ตาม ในภาษาญี่ปุ่นมีการเน้นเสียงซึ่งอาจทำให้เสียงหรือความหมายเปลี่ยนไปบ้าง การเน้นเสียงนั้นสามารถตรวจสอบได้ในพจนานุกรมที่แสดงเครื่องหมายกำกับไว้ นอกจากนี้ยังอาจมีการลดเสียงบางเสียง แต่ในหลักเกณฑ์นี้ไม่ได้นำเรื่องการเน้นเสียงและการลดเสียงมาพิจารณา
2. การทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นตามหลักเกณฑ์นี้พยายามเขียนให้ใกล้เคียงกับเสียงในภาษาญี่ปุ่นเท่าที่อักขรวิธีไทยจะเอื้ออำนวยและรองรับได้ ในกรณีที่ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงได้ 2 แบบ ก็ให้ใช้ได้ทั้ง 2 แบบ เช่น Nippon = นิปปง, นิปปน ในกรณีที่ไม่สามารถใช้อักขรวิธีไทยเขียนได้ ก็จะเลือกตัวอักษรที่อ่านง่ายเขียนง่าย เช่น tsu = สึ
3. ระบบการเขียนภาษาญี่ปุ่นโดยใช้อักษรโรมันเพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถอ่านได้มีหลายระบบ หลักเกณฑ์นี้ใช้ระบบเฮ็ปเบิร์นเป็นหลัก เนื่องจากเป็นระบบเขียนที่ใกล้เคียงกับเสียงมากที่สุด และเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ระบบอื่น จึงได้นำอักษรโรมันที่ถอดตามระบบอื่นมาใส่ไว้ในตารางด้วยโดยเรียงตามลำดับอักษร
อักษรโรมันระบบเฮ็ปเบิร์นเป็นอักษรโรมันที่ใช้เขียนภาษาญี่ปุ่นระบบหนึ่งซึ่งเน้นเสียงเป็นหลัก เริ่มใช้ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในสมัยเมจิ เป็นระบบการเขียนซึ่งแพทย์และนักสอนศาสนาชาวอเมริกันชื่อ เจมส์ เคอร์ติส เฮ็ปเบิร์น (ค.ศ. 1815–1911) ริเริ่มคิดขึ้นและใช้ในการจัดทำพจนานุกรมญี่ปุ่น–อังกฤษ อังกฤษ–ญี่ปุ่น เป็นระบบที่ได้รับการยอมรับและใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
4. คำที่รับมาจากภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่น คำในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน , กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง , ศัพท์บัญญัติชื่อแร่และศัพท์บัญญัติชื่อธาตุ ฯลฯ ให้ใช้ตามประกาศครั้งล่าสุด
5. คำภาษาญี่ปุ่นที่รับมาใช้ในภาษาไทยเป็นเวลานานและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้ว ให้ใช้ตามเดิม เช่น
Tōkyō [โทเกียว] Kyōto [เคียวโตะ]
= =
โตเกียว เกียวโต
6. สระเดี่ยวสั้น ในภาษาญี่ปุ่นมี 5 เสียง แสดงด้วยอักษรโรมันดังนี้ a, i, u, e และ o การออกเสียงสระสั้นโดยปรกติไม่ปิดเส้นเสียงข้างท้าย ยกเว้นกรณีที่อยู่ในตำแหน่งท้ายคำจะออกเสียงโดยปิดเส้นเสียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้มีลักษณะคล้ายกับเสียงสระสั้นท้ายคำในภาษาไทย (อย่างคำว่า กระทะ , กะทิ ) ในการทับศัพท์กำหนดดังนี้
6.1 สระเดี่ยวสั้นในพยางค์ที่ไม่มีตัวสะกดและไม่ได้อยู่ท้ายคำ ทับศัพท์เป็นสระเสียงยาว เช่น
ya mao cha Fu ku i
= = =
ยา มะโ อจะฟูกู อิ
ยกเว้นสระ i ทับศัพท์เป็นสระเสียงสั้นในทุกตำแหน่ง เช่น
6.2 สระเดี่ยวสั้นในตำแหน่งท้ายคำ ทับศัพท์เป็นสระเสียงสั้น เช่น
Tanaka fune
= =
ทานากะ ฟูเ นะ
6.3 สระเดี่ยวสั้นในพยางค์ที่มีตัวสะกด ได้แก่ k, m, n, p, s, t ทับศัพท์เป็นสระเสียงสั้น เช่น
ga kkō sa mma ho ntō Ni ppo n za sshii tchi
= = = = = =
กั กโกซั มมะ ฮนโตนิ ปปง, นิ ปปนซั ชชิอิ ตจิ
7. สระเดี่ยวยาว ในภาษาญี่ปุ่นมี 5 เสียง ออกเสียงยาวประมาณ 2 เท่าของสระเสียงสั้น แสดงด้วยอักษรโรมันตามระบบเฮ็ปเบิร์นดังนี้ ā, ī, ū, ē และ ō ในการทับศัพท์กำหนดให้ใช้สระเสียงยาวทุกตำแหน่ง เช่น
okā san oishī jū yō onē san sayō nara
= = = = =
โอกา ซัง, โอกา ซัน โออิชี จูโ ย โอเ นซัง, โอเ นซัน ซาโ ยนาระ
ในการใช้ทั่วไปเช่นในสื่อมวลชน อาจพบสระเดี่ยวยาวในรูปสระตัวเดียวคือ a, i, u, e และ o เช่น ชื่อนายกรัฐมนตรี Shinzō Abe มักพบรูปเขียนเป็น Shinzo Abe, ชื่อเมือง Tō kyō มักพบรูปเขียนเป็น To kyo
อย่างไรก็ตาม ในการเขียนภาษาญี่ปุ่นโดยใช้อักษรโรมันด้วยระบบอื่น อาจพบรูปสระเดี่ยวยาวรูปอื่น ดังนี้ aa, ii, uu, ee, ei, oo, ou และ oh เช่น
okaa san oishii juu yoo onee san sensei sayoo nara kou shiOh no
= = = = = = = =
โอกา ซัง, โอกา ซัน โออิชี จูโ ย โอเ นซัง, โอเ นซัน เซ็นเ ซ ซาโ ยนาระโ คชิ (ขงจื๊อ)โ อโนะ
สระ 2 ตัวเรียงต่อกันในบางคำอาจแสดงเป็นคนละคำกัน กรณีเช่นนี้ให้ทับศัพท์แยกเป็นแบบสระเดี่ยวสั้น เช่น
kou shi (ko -u shi) kei to (ke -i to) Ishii (Ishi -i )
= = =
โ คอู ชิ (ลูกวัว)เ คอิ โตะ (ด้ายขนสัตว์) อิชิอิ (ชื่อสกุล)
หากมีข้อสงสัยให้สอบถามผู้รู้หรือค้นหาในพจนานุกรม
8. สระต่างกันที่เรียงติดต่อกัน 2 เสียงขึ้นไป ให้เขียนทับศัพท์เรียงกัน เช่น
ยกเว้นสระ ai ให้ใช้ ไ– เช่น
9. พยัญชนะ ch, k, p และ t เมื่ออยู่ในตำแหน่งต้นคำจะเป็นเสียงพ่นลม (aspirated) แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งอื่นจะเป็นเสียงไม่พ่นลม (unaspirated) หรือพ่นลมค่อนข้างเบา จึงกำหนดให้ทับศัพท์ดังนี้
ตำแหน่งต้นคำ
ตำแหน่งอื่น
ch k p t
= = = =
ช ค พ ท
ch k p t
= = = =
จ ก ป ต
10. พยัญชนะ f ในอักษรโรมันระบบเฮ็ปเบิร์น เป็นเสียงพยัญชนะเสียดแทรก ไม่ก้อง เกิดระหว่างริมฝีปากบนกับริมฝีปากล่าง [ɸ] ซึ่งไม่มีในภาษาไทย กำหนดให้ทับศัพท์เป็น ฟ เช่น
F ujiF ukuoka
= =
ฟู จิฟู กูโอกะ
11. พยัญชนะ g เมื่ออยู่ในตำแหน่งต้นคำออกเสียง [ɡ] คล้าย ก ให้เขียนทับศัพท์ด้วย ก แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งอื่นออกเสียง [ŋ] ให้เขียนทับศัพท์ด้วย ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้พูดภาษาญี่ปุ่นบางกลุ่มมักออกเสียงพยัญชนะนี้เป็น [ɡ] หรือ [ɣ] ในตำแหน่งอื่นนอกจากตำแหน่งต้นคำ จึงให้ทับศัพท์เป็น ก ทุกตำแหน่งได้ด้วย เช่น
arig atō gog o
= =
อาริง าโต, อาริก าโต โกโง ะ, โกโก ะ
12. พยัญชนะ j เมื่ออยู่ในตำแหน่งต้นคำ เป็นเสียงพยัญชนะกักเสียดแทรก ก้อง เกิดที่ตำแหน่งลิ้นส่วนหน้ากับหลังปุ่มเหงือก [d͡ʑ] เมื่ออยู่กลางคำ บางครั้งเป็นเสียงเสียดแทรก [ʑ] ทั้ง 2 เสียงนี้เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย ให้เขียนทับศัพท์ด้วย จ เช่น
13. พยัญชนะนาสิก n มีหลักเกณฑ์การทับศัพท์ดังนี้
13.1 ในกรณีที่อยู่ต้นคำหรือต้นพยางค์ ออกเสียง น หรือใกล้เคียงกับ น ให้ทับศัพท์เป็น น เช่น
13.2 ในกรณีที่อยู่ท้ายคำหรือตามด้วยพยางค์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ ปรกติออกเสียงเป็นเสียงนาสิก ก้อง ที่ตำแหน่งโคนลิ้นกับลิ้นไก่ [ɴ] ซึ่งใกล้เคียงกับ ง ให้ทับศัพท์เป็น ง แต่บางครั้งเมื่อต้องการปิดคำ ผู้พูดภาษาญี่ปุ่นก็ออกเสียงเป็น น จึงให้ทับศัพท์เป็น น ได้ด้วย ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น
Jōmon bon' odori
= =
โจมง , โจมน บง โอโดริ, บน โอโดริ
13.3 ในกรณีที่อยู่ท้ายพยางค์ ส่วนใหญ่มีการกลมกลืนเสียง (assimilation) ไปตามฐานกรณ์ (articulator) ของพยัญชนะที่ตามมา มีหลักเกณฑ์การทับศัพท์ดังนี้
- ในตำแหน่งท้ายพยางค์ที่ตามด้วย ch, d, j, n, r, s, sh, t, z ออกเสียง น หรือใกล้เคียงกับ น ให้ทับศัพท์เป็น น เช่น
min chō En dō jin ja kon nichiwa ren raku shin sai man shū hon tō jin zai
= = = = = = = = =
มิน โจ เอ็น โด จิน จะ คน นิจิวะ เร็น รากุ ชิน ไซ มัน ชู ฮน โต จิน ไซ
- ในตำแหน่งท้ายพยางค์ที่ตามด้วย g, h, k, w, y ออกเสียง ง หรือใกล้เคียงกับ ง ให้ทับศัพท์เป็น ง เช่น
rin go kokusan hin gin kō den wa hon ya
= = = = =
ริง โงะ, ริง โกะ โคกูซัง ฮิง, โคกูซัง ฮิน กิง โก เด็ง วะ ฮง ยะ
14. พยัญชนะ ts เป็นเสียงพยัญชนะกักเสียดแทรก ไม่ก้อง เกิดที่ตำแหน่งปลายลิ้นกับปุ่มเหงือก [t͡s] เป็นเสียงซึ่งไม่มีในภาษาไทย และพยัญชนะ ts นี้เกิดกับสระ u และ ū เท่านั้น กำหนดให้ทับศัพท์ดังนี้
tsu ที่อยู่ต้นคำหรือตามหลังพยัญชนะ ทับศัพท์เป็น สึ เช่น
tsu nami mittsu
= =
สึ นามิ มิตสึ
tsu ที่ตามหลังสระ ทับศัพท์เป็น ตสึ เช่น
tsū ที่อยู่ต้นคำหรือตามหลังพยัญชนะ ทับศัพท์เป็น ซือ เช่น
tsū yaku ittsū
= =
ซือ ยากุ อิตซือ
tsū ที่ตามหลังสระ ทับศัพท์เป็น ตซือ เช่น
15. ชื่อกับชื่อสกุลของคนญี่ปุ่นที่เขียนด้วยอักษรโรมัน มักเขียนชื่อตัว เว้นวรรค และตามด้วยชื่อสกุล ในการทับศัพท์ให้เขียนไปตามนั้น เช่น
Ichirō SUZUKI Takuya KIMURA
= =
อิจิโร ซูซูกิ ทากูยะ คิมูระ
ส่วนชื่อกับชื่อสกุลของคนญี่ปุ่นโดยปรกติเขียนด้วยอักษรคันจิ ติดกัน ไม่เว้นวรรค และเขียนชื่อสกุลมาก่อนแล้วจึงตามด้วยชื่อตัว หากทับศัพท์จากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น ให้สลับเขียนชื่อตัวขึ้นก่อน เว้นวรรค และตามด้วยชื่อสกุลตามรูปแบบการเขียนในภาษาไทย เช่น
鈴木一朗( すずきいちろう ) (SUZUKI, Ichirō) 木村拓哉( きむらたくや ) (KIMURA, Takuya)
= =
อิจิโร ซูซูกิ ทากูยะ คิมูระ
16. คำนำหน้าชื่อหรือคำบอกประเภทวิสามานยนามในภาษาญี่ปุ่นโดยปรกติจะวางไว้หลังชื่อ ซึ่งต่างกับภาษาไทย ในการทับศัพท์ให้แปลคำเหล่านั้นแล้วยกมาวางไว้ข้างหน้า เช่น
Tanakasan Aomoriken Wasedadaigaku Risonaginkō
= = = =
คุณ ทานากะ (san เป็นคำเรียกประกอบท้ายชื่อเพื่อแสดงความสุภาพ)จังหวัด อาโอโมริ (ken แปลว่า จังหวัด)มหาวิทยาลัย วาเซดะ (daigaku แปลว่ามหาวิทยาลัย)ธนาคาร ริโซนะ (ginkō แปลว่า ธนาคาร)
คำบอกประเภทวิสามานยนามที่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อเฉพาะ เช่น แม่น้ำ ภูเขา เกาะ ทะเลสาบ วัด ในการทับศัพท์ให้ทับศัพท์ชื่อเฉพาะนั้นทั้งหมดและอาจ ใส่คำแปลของคำบอกประเภทวิสามานยนามไว้ข้างหน้าด้วย เช่น
Arakawa Gassan Kiyomizudera Kinkakuji
= = = =
อารากาวะ , แม่น้ำ อารากาวะ (kawa แปลว่า แม่น้ำ) กัซซัง , กัซซัน , ภูเขา กัซซัง , ภูเขา กัซซัน (san แปลว่า ภูเขา) คิโยมิซูเดระ , วัด คิโยมิซูเดระ (dera มาจาก tera แปลว่า วัด) คิงกากูจิ , วัด คิงกากูจิ (ji แปลว่า วัด)
ในการตัดสินว่าจะใส่คำแปลของคำบอกประเภทวิสามานยนามไว้ข้างหน้าหรือไม่ อาจนำรูปแบบที่ใช้ในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษมาพิจารณาประกอบ
17. ในการเขียนภาษาญี่ปุ่นด้วยอักษรโรมันอาจมีการใช้เครื่องหมายยัติภังค์เพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น ในการทับศัพท์ให้เขียนติดกันโดยไม่ต้องใส่เครื่องหมายยัติภังค์ เช่น
Tanaka- san Aomori- ken Waseda- daigaku Risona- ginkō Kiyomizu- dera
= = = = =
คุณทานากะ จังหวัดอาโอโมริ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ธนาคารริโซนะ คิโยมิซูเดระ, วัดคิโยมิซูเดระ
18. คำย่อที่เขียนด้วยอักษรโรมัน ให้เขียนชื่อตัวอักษรนั้น ๆ ตามเสียงภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอังกฤษ (ฉบับร่าง) ดังนี้
A D G J M P S V Y
= = = = = = = = =
เอ ดี จี เจ เอ็ม พี เอส วี วาย
B E H K N Q T W Z
= = = = = = = = =
บี อี เอช เค เอ็น คิว ที ดับเบิลยู ซี, เซด
C F I L O R U X
= = = = = = = =
ซี เอ็ฟ ไอ เอล โอ อาร์ ยู เอ็กซ์
เช่น
อย่างไรก็ดี คนญี่ปุ่นอาจออกเสียงตัวอักษรเหล่านี้แตกต่างกับตารางข้างต้น
19. คำที่ผูกขึ้นจากตัวย่อ ซึ่งอ่านออกเสียงได้เสมือนคำคำหนึ่ง มิได้ออกเสียงเรียงตัวอักษรให้เขียนตามเสียงที่ออกและไม่ต้องใส่จุด เช่น
JASSO (Japan Student Services Organization)
=
จัสโซ
ตารางเทียบเสียง
เสียงพยัญชนะ
พยัญชนะเดี่ยว
ตารางเทียบพยัญชนะภาษาญี่ปุ่นนี้ใช้อักษรโรมันระบบเฮ็ปเบิร์นเป็นหลัก แต่ผู้ใช้อาจพบอักษรโรมันระบบอื่นในตำราหรือเอกสารโบราณ จึงได้เทียบอักษรโรมันระบบอื่นไว้ ส่วนตัวอย่างที่ให้ใช้อักษรโรมันระบบเฮ็ปเบิร์น
อักษรโรมัน
เงื่อนไข
เสียง
ใช้
ตัวอย่างคำ
คำทับศัพท์
ระบบเฮ็ปเบิร์น
ระบบอื่น
b
b
–
b
บ
b on'odori
บ งโอโดริ, บ นโอโดริ
ob i
โอบิ
ch
t (+ i), ty
ต้นคำ
t͡ɕʰ
ช
ch īsai
ชี ไซ
ตำแหน่งอื่น
t͡ɕ
จ
konnich iwa
คนนิจิ วะ
d
d
–
d
ด
d enwa
เด็ งวะ
Ed o
เอโด ะ
f
h (+ u)
–
ɸ
ฟ
f une
ฟู เนะ
Gif u
กิฟุ
g
g
ต้นคำ
ɡ
ก
g inkō
กิ งโก
ตำแหน่งอื่น
ŋ, ɡ~ɣ [ # 1]
ง, ก
arig atō
อาริง าโต, อาริก าโต
h
h
ตามด้วย a, e, o
h
ฮ
h ashi
ฮ าชิ
ตามด้วย i
ç
H iroshima
ฮิ โรชิมะ
j
d (+ i), dy, z (+ i), zy
–
d͡ʑ~ʑ
จ
J ōmon
โจ มง, โจ มน
kaj i
คาจิ
k
k
ต้นคำ
kʰ
ค
k ao
ค าโอะ
ตำแหน่งอื่น
k
ก
nik u
นิกุ
gakk ō
กัก โก
m
n (+ b, m, p)
–
m
ม
m ado
ม าโดะ
shim bun
ชิม บุง, ชิม บุน
sam ma
ซัม มะ
em pitsu
เอ็ม ปิตสึ
n
n
ต้นพยางค์และตามด้วย a, e, o, u
n
น
N agoya
น าโงยะ, น าโกยะ
kin oko
คิโน โกะ
ต้นพยางค์และตามด้วย i
ɲ
น
N ippon
นิ ปปง, นิ ปปน
konn ichiwa
คนนิ จิวะ
ตามด้วย ch, j, n (+ i), ny-
ɲ
น
min chō
มิน โจ
jin ja
จิน จะ
kon nichiwa
คน นิจิวะ
kon nyaku
คน เนียกุ
ตามด้วย d, r, t, z, n (+ a, e, o, u)
n
น
En dō
เอ็น โด
ren raku
เร็น รากุ
hon tō
ฮน โต
jin zai
จิน ไซ
gin nan
กิน นัง, กิน นัน
ตามด้วย g, k
ŋ
ง
rin go
ริง โงะ, ริง โกะ
gin kō
กิง โก
ตามด้วย h,[ # 2] w, y
ɰ̃
ง
kokusan hin
โคกูซัง ฮิง, โคกูซัง ฮิน
den wa
เด็ง วะ
hon ya
ฮง ยะ
ตามด้วย s, sh
ɰ̃
น
shin sai
ชิน ไซ
man shū
มัน ชู
ตามด้วยสระ
ɰ̃
ง, น
bon' odori
บง โอโดริ, บน โอโดริ
ท้ายคำ
ɴ
ง, น
ichiban
อิจิบัง , อิจิบัน
p
p
ต้นคำ
pʰ
พ
p en
เพ็ ง, เพ็ น
ตำแหน่งอื่น
p
ป
temp ura
เท็มปู ระ
Nipp on
นิปป ง, นิปป น
r
r
–
ɾ
ร
r enr aku
เร็ นร ากุ
Nar a
นาร ะ
s
s
–
s
ซ
s akana
ซ ากานะ
kiss aten
คิซซ าเต็ง, คิซซ าเต็น
ตามด้วย sh
ɕ
ช
zas shi
ซัช ชิ
sh
s (+ i), sy
–
ɕ
ช
Sh ōwa
โช วะ
sash imi
ซาชิ มิ
t
t
ต้นคำ
tʰ
ท
t e
เท ะ
ตำแหน่งอื่น
t
ต
mig ite
มิงิ เตะ, มิกิ เตะ
mat cha
มัต จะ
kitt e
คิต เต ะ
tsu
tu
ต้นคำ
t͡sɯ
สึ
tsu nami
สึ นามิ
ตามหลังพยัญชนะ
สึ
mittsu
มิตสึ
ตามหลังสระ
ตสึ
mitsu
มิตสึ
tsū
tū
ต้นคำ
t͡sɯː
ซือ
tsū yaku
ซือ ยากุ
ตามหลังพยัญชนะ
ซือ
ittsū
อิตซือ
ตามหลังสระ
ตซือ
futsū
ฟุตซือ
w[ # 3]
w
–
ɰ
ว
w atashi
ว าตาชิ
Fujiw ara
ฟูจิว าระ
y
y
–
j
ย
y ama
ย ามะ
Y ay oi
ย าโย อิ
z
d (+ u)
–
d͡z~z
ซ
z ō
โซ
miz u
มิซุ
หมายเหตุ
↑ ผู้พูดภาษาญี่ปุ่นบางกลุ่มมักออกเสียงพยัญชนะ g ในตำแหน่งอื่นเป็น [ɡ] หรือ [ɣ] ด้วย
↑ ส่วนใหญ่พบในคำยืม
↑ ในภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน w จะตามด้วยสระ a เท่านั้น ส่วน w ที่ตามด้วยสระอื่นปรากฏในคำที่สะกดแบบเก่า เช่น Iwo Jima ซึ่งปัจจุบันสะกดว่า Iō Jima
พยัญชนะควบ
ตารางเทียบพยัญชนะควบภาษาญี่ปุ่นนี้ใช้อักษรโรมันระบบเฮ็ปเบิร์นเป็นหลัก มีพยัญชนะที่ควบกับเสียง y ได้แก่ b, g, h, k, m, n, p, r เป็น by-, gy-, hy-, ky-, my-, ny-, py-, ry- ประสมกับสระได้ 3 เสียงคือ a, o, u ในภาษาไทยไม่สามารถเขียนให้ตรงกับเสียงดังกล่าว จึงอนุโลมให้ทับศัพท์โดยใช้พยัญชนะต้นเดี่ยวกับสระดังนี้
อักษรโรมัน
เสียง
ใช้
ตัวอย่างคำ
คำทับศัพท์
ระบบเฮ็ปเบิร์น
ระบบอื่น
-ya
-ya
ʲa
เ–ีย
hya ku
เฮีย กุ
kya kkan
เคีย กกัง, เคีย กกัน
-yā
-yaa, -yâ
ʲaː
เ–ีย
kyā , kyaa
เคีย
-yo
-yo
ʲo
เ–ียว
ryo kō
เรียว โก
hyo tto
เฮียว โตะ[ # 1]
-yō
-yoo, -you, -yoh, -yô
ʲoː
เ–ียว
ryō ri, ryoo ri, ryou ri
เรียว ริ
-yu
-yu
ʲɯ
–ิว
byu ffe[ # 2]
บิว เฟะ[ # 1]
-yū
-yuu, yû
ʲɯː
–ีว
kyū kō, kyuu koo
คีว โก
Ryū kyū , Ryuu kyuu
รีวกีว
หมายเหตุ
↑ 1.0 1.1 พยัญชนะควบในภาษาญี่ปุ่น -yo และ -yu กำหนดให้ทับศัพท์เป็น เ–ียว และ –ิว หากมีพยัญชนะสะกดให้ตัดออก เนื่องจากมีพยัญชนะ ว สะกดอยู่แล้ว
↑ -yu ไม่พบตัวอย่างคำศัพท์ในคำญี่ปุ่นแท้ มักพบในคำยืม
เสียงสระ
อักษรโรมัน
เสียง
เงื่อนไข
ใช้
ตัวอย่างคำ
คำทับศัพท์
ระบบเฮ็ปเบิร์น
ระบบอื่น
A
a
a
a
พยางค์เปิด[ # 1] ไม่ได้อยู่ท้ายคำ
–า
wa sa bi
วา ซา บิ
พยางค์เปิด อยู่ท้ายคำ
–ะ
yama
ยามะ
พยางค์ปิด[ # 2]
–ั
ga kkō
กั กโก
ā
aa, â
aː
–
–า
okā san, okaa san
โอกา ซัง, โอกา ซัน
ai[ # 3]
ai
ai
–
ไ–
hai ku
ไ ฮกุ
E
e
e
e
พยางค์เปิด ไม่ได้อยู่ท้ายคำ
เ–
e ki
เ อกิ
พยางค์เปิด อยู่ท้ายคำ
เ–ะ
fune
ฟูเ นะ
พยางค์ปิด
เ–็
de nwa
เด็ งวะ
ē
ee, ê
eː
–
เ–
onē san, onee san
โอเ นซัง, โอเ นซัน
ei[ # 4]
ei
eː
–
เ–
sensei
เซ็นเ ซ
I
i
i
i
–
–ิ
kaki
คากิ
ki n
คิ ง, คิ น
ī
ii,[ # 5] î
iː
–
–ี
oishī , oishii
โออิชี
O
o
wo
o
พยางค์เปิด ไม่ได้อยู่ท้ายคำ
โ–
o cha
โ อจะ
พยางค์เปิด อยู่ท้ายคำ
โ–ะ
oto
โอโ ตะ
พยางค์ปิด
โ–ะ (ลดรูป)
ko nnichiwa
คนนิจิวะ
ō
oo, ou, oh, ô
oː
–
โ–
sayō nara, sayoo nara
ซาโ ยนาระ
Sō seki, Sou seki
โ ซเซกิ
Ō no, Oh no
โ อโนะ
U
u[ # 6]
u
ɯ
พยางค์เปิด ไม่ได้อยู่ท้ายคำ
–ู
Kabu ki
คาบู กิ
พยางค์เปิด อยู่ท้ายคำ
–ุ
isu
อิซุ
พยางค์ปิด
–ุ
shimbu n
ชิมบุ ง, ชิมบุ น
ū[ # 7]
uu, û
ɯː
–
–ู
jū yō, juu yoo
จู โย
หมายเหตุ
↑ พยางค์เปิด หมายถึง พยางค์ที่ไม่มีพยัญชนะท้าย
↑ พยางค์ปิด หมายถึง พยางค์ที่มีพยัญชนะท้าย
↑ คำที่มีสระ a และ i ในคำคนละคำที่มาอยู่ติดกัน จะออกเสียงแยกกัน ให้ทับศัพท์เป็น –าอิ เช่น 歯科医( しかい ) shikai = ชิกาอิ
↑ คำที่มีสระ e และ i ในคำคนละคำที่มาอยู่ติดกัน จะออกเสียงแยกกัน ให้ทับศัพท์เป็น เ–อิ เช่น 毛糸( けいと ) kei to = เ คอิ โตะ
↑ คำที่มีสระ i และ i ในคำคนละคำที่มาอยู่ติดกัน จะออกเสียงแยกกัน ให้ทับศัพท์เป็น –ิอิ เช่น 石井( いしい ) Ishii = อิชิอิ
↑ u ที่ตามหลังพยัญชนะ ts กำหนดให้ทับศัพท์เป็น –ึ เช่น tsu nami = สึ นามิ
↑ ū ที่ตามหลังพยัญชนะ ts กำหนดให้ทับศัพท์เป็น –ือ เช่น tsū yaku = ซือ ยากุ
หลักเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถาน (พ.ศ. 2535)
(ยกเลิกแล้วโดยผลของประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับ พ.ศ. 2560)
หลักทั่วไป
1. หลักเกณฑ์นี้ใช้ถ่ายเสียงภาษาญี่ปุ่นที่เขียนด้วยอักษรโรมัน
2. การเทียบเสียงสระ ให้ถือตามตารางการเทียบเสียงสระภาษาญี่ปุ่น
3. เสียงสระในภาษาญี่ปุ่นมีทั้งเสียงสั้นและเสียงยาว ซึ่งทำให้คำมีความหมายต่างกัน ฉะนั้นหลักเกณฑ์นี้จึงแยกเสียงสระสั้นและสระยาวออกจากกัน เช่น
to ri too ri, tō ri de nwa
= = =
โ ทะ ริโ ทริเด็ งวะ
4. ปรกติสระที่อยู่ติดกันจะออกเสียงแยกกัน ยกเว้นสระ ei ซึ่งออกเสียงเป็น เอ เช่น
Dai tō Fujie da sensei
= = =
ดะอิ โต ฟุจิเ อะ ดะ เซ็นเ ซ
5. การเทียบเสียงพยัญชนะ ให้ถือตามตารางการเทียบเสียงพยัญชนะภาษาญี่ปุ่น
ตารางเทียบเสียง
เสียงพยัญชนะ
อักษรโรมัน
เงื่อนไข
เสียง
ใช้
ตัวอย่างคำ
คำทับศัพท์
b
–
b
บ
ob i
โอะบิ
konb anwa
คมบั งวะ
ch
พยางค์แรก
t͡ɕʰ
ช
ch iisai, ch īsai
ชี ซะอิ
พยางค์อื่น
t͡ɕ
ช
konnich iwa[ # 1]
คนนิชิ วะ
d
–
d
ด
d enwa
เด็ งวะ
Yamad a
ยะมะด ะ
f
–
ɸ
ฟ
F ujisan
ฟุ จิซัง
f une
ฟุ เนะ
g
พยางค์แรก
ɡ
ก
g inkoo, g inkō
กิ งโก
พยางค์อื่น
ŋ, ɡ~ɣ
ง[ # 2]
arig atoo, arig atō
อะริง ะโต
h
ตามด้วย a, e, o
h
ฮ
h ashi
ฮ ะชิ
ตามด้วย i
ç
ฮ
H iroshima
ฮิ โระชิมะ
j
–
d͡ʑ~ʑ
จ
kaj i
คะจิ
k
พยางค์แรก
kʰ
ค
k ao
ค ะโอะ
พยางค์อื่น
k
ก[ # 3]
nik u
นิกุ
-kk
–
k̚k
กก
gakk oo, gakk ō
กัก โก
m
–
m
ม
m ado
ม ะโดะ
n
ต้นพยางค์และตามด้วย a, e, o, u
n
น
N agoya
น ะโงะยะ
ต้นพยางค์และตามด้วย i
ɲ
น
konn ichiwa
คนนิ ชิวะ
n เมื่ออยู่ในตำแหน่งท้ายพยางค์จะออกเสียงได้หลายอย่าง จึงกำหนดไว้ดังนี้
(1) เมื่อตามด้วยพยัญชนะ b, m และ p ออกเสียง [m] ให้ถอดเป็น ม เช่น
shin bun = ชิม บุง
san mai = ซัม ไม
en pitsu = เอ็ม ปิสึ
(2) เมื่อตามด้วยพยัญชนะ g และ k ออกเสียง [ŋ] และเมื่อตามด้วยพยัญชนะ h และ w ออกเสียง [ɰ̃] ให้ถอดเป็น ง เช่น
rin go = ริง โงะ
gin koo, gin kō = กิง โก
den wa = เด็ง วะ
(3) เมื่ออยู่ท้ายสุดของคำ ออกเสียง [ɴ] ให้ถอดเป็น ง เช่น
hon = ฮง
san = ซัง
(4) ในกรณีอื่น ๆ นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อ (1), (2) และ (3) ออกเสียง [n] , [ɲ] และ [ɰ̃] (ขึ้นอยู่กับฐานกรณ์ของพยัญชนะที่ตามมา) ให้ถอดเป็น น เช่น
gun jin = กุน จิง
hon too, hon tō = ฮน โต
un doo, un dō = อุน โด
chichimen choo, chichimen chō = ชิชิเม็น โช
den sha = เด็น ชะ
on na = อน นะ
kan ri = คัน ริ
dan sei = ดัน เซ
p
พยางค์แรก
pʰ
พ
p en
เพ็ ง
พยางค์อื่น
p
ป[ # 4]
tenp ura
เท็มปุ ระ
-pp
–
p̚p
ปป
Nipp on
นิปป ง
r
–
ɾ
ร
r ingo
ริ งโงะ
s
–
s
ซ
s akana
ซ ะกะนะ
sh
–
ɕ
ช
sash imi[ # 5]
ซะชิ มิ
-ss
–
sː
สซ
kiss aten
คิสซ ะเต็ง
-ssh
–
ɕː
สช
zassh i
ซัสชิ
t
พยางค์แรก
tʰ
ท
t e
เท ะ
พยางค์อื่น
t
ต[ # 6]
migit e
มิงิเต ะ
-tch, -cch
–
t̚t͡ɕ
ตช
itch i, icch i
อิตชิ
tsu
–
t͡sɯ
สึ
tsu kue
สึ กุเอะ
-ttsu
–
t̚t͡sɯ
ตสึ
mittsu
มิตสึ
w
–
ɰ
ว
w atashi
ว ะตะชิ
y
–
j
ย
y ama
ย ะมะ
z
–
d͡z~z
ซ
miz u
มิซุ
หมายเหตุ
↑ chi ในบางแห่งอาจเขียนเป็น ti โดยออกเสียงเหมือน chi
↑ พยัญชนะ g ในพยางค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่พยางค์แรกจะออกเสียงใกล้เคียงกับเสียง ง ในภาษาไทย จึงกำหนดให้ใช้ ง
↑ พยัญชนะ k ในพยางค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่พยางค์แรกจะออกเสียงใกล้เคียงกับเสียง ก ในภาษาไทย จึงกำหนดให้ใช้ ก
↑ พยัญชนะ p ในพยางค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่พยางค์แรกจะออกเสียงใกล้เคียงกับเสียง ป ในภาษาไทย จึงกำหนดให้ใช้ ป
↑ shi ในบางแห่งอาจเขียนเป็น si โดยออกเสียงเหมือน shi
↑ พยัญชนะ t ในพยางค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่พยางค์แรกจะออกเสียงใกล้เคียงกับเสียง ต ในภาษาไทย จึงกำหนดให้ใช้ ต
เสียงสระ
อักษรโรมัน
เสียง
ใช้
ตัวอย่างคำ
คำทับศัพท์
A
a
a
–ะ, –ั
ya ma
ยะ มะ
sa kura
ซะ กุระ
ga kkoo, ga kkō
กั กโก
sa n
ซั ง
aa, ā
aː
–า
okaa san, okā san
โอะกา ซัง
obaa san, obā san
โอะบา ซัง
E
e
e
เ–ะ, เ–็
ike
อิเ กะ
fune
ฟุเ นะ
de nwa
เด็ งวะ
se nsei
เซ็ นเซ
ee, ē
eː
เ–
ee , ē
เ อ
onee san, onē san
โอะเ นซัง
ei
eː
เ–
sensei
เซ็นเ ซ
I
i
i
–ิ
ki n
คิ ง
kaki
คะกิ
hashi
ฮะชิ
ii, ī
iː
–ี
onii san, onī san
โอะนี ซัง
oishii , oishī
โอะอิชี
O
o
o
โ–ะ, โ–ะ (ลดรูป)
o cha
โ อะ ชะ
ko me
โ คะ เมะ
Nippo n
นิปปง
ko nnichiwa
คนนิชิวะ
oo, ō
oː
โ–
otoo san, otō san
โอะโ ตซัง
sayoo nara, sayō nara
ซะโ ยนะระ
U
u
ɯ
–ุ
shinbu n
ชิมบุ ง
isu
อิซุ
Su zu ki
ซุซุ กิ
uu, ū
ɯː
–ู
juu yoo, jū yō
จู โย
juu sho, jū sho
จู โชะ
Y[ # 1]
-ya
ʲa
เ–ียะ
kya ku
เคียะ กุ
hya ku
เฮียะ กุ
-yaa, -yā
ʲaː
เ–ีย
nyaa nyaa , nyā nyā
เนียเนีย
-yo
ʲo
เ–ียว
ryo koo, ryo kō
เรียว โก
-yoo, -yō
ʲoː
เ–ียว
byoo in, byō in
เบียว อิง
ryoo ri, ryō ri
เรียว ริ
-yu
ʲɯ
–ิว
kyu
คิว
-yuu, -yū
ʲɯː
–ีว
kyuu koo, kyū kō
คีว โก
หมายเหตุ
↑ รูปเขียน y ออกเสียงกึ่งสระเมื่อตามหลังพยัญชนะ จึงกำหนดให้เป็นเสียงสระเพื่อความสะดวกในการออกเสียง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
คู่มือการทับศัพท์ภาษาต่างประเทศในวิกิพีเดียภาษาไทย