สงครามครูเสดครั้งที่ 3 ส่วนหนึ่งของ สงครามครูเสด พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ เดินทางไปเยรูซาเลม . James William Glass (1850).วันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.1189 – 2 กันยายน ค.ศ.1192 สถานที่ ผล
Treaty of Jaffa
ทหารครูเสดชนะ สงบศึกเป็นเวลา 3 ปี
จัดสรรบริเวณที่มีสถานะ status quo ซึ่งรวมไปถึงให้ชาวมุสลิมครองเยรูซาเลมต่อ และรื้อฟื้นรัฐนักรบครูเสด แห่งลิแวนต์.
ผู้แสวงบุญ ทั้งชาวคริสต์และชาวมุสลิมสามารถเดินทางผ่านลิแวนต์โดยปราศจากอาวุธ
จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สวรรคต ดินแดน เปลี่ยนแปลง
พวกครูเสดยึดไซปรัส และก่อตั้งราชอาณาจักรไซปรัส
พวกครูเสดสามารถยึดชายฝั่งลิแวนต์ ตั้งแต่ไทร์ ถึงญัฟฟา คืนมาได้
พวกครูเสดยึดTiberias และที่ดอนบางส่วนคืนจากพวกมุสลิม
คู่สงคราม
ครูเสด :
รัฐนักรบครูเสดแห่งลิแวนต์ :
นักรบครูเสด :
พันธมิตรแห่งคริสเตียนตะวันออก :
กองทัพมุสลิม :
ศัตรูแห่งคริสเตียนตะวันออก :
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
ครูเสด:
รัฐนักรบครูเสดแห่งลิแวนต์:
นักรบครูเสด:
พันธมิตรแห่งคริสเตียนตะวันออก:
กองทัพมุสลิม:
ศัตรูแห่งคริสเตียนตะวันออก:
กำลัง
ทหาร 80,000–85,000 นาย (โดยประมาณ)
32,000 นาย มาจากรัฐนักรบครูเสดและยุโรป
17,000 นาย เป็นชาวอังกฤษ/นอร์มัน/เวลส์[ 2]
17,000+ นาย เป็นชาวฝรั่งเศส[ 3]
12,000–15,000 นาย มาจากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
2,000 นาย เป็นชาวฮังการี[ 5]
อัยยูบิด: 40,000 นาย (ทหารของเศาะลาฮุดดีนมีแค่ 1189 นาย (โดยประมาณ) เท่านั้น) ซัลจูค: 22,000+ (ทหารของ Qutb al-Din มีแค่ 1190 นายเท่านั้น)[ 7] [ 8]
“การล้อมเมืองเอเคอร์ ” ระหว่างปี ค.ศ. 1189 ถึงปี ค.ศ. 1191
สงครามครูเสดครั้งที่ 3 หรือ สงครามครูเสดกษัตริย์ (อังกฤษ : Third Crusade หรือ Kings' Crusade ) (ค.ศ. 1189 -ค.ศ. 1192 ) เป็นสงครามครูเสด [ 9] [ 10] ที่ฝ่ายผู้นำยุโรป พยายามกู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คืนจากศอลาฮุดดีน (Salāh al-Dīn Yūsuf ibn Ayyūb).
หลังจากความล้มเหลวของสงครามครูเสดครั้งที่ 2 ราชวงศ์เซนกิด (Zengid dynasty) ก็เข้าครอบครองซีเรีย และสร้างความขัดแย้งกับฟาติมียะห์ ผู้ปกครองอียิปต์ ที่เป็นผลที่ทำให้อียิปต์และซีเรียรวมตัวกันภายใต้การนำของศอลาฮุดดีน ผู้ใช้อำนาจในการลดอำนาจของรัฐคริสเตียนและยึดเยรูซาเลม ในปี ค.ศ. 1187 ด้วยความมุ่งมั่นในความเป็นคริสเตียนที่ดีสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ และ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส ก็ทรงยุติความบาดหมางกัน เพื่อจะร่วมกันนำสงครามครูเสดครั้งใหม่ (แม้ว่าการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ในปี ค.ศ. 1189 จะต้องทำให้ผู้นำฝ่ายอังกฤษต้องเปลี่ยนไปเป็นสมเด็จพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ แทนที่) สมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีพระชนมายุสูงแล้วก็ทรงรวบรวมกำลังพลและนำกองทัพอันใหญ่โตเดินทางไปยังอานาโตเลีย แต่ไปทรงจมน้ำตายเสียก่อนที่จะถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทหารเป็นจำนวนมากที่หมดกำลังใจก็พากันเดินทางกลับ
หลังจากที่ได้รับชัยชนะหลายครั้งฝ่ายคริสเตียนก็ทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สินที่ได้จากสงคราม เลโอโปลด์ที่ 5 ดยุคแห่งออสเตรีย (Leopold V, Duke of Austria) และพระเจ้าฟิลิปหมดความอดทนกับพระเจ้าริชาร์ดก็เดินทางต่อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1191 เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1192 พระเจ้าริชาร์ดและศอลาฮุดดีน ก็ตกลงในสนธิสัญญาที่มีผลทำให้เยรูซาเลมอยู่ภายใต้การครอบครองของมุสลิมแต่นักแสวงบุญคริสเตียนผู้ไม่ถืออาวุธสามารถเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อทำการสักการะได้ พระเจ้าริชาร์ดเสด็จออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ความล้มเหลวในการยึดเยรูซาเลมคืนนำมาซึ่งสงครามครูเสดครั้งที่ 4 หกปีต่อมา
อ้างอิง
↑ Tyerman, page 436
↑ Frank McLynn. "Richard and John: Kings at War." Page 219.
↑ Hunyadi, Zsolt (2011), A keresztes háborúk világa , p. 41.
↑ Tyerman p.422: "After desperate fighting involving the Emperor himself, the Turks outside the city were defeated [by the Imperial and Hungarian army], apparently against numerical odds."
↑ Loud 2010, p. 104: the Seljuks lost 5,000+ men per their own bodycount estimates on May 7, 1190, soon before the Battle of Iconium.
↑ CATHOLIC ENCYCLOPEDIA: Crusades[1]
↑ The Crusades[2] เก็บถาวร 2009-02-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ สงครามครูเสดครั้งที่ 3