อัมร์ อิบน์ ฮิชาม
อัมร์ อิบน์ ฮิชาม (อาหรับ: عمرو بن هشام) มักรู้จักกันในชื่อ อบูญะฮัล (อาหรับ: أبو جهل; เกิด ค.ศ. 556– เสียชีวิต 17 มีนาคม ค.ศ. 624) เป็นหนึ่งในชาวมักกะฮ์ที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ อยู่ในเผ่ากุเรชที่รู้จักกันในการปฏิเสธและต่อต้านศาสดามุฮัมมัด กับผู้ศรัทธาชาวมุสลิมในมักกะฮ์ เขาไม่ใช่ลุง (เช่นอบูละฮับ) หรือมีเชื้อสายกับมุฮัมมัด เนื่องจากมุฮัมมัดอยู่ในกลุ่มบนีฮาชิมของเผ่ากุเรช ส่วนอบูญะฮัลอยู่ในกลุ่มบนูมัคซูมของเผ่ากุเรช[1] ชื่อเขามีชื่อเล่นว่า "อบู อัล-ฮะกัม" (ابوالحكم), ("บิดาแห่งความรอบรู้") เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้ ความฉลาด และทำให้ผู้นำของเผ่ากุเรช เชื่อในความคิดของเขาและแต่งตั้งเป็นผู้นำสมาชิกของการชุมนุมของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะอายุ 30 ปีก็ตาม แต่หลังจากที่ศาสดามูฮัมมัดเริ่มเผยแผ่ศาสนาอิสลาม เขาจึงเริ่มไม่ปราณีต่อมุฮัมมัดและปฏิเสธคำสอนของท่าน ดังนั้นมูฮัมมัดจึงให้ชื่อเล่นให้กับเขาว่า อบูญะฮัล (أبو جهل') ("บิดาแห่งความเขลา") และเขาถูกเรียกเป็นอิบน์ อัล-ฮันซาลิยะฮ์ทางฝั่งแม่[2] ครอบครัวบิดามารดาและญาติพี่น้องพ่อของเขาชื่อฮิชาม อิบน์ อัล-มุฆีเราะฮ์ และแม่ของเขาชื่ออัสมา บินต์ มัฆราบะฮ์ อิบน์ ญันดัล อัล-ตะมีมียา และเขามีพี่น้อง 7 คน ได้แก่:
ภรรยาและลูกเขามีภรรยาคนแรกชื่อมุญาลิดียา บินต์ อัมร์ อิบน์ อุมัยร์ อิบน์ มะบัด อิบน์ ซูรารา โดยมีลูกชาย 3 คน ได้แก่:
และมีภรรยาคนที่สองชื่ออัรวา บินต์ อบี อัล-อาส อิบน์ อุมัยยะฮ์ โดยมีลูกสาว 8 คน ได้แก่:
การเสียชีวิตอัมร์โดนมุเอาวาส อิบน์ อัมร์ และมุอาซ อิบน์ อัมร์ฟันดาบจนบาดเจ็บ และถูกฆ่าโดยอับดุลลอฮ์ อิบน์ มัสอูดในสงครามบะดัร[3] เมื่อมุฮัมมัดเห็นศพที่ไร้วิญญาณในสนามรบ ท่านจึงกล่าวว่า "นี่คือฟาโรห์แห่งประชาชาตินี้"[4] หลังจากการตายของเขา ผู้คนในเมืองพากันร้องให้ และยกย่องเขาเป็นวีรบุรุษ อายะฮ์อัลกุรอ่านที่เกี่ยวกับเขาอับดุลลอฮ์ อิบน์ อับบาส รายงานว่า มี 84 อายะฮ์ในกุรอ่านที่กล่าวถึงอบูญะฮัล ซูเราะฮ์ อะลัก: 9-19ครั้งหนึ่งขณะที่ศาสดามุฮัมหมัดกำลังละหมาดที่อัล-ฮะรอม อบูญะฮัลได้เดินมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ควรให้แกหยุดทำสิ่งนี่หรอ?!” ดังนั้นศาสดาจึงบอกเขาให้หยุดรบกวนได้แล้ว อบูญะฮัลจึงตอบว่า “นี่แกจะต่อว่าฉันว่าฉันเป็นผู้ต่อต้านที่มีอำนาจมากกว่าใครในหุบเขามักกะฮ์หรือ?” พระองค์อัลลอฮ์จึงตรัสว่า:
หลังจากนั้นอบูญะฮัลอุดหูตนเองแล้วหนีไป อิบนุ อับบาส รายงานว่า ถ้าอบูญะฮัลได้เรียกผู้คนในกลุ่มมาทำร้ายศาสดา พระองค์จะส่งมลาอิกะฮ์มาลงโทษพวกเขา ซูเราะฮ์ อันอาม: 108ครั้งหนึ่งอบูญะฮัลเตยบอกกับท่านศาสดา ‘ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ มุฮัมมัด แกช่วยหยุดประนามพระเจ้าของเราได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะสาปแช่งพระเจ้าของเจ้า’ ดังนั้นพระองค์จึงประทานอายะฮ์ว่า “และพวกเจ้าจงอย่าด่าว่า บรรดาที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์ แล้วพวกเขาก็จะด่าว่าอัลลอฮ์เป็นการละเมิด โดยปราศจากความรู้ ในทำนองนั้นแหละ เราได้ให้สวยงามแก่ทุกชาติ ซึ่งการงานของพวกเขา และยังพระเจ้าของพวกเขานั้น คือการกลับไปของพวกเขา แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน” (ซูเราะฮ์ 6:108)[5] ซูเราะฮ์ มาอูน: 2-3อบูญะฮัลมีทัศนคติไม่ดีและไร้ความปราณีต่อเด็กกำพร้า อัลลอฮ์จึงประทานอายะฮ์นี้ว่า "นั่นก็คือผู้ที่ขับไล่เด็กกำพร้า และไม่สนับสนุนในการให้อาหารแก่ผู้ขัดสน" (107:2-3) เพื่อเป็นการยืนยันการกระทำที่น่าอับอายของเขา[6] ดูเพิ่มอ้างอิง
|