Share to:

 

เทศภักดิ์ นิยมเหตุ

เทศภักดิ์ นิยมเหตุ
เกิด 3 ก.ย. 2482
กรุงเทพฯ
เสียชีวิต1 เม.ย. 2538 (56 ปี)
รพ.สมิติเวช กรุงเทพฯ
อาชีพนักแปล นักธุรกิจส่วนตัว
สัญชาติไทย
คู่สมรสภัคคินี (ศรีพิจารณ์) นิยมเหตุ

เทศภักดิ์ นิยมเหตุ (พ.ศ. 2482 - พ.ศ. 2538) นักแปลชาวไทย รุ่นเก่าลายคราม มีผลงานแปลไม่มากนัก แต่'ขายดี'ทุกเล่ม อาทิ แผ่นดินนี้เราจอง ลูกผู้ชาย พระจันทร์กระดาษ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่องสั้นและบทความหลายชิ้น เคยมีร้านหนังสือในนามของตนเอง และเปิดสำนักพิมพ์ด้วย

เทศภักดิ์ เข้ารับการรักษาอาการป่วยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2538 ที่โรงพยาบาลสมิติเวช และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2538[1] ญาติพี่น้องได้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ เมรุวัดธาตุทอง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 สิ้นสุดชีวิตนักแปลมือทองด้วยอายุเพียง 55 ปี 6 เดือน 29 วัน

ประวัติ

เทศภักดิ์ (อ่านว่า เทด-สะ-พัก) เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีมาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2482 ณ บ้านคลองบางหลวง (คลองบางกอกใหญ่ในปัจจุบัน)[1] ชื่อเล่น โหน่ง เป็นบุตรของ พ.ต.ท.เทียม เจียมวิจิตร และ นางทิพย์ นิยมเหตุ (ผู้คิดค้นสูตรยาสีฟันไทยโบราณ “ทิพย์นิยม”) แต่เดิม ด.ช. เทศภักดิ์ได้ใช้นามสกุล เจียมวิจิตร ตามคุณพ่อ ต่อมาในภายหลังได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณตาคือ นิยมเหตุ เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนราชินี โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย โรงเรียนปทุมคงคา และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้าเรียนระดับอุดมศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เพียงปีเดียวก็ถูกรีไทร์[2] จึงเดินทางไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ย้ายไปศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนจบ 'สกูล ออฟ เอนจิเนียร์' ที่มิลวอคกี้

เทศภักดิ์ แต่งงานกับ รศ.ภัคคินี นิยมเหตุ (นามสกุลเดิม ศรีพิจารณ์) ซึ่งภายหลังจากเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาได้รับราชการเป็นอาจารย์ประจำสถาบันภาษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจัดงานแต่งที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2505 ต่อมามีทายาท 2 คน คือ นางภาสนุช สุพันธุ์วณิช (นุข) และนายพันธุ์ทนง นิยมเหตุ (นง)

เมื่อกลับประเทศไทย เริ่มแปลหนังสือ ชื่อ อเล็กซานเดอร์ บอทท์ส ที่ซื้อกลับมาจากอเมริกา นำบทแรกที่แปลไปหา อาจินต์ ปัญจพรรค์ ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือ ไทยโทรทัศน์ ของช่อง 4 ในขณะนั้น อาจินต์แนะว่าให้ส่งไปลง ชาวกรุง และแนะนำให้รู้จัก นพพร บุณยฤทธิ์ บรรณาธิการนิตยสารชาวกรุงด้วย ซึ่งก็ได้ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดแปล ต่อมาไปสมัครเป็นล่ามให้นักข่าวหนังสือพิมพ์ บางกอกเวิร์ลด์ และได้รับตำแหน่งนักข่าวกีฬา จนได้เลื่อนขึ้นเป็นบรรณาธิการข่าวกีฬา แต่ทำอยู่ไม่นานก็ลาออกไปทำงานให้สำนักงานข่าวสารอเมริกันประจำประเทศไทย หรือ 'ยูซิส' (USIS) ทำหน้าที่แปลข่าววิทยุ โดยรับฟังวิทยุ 'เสียงจากอเมริกา' (Voice of America) ซึ่งส่งจากอเมริกาผ่านสถานีถ่ายทอดที่ฟิลิปปินส์ อัดเทปไว้ จากนั้นก็ถอดเทปภาษาอังกฤษแปลเป็นภาษาไทยเพื่อส่งไปตามสถานีวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ ในประเทศไทย[2]

นอกจากงานแปลหนังสือแล้ว เทศภักดิ์ได้เขียนเรื่องสั้นและบทความไว้หลายชิ้น เช่น 'ยังเหมือนเมื่อวานซืน' ซึ่งลงในหนังสือครบ 30 ปี ของ ต.อ. รุ่น 18 [3]

งานที่เทศภักดิ์ชอบรองมาจากงานแปลหนังสือก็คือการแข่งรถแบบแรลลี่ ซึ่งเขาร่วมกับทักษพล เจียมวิจิตร ผู้เป็นน้องชาย ทำการแข่งขัยในยุคบุกเบิกของการแข่งขันรถแรลลี่ในเมืองไทย ทำผลงานได้ดีระดับคว้าถ้วยรางวัลชัยชนะไปครองหลายครั้ง เคยให้สัมภาษณ์ว่า "..แรกๆ ผมก็ลงทุนเอง เอารถของตัวเองลงแข่ง ปรากฏว่าไม่ไหว ต้องซ่อมกันเยอะ ต่อมาก็ไปเข้าทีมของรถซูบารุ (สยามกลการ) พอมีสปอนเซอร์ก็แข่งกันบ่อย ได้ถ้วยมาหลายใบ บางใบก็ยังวางอยู่ที่อาคารแสดดำ.." [2]

ผลงาน

หนังสือแปล 10 เล่ม

  1. อเล็กซานเดอร์ บอทท์ส นักการค้าผู้สามารถมาแต่กำเนิด (The Best of Botts by William Hazlett Upson)
  2. แผ่นดินนี้เราจอง (Pioneer, Go Home! By Richard Powell)
  3. หลายรักของโดบี้ (The Many Loves of Dobie Gillis by Max Shulman)
  4. เสรีภาพเจ้ากรรม (A Feast of Freedom by Leonard Wibberley)
  5. ลูกผู้ชาย (The Philadelphian by Richard Powell)
  6. ฟ้าใหม่ในซานมาร์โค (Don Quixote U.S.A. by Richard Powell)
  7. นายอำเภอดำ (Blazing Saddles by Ted Richards)
  8. น้ำวน (Shark River by Richard Powell)
  9. ชายชาติทหาร (The Soldier by Richard Powell)
  10. พระจันทร์กระดาษ (Paper Moon by Joe David Brown)

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 เทศภักดิ์ : หนังสือที่ระลึกในงาน ฌาปนกิจศพ นายเทศภักดิ์ นิยมเหตุ ณ เมรุวัดธาตุทอง 1 พฤษภาคม 2538
  2. 2.0 2.1 2.2 "สิงห์สนามหลวงสนทนา / สิงห์สนามหลวง เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 14 ฉบับที่ 662วันที่ 7 - 13 ก.พ. 2548". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-10. สืบค้นเมื่อ 2010-11-19.
  3. อนุสรณ์ เทศภักดิ์ นิยมเหตุ, สำนักพิมพ์เทศภักดิ์, พฤษภาคม 2538.
Kembali kehalaman sebelumnya