โรงเรียนวรรณวิทย์
โรงเรียนวรรณวิทย์ เป็นอดีตโรงเรียนเอกชน โดยเคยเปิดรับนักเรียนเข้าศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 ทั้งนักเรียนชายและหญิง มีผู้อำนวยการและผู้จัดโรงเรียนคือ หม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์ มีบุคลากรครูทั้งหมด 43 คน ส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน[1] [2] ทางโรงเรียนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ การใช้เสียงระฆังเป็นสัญลักษณ์ในการส่งสัญญาณเปลี่ยนคาบเรียน[1] โรงเรียนได้ยุติการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 รวมระยะเวลาที่เปิดทำการเรียนการสอนทั้งสิ้น 76 ปี[3] ประวัติโรงเรียนวรรณวิทย์ ก่อตั้งโดยหม่อมผิว สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ที่เรือนไม้ชั้นเดียวในซอยสุขุมวิท 4 ถนนสุขุมวิท หรือ ซอยสมาหาร โรงเรียนวรรณวิทย์ ในระยะแรกเริ่มก่อตั้งมีนักเรียนเพียง 7 คนเท่านั้น หม่อมผิว เป็นครูใหญ่เอง สั่งสอนอบรมนักเรียนเองด้วย โดยมีความมุ่งมั่นที่จะให้เป็นสถานศึกษา ที่ให้ทั้งวิชาความรู้ รวมทั้งอบรมสั่งสอนศิลธรรม จรรยา ขนบประเพณี และพลศึกษาไปด้วย ในระยะแรกเริ่มก่อตั้งมีนักเรียนเพียง 7 คน โดยหม่อมผิว เป็นครูใหญ่และทำการสอนด้วยตนเอง โดยไม่เก็บเงินบำรุงการศึกษาในการรับเข้าเรียนและอนุญาตให้ค้างค่าเล่าเรียนโรงเรียนได้ โรงเรียนวรรณวิทย์ขยายกิจการขึ้นเรื่อย ๆ มีนักเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี และได้เพิ่มชั้นเรียนขึ้นจนถึงชั้นมัธยมสามัญตอนกลาง (ม.3 ในปัจจุบัน) ใน พ.ศ. 2496 ต่อมาหม่อมผิว มีอายุมากขึ้น จึงให้ธิดาคนเล็กคือ หม่อมราชวงศ์รุจีสมร สุขสวัสดิ์ เป็นผู้จัดการ และครูใหญ่แทน โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2497 และในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2497 นี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับรองวิทยฐานะโรงเรียนวรรณวิทย์เทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล และในปีนี้โรงเรียนได้ซื้อที่ดินด้านหน้า ซอยสุขุมวิท 8 (ซอย ปรีดา) จึงเปลี่ยนทางเข้าออกและเลขที่มาเป็นด้านซอยสุขุมวิท 8 ส่วนประตูทางเข้าเดิมด้านซอยสมาหารเปลี่ยนเป็นประตูหลัง และได้ขยายอาคารเรียนเพิ่มขึ้นอีก จากอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวมาเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น รูปตัวแอล พ.ศ. 2505 ได้ก่อสร้างอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างใช้เป็นโรงอาหาร ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 ใช้เป็นห้องเรียนสำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 พ.ศ. 2508 ได้สร้างอาคารใต้ถุนสูงขึ้นอีก 1 หลังด้านหน้าโรงเรียน ชั้นล่างเปิดโล่งตลอดเป็นลานอเนกประสงค์ ชั้นบนเป็นห้องเรียน โรงเรียนมีพื้นที่ขนาด 3 ไร่ อาคารเรียนเป็นอาคารไม้สองชั้น มีนักเรียนประมาณ 500 คน ทางโรงเรียนคิดค่าเทอมเพียงเทอมละ 1,600 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก เนื่องจากนักเรียนส่วนมากเป็นบุตรหลานของผู้ที่มีรายได้น้อยในละแวกนี้ แม้จะมีผู้ขอซื้อที่ดินไปสร้างเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมโดยให้ราคาสูงถึงพันล้านบาท แต่ทางหม่อมราชวงศ์รุจีสมรซึ่งเป็นผู้บริหารยืนยันที่จะไม่ขาย ด้วยต้องการจะให้เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่เด็ก ๆ ต่อไป [1] และเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 เฟสบุ๊กแฟนเพจ "ศิษย์เก่าโรงเรียนวรรณวิทย์ Wannawit School Alumni" ได้ประกาศเชิญชวนศิษย์เก่าร่วมบันทึกความทรงจำส่งท้ายเพื่อรำลึกถึงโรงเรียนในงาน “สิ้นเสียงระฆังวรรณวิทย์” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ โรงเรียนวรรณวิทย์ ซอยสุขุมวิท 8 เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 3 ปี โรงเรียนแบกรับภาระและการขาดทุนไม่ไหวจึงต้องปิดตัวลงโดยจะทำการเรียนการสอนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เป็นภาคเรียนสุดท้าย [4][5] ซึ่งโรงเรียนวรรณวิทย์ เป็นโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 8 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ประสบปัญหาขาดทุนเป็นระยะเวลา 3 ปี นักเรียนลดจำนวนลงเรื่อยๆ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองที่มีอาชีพรับจ้าง ค้าขาย และเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย จ่ายค่าเทอมไม่ตรงเวลา แต่ก็ยังทำการเรียนการสอนตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งมาตลอด กระทั่งมติคณะกรรมการและครูมีความเห็นว่า โรงเรียนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แล้ว จึงได้ยุติการเรียนการสอนดังกล่าว สัญลักษณ์ตราสัญลักษณ์"นางฟ้าถือคบเพลิง" เป็นรูปตราวงกลมสองชั้น วงกลมชั้นในเป็นภาพนางฟ้าถือคบเพลิงอยู่ในท่าเหาะบนท้องฟ้า และเบื้องหลังเป็นหมู่เมฆ วงกลมชั้นนอกด้านบน มีข้อความระบุว่า "โรงเรียนวรรณวิทย์" และวงกลมชั้นนอกด้านล่าง มีข้อความระบุว่า "ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน" และมีดอกประจำยามคั่นระหว่างข้อความ สีประจำโรงเรียนอักษรย่อว.ณ.ว. คติพจน์อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้นไม้ประจำโรงเรียนต้นกระทิงทะเล ทำเนียบผู้บริหารโรงเรียน
ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง
ระเบียงภาพ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|