สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (อังกฤษ: Health Systems Research Institute, HSRI) หรือเรียกโดยย่อว่า สวรส. เป็นองค์กรของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พ.ศ. 2535[1][4] พร้อม ๆ กับการจัดตั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมีโครงสร้างองค์กรและการบริหารที่เน้นความคล่องตัว เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายในการจัดการความรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพได้[5] สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขปัจจุบันตั้งอยู่ที่อาคารสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ผลงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2535 ถึง พ.ศ. 2541การทำงานระยะแรกเน้นที่การวิจัยสร้างความรู้ใช้เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพในมิติต่าง ๆ พ.ศ. 2541 เกิดสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ[6] ระยะที่ 2 ปี พ.ศ. 2542 ถึง พ.ศ. 2547สวรส.เน้นหนักสนับสนุนการทำงานวิจัยสร้างความรู้เพื่อสนับสนุนการปฏิรูประบบสุขภาพ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมปฏิรูประบบสุขภาพในทุกระดับ นำมาสู่การประกาศใช้ สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 และการจัดตั้งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกนโยบายใหม่ในระบบสุขภาพไทย รวมทั้ง นำมาซึ่งสมัชชาสุขภาพ ซึ่งเป็นกลไกที่ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในระบบสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม พ.ศ. 2542 ก่อตั้งสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล พ.ศ. 2543 คณะกรรมการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (คปรส.) พ.ศ. 2544 เกิดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จากงานวิจัยพัฒนานโยบายส่งเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ทำการวิจัยและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโรงพยาบาลในรูปแบบองค์การมหาชน โดยเริ่มนำร่อง 1 แห่ง ที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2544 พัฒนาระบบประเมินผลกระทบด้านสุขภาพเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2545 มีพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ระยะที่ 3 ปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2550พ.ศ. 2548 เกิดสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) พ.ศ. 2548 จัดตั้งสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) พ.ศ. 2550 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2550 เกิดแผนยุทธศาสตร์ชาติการพัฒนาภูมิปัญญาไทย และการก่อตั้งสถาบันสุขภาพวิถีไทย พ.ศ. 2550 จัดตั้งแผนงานความร่วมมือภูมิภาคเอเซียการวิจัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่อุบัติซ้ำ[7] พ.ศ. 2550 ร่วมจัดทำแผนยุทธศาสตร์กำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ตั้งสถาบันพัฒนาการคุ้มครองการวิจัยในมนุษย์ (สคม.)[8] ระยะที่ 4 ปี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556ในช่วง 3 ปีแรก หลังจากมี พ.ร.บ.สุขภาพฯ สวรส. ได้ทำงานวิชาการเพื่อสานต่อและทำให้ประเด็นต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.สุขภาพฯ เป็นมรรคผล ไม่ว่าจะเป็น การสร้างความรู้สนับสนุนการจัดทำธรรมนูญว่าด้วยสุขภาพแห่งชาติ หรือการทำงานวิชาการเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นต้น และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา สวรส. ได้ปรับตัวและปรับบทบาทหน้าที่ หันมาเน้นหนักที่ “การจัดการความรู้สู่ระบบสุขภาพที่ยั่งยืน” ด้วยเห็นว่าภารกิจการสร้างความรู้สาขาเฉพาะต่าง ๆ มีหน่วยงานใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามาดูแล สวรส.จึงขันอาสาที่จะเป็นแกนประสานและจัดการให้เกิดการนำเอาความรู้และวิทยาการต่าง ๆ นั้น มาจัดการให้เกิดประโยชน์ ให้เกิดการตัดสินใจในการพัฒนาระบบสุขภาพบนฐานความรู้ และสนับสนุนให้ระบบมีความเป็นธรรมและยั่งยืนยิ่งขึ้น พ.ศ. 2551 ต่อยอดและขยายผลแผนงานการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย R2R พ.ศ. 2552 แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบยา พ.ศ. 2553 จัดตั้งสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพสา พ.ศ. 2554 จัดตั้งศูนย์พัฒนากลุ่มโรคร่วมไทย (ศรท.)[9] (ปัจจุบัน สำนักพัฒนากลุ่มโรคร่วมไทย (สรท.))[10] สำนักพัฒนากลุ่มโรคร่วมไทย พ.ศ. 2555 จัดตั้งศูนย์พัฒนามาตรฐานระบบข้อมูลสุขภาพไทย (ศมสท.)[11] (ปัจจุบัน สำนักพัฒนามาตรฐานระบบข้อมูลสุขภาพไทย (สมสท.)[12] ระยะที่ 5 พ.ศ. 2557 - ปัจจุบันระยะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ "องค์กรขับเคลื่อนความรู้สู่ระบบสุขภาพที่สมดุลและยั่งยืน เพื่อสุขภาพดีและชีวิตที่ยืนยาวของประชาชน" โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ 1.ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยที่มีความสำคัญต่อระบบสุขภาพ 2.เสริมสร้างสมรรถนะนักวิจัยด้านสุขภาพ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต 3.พัฒนาระบบบริหารจัดการงานวิจัยแบบครบวงจร โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง 4.บริหารจัดการงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเชิงนโยบายสาธารณะเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งมีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม อาทิเช่น การสร้างผลงานวิจัยที่ลดปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุการตาย 3 อันดับแรกของกลุ่มอายุต่างๆ การนำผลงานวิจัยเชิงปฏิบัติการไปพัฒนาระบบเครือข่ายบริการระดับเขตบริการสุขภาพให้มีความยั่งยืน การเพิ่มจำนวนนักวิจัยและผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ การมีระบบสารสนเทศที่บูรณาการงานวิจัย นักวิจัย และเครือข่ายในระบบสุขภาพ โดยงานวิจัยต่างๆ เน้นการสร้างองค์ความรู้ที่ครอบคลุมทุกมิติในระบบสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการคลังสุขภาพ ด้านกำลังคน ด้านการแพทย์/เทคโนโลยีการแพทย์ ด้านระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกฎหมาย / ข้อบังคับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระบบสุขภาพ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพคนไทย ผ่านงานวิจัยต่างๆ ตัวอย่างเช่น งานวิจัยปฏิรูปบทบาทกระทรวงสาธารณสุขตามนโยบายเขตสุขภาพ งานวิจัยมุ่งเป้าด้านสุขภาพและชีวเวชศาสตร์สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ งานวิจัยลดปัจจัยเสี่ยงทางด้านสุขภาพ เพื่อนำไปสู่การลดสาเหตุการตาย การวิเคราะห์อัตรากำลังบุคลากรสาธารณสุข งานวิจัยระบบยา ฯลฯ ผลผลิตและบริการงานวิจัย ผลงานวิจัยของ สวรส. สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่มีลิขสิทธิ์ตาม สิทธิ์การเผยแพร่ (CC BY-NC-SA) วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข เป็นเครื่องมือเผยแพร่วิชาการเพื่อสนับสนุนและยกขีดความสามารถในการผลิตองค์ความรู้ใหม่จากการวิจัยระบบสุขภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้กำหนดนโยบาย นักวิจัย นักวิชาการและบุคลากรสาธารณสุขทุกระดับ เผยแพร่ในรูปแบบดิจิทัล โดยวารสารฯ ปัจจุบันไม่จัดพิมพ์รูปเล่มกระดาษ ห้องสมุด 100 ปี เสม พริ้งพวงแก้ว จัดเป็นห้องสมุดเฉพาะซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ เอกสารวิจัย งานวิชาการและหนังสือที่น่าสนใจ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพ ตั้งอยู่ ณ ชั้น 1 อาคารสุขภาพแห่งชาติ คลังข้อมูลและความรู้ระบบสุขภาพ ศูนย์กลางข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ในระบบสุขภาพ (ปัจจุบันหยุดให้บริการแล้ว) โดยทาง สวรส. ได้พัฒนาเครื่องมือในการช่วยค้นคว้า และเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานและองค์กรด้านสุขภาพในประเทศไทยหลายแหล่ง เพื่อให้ค้นหาข้อมูลดังกล่าวได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สัญลักษณ์องค์กรแนวคิดการออกแบบตราสัญลักษณ์ของ สวรส.
ผู้อำนวยการผู้อำนวยการ สวรส. ดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี ต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 วาระ[1]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |