การลงประชามติเอกราชติมอร์ตะวันออก พ.ศ. 2542
การลงประชามติเกี่ยวกับเอกราชของติมอร์ตะวันออก พ.ศ. 2542 เกิดขึ้นเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยเกิดขึ้นตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีฮาบีบีของอินโดนีเซียต่อโคฟี อันนัน เลขาธิการทั่วไปแห่งสหประชาชาติ เมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2542 เพื่อให้จังหวัดติมอร์ตะวันออกตัดสินใจว่าจะอยู่กับอินโดนีเซียหรือเป็นเอกราช ภูมิหลังประธานาธิบดีฮาบีบีได้แสดงความเห็นว่าต้นทุนในการสนับสนุนจังหวัดติมอร์ตะวันออกไม่สมดุลและไม่ก่อให้เกิดกำไรแก่อินโดนีเซีย จึงได้ตัดสินใจให้จังหวัดที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเขตแดนเขตแดนดั้งเดิมเมื่อ พ.ศ. 2488 ตัดสินใจว่าจะอยู่กับอินโดนีเซียหรือไม่ หลังจากที่ฮาบีบีได้ยื่นข้อเสนอ สหประชาชาติได้เจรจากับรัฐบาลอินโดนีเซียและรัฐบาลโปรตุเกส ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 ได้ออกข้อตกลงระหว่างสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสาธารณรัฐโปรตุเกสเกี่ยวกับปัญหาติมอร์ตะวันออก ซึ่งให้รายละเอียดของการลงประชามติ โดยมีตัวเลือกระหว่างการคงอยู่กับอินโดนีเซียในฐานะเขตปกครองตนเองพิเศษ หรือแยกออกจากอินโดนีเซีย การลงประชามติดำเนินการโดย คณะตัวแทนสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (United Nations Mission in East Timor; UNAMET) มีประชาชน 450,000 คนลงทะเบียนเพื่อลงประชามติ โดยมี 13,000 คนอยู่นอกติมอร์ตะวันออก ข้อเสนอเขตปกครองตนเองพิเศษข้อตกลงระหว่างอินโดนีเซียและโปรตุเกสได้รวมกรอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเขตปกครองตนเองพิเศษติมอร์ตะวันออกเป็นภาคผนวก ซึ่งเป็นการจัดตั้งเขตปกครองตนเองภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียจะเข้าควบคุมการป้องกันประเทศ กฎหมาย เศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ผลผู้ออกเสียงจะต้องตอบคำถามต่อไปนี้:[1]
ปฏิกิริยารัฐบาลอินโดนีเซียยอมรับผลในวันที่ 19 ตุลาคม โดยยกเลิกกฎหมายที่ผนวกติมอร์ตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย สหประชาชาติได้ตั้ง องค์การบริหารช่วงเปลี่ยนผ่านแห่งสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UNTAET) ซึ่งนำไปสู่การประกาศเอกราชเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ การลงประชามติเอกราชติมอร์ตะวันออก พ.ศ. 2542 |