จันทรุปราคาจันทรุปราคา (ชื่ออื่น เช่น จันทรคาธ, จันทรคราส, ราหูอมจันทร์ หรือ กบกินเดือน; อังกฤษ: lunar eclipse) เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ผ่านหลังโลกเข้าสู่เงามืด (umbra) โดยตรง ซึ่งเกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่อดวงอาทิตย์ โลกและดวงจันทร์เรียงตรงกันพอดีหรือใกล้เคียงมาก โดยมีโลกอยู่กลาง ชนิดและระยะของอุปราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์เทียบกับโหนดของวงโคจร (orbital node) จันทรุปราคาสามารถดูได้จากทุกที่ในฝั่งกลางคืนของโลก ซึ่งต่างกับสุริยุปราคาซึ่งมองเห็นได้จากพื้นที่ค่อนข้างเล็กของโลก จันทรุปราคากินเวลาเป็นชั่วโมง ขณะที่สุริยุปราคาเต็มดวงกินเวลาเพียงไม่กี่นาทีในที่หนึ่ง ๆ เนื่องจากเงาของดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ จันทรุปราคายังสามารถดูได้โดยไม่ต้องมีสิ่งป้องกันดวงตาหรือการป้องกันเป็นพิเศษ เพราะมืดกว่าจันทร์เพ็ญ ประเภทของจันทรุปราคาเงาของโลกที่ทอดไปในอวกาศแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เงามัว (Penumbra Shadow) เป็นเงาส่วนนอกสุด เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะมีความสว่างลดลงเล็กน้อย และ เงามืด (Umbra Shadow) เป็นเงาที่มืดสนิท เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในเงาส่วนนี้จะทำให้เกิดส่วนมืดเว้าแหว่ง จึงแบ่งประเภทของปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ดังนี้[1] จันทรุปราคาเงามัวจันทรุปราคาเงามัว (Penumbral lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปเงามัวของโลก โดยไม่ผ่านเงามืด สามารถมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง แต่ความสว่างลดน้อยลง สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นค่อนข้างยาก จันทรุปราคาบางส่วนจันทรุปราคาบางส่วน (Partial lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามืดของโลกเพียงบางส่วน โดยจะมองเห็นดวงจันทร์มีลักษณะเว้าแหว่ง จันทรุปราคาเต็มดวงจันทรุปราคาเต็มดวง (Total lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ เนื่องจากแสงขาวจากดวงอาทิตย์จะถูกหักเหเมื่อผ่านชั้นบรรยากาศโลก สีแดงและสีส้มเบี่ยงทิศทางเข้าหากลางเงามืด จึงมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงระหว่างเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง จันทรุปราคาแบบกึ่งกลางจันทรุปราคาแบบกึ่งกลาง (Central lunar eclipse) เป็นจันทรุปราคาเต็มดวงในระหว่างที่ดวงจันทร์ผ่านใจกลางเงาของโลกไปสัมผัสกับจุดตรงข้ามกับดวงอาทิตย์(antisolar point) ซึ่งเป็นจุดที่จะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ 180° จันทรุปราคาประเภทนี้ค่อนข้างหายาก มีอุปราคาที่ใหญ่ และระยะเวลาคราสจะยาวนานกว่าจันทรุปราคาเต็มดวงที่ไม่ได้ผ่านจุดตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ซีลินิเลียนซีลินิเลียน (Selenelion) เป็นจันทรุปราคาที่สามารถสังเกตเห็นทั้งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ที่เกิดจันทรุปราคาพร้อมกันได้ เกิดจากการหักเหโดยชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้ปรากฏดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่เกิดจันทรุปราคาอยู่สูงเกินตำแหน่งจริง จันทรุปราคาประเภทนี้ สามารถสังเกตการณ์ได้บนพื้นที่ที่สูงกว่าขอบฟ้า ช่วงเวลา
ลักษณะของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงอองเดร ดังชง คิดค้นมาตราต่อไปนี้ (เรียก มาตราดังชง) เพื่อจัดความมืดและบ่งบอกถึงลักษณะโดยรวมของจันทรุปราคา[2]
และตัวอักษรตัว l หมายถึง luna หรือดวงจันทร์
ประวัติการเกิดจันทรุปราคาจากข้อมูลที่ทราบจะมีข้อมูลดังนี้ 1.จันทรุปราคา เมษายน พ.ศ. 2557 เกิดขึ้นในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 เป็นจันทรุปราคาแรกของจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2557 และยังเป็นจันทรุปราคาครั้งแรกสำหรับอุปราคาที่อยู่ในเทแทรด (ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง 4 ดวงติดต่อกัน) ซึ่งไม่ได้พบในประเทศไทย 2.จันทรุปราคา กันยายน พ.ศ. 2558 เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ถึง 28 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยสังเกตได้ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ในทวีปอเมริกา ขณะที่ในทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลาง 3.จันทรุปราคา กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เกิดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 โดยดวงจันทร์เคลื่อนผ่านที่ศูนย์กลางของเงาของโลก ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของปรากฏการณ์จันทรุปราคาศูนย์กลาง นับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปัจจัยในการเกิดจันทรุปราคาจันทรุปราคาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เนื่องจากระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์และระนาบการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกทำมุมกัน 5 องศา ในการเกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์จะต้องอยู่บริเวณจุดตัดของระนาบวงโคจรทั้งสอง และต้องอยู่ใกล้จุดตัดนั้นมาก จึงจะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงหรือจันทรุปราคาบางส่วนได้ ระยะห่างระหว่างโลกและดวงจันทร์มีผลต่อความเข้มของจันทรุปราคาด้วย นอกจากนี้ หากดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโลกมากที่สุด (apogee) จะทำให้ระยะเวลาในการเกิดจันทรุปราคานานขึ้น ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ
ในทุก ๆ ปีจะมีจันทรุปราคาเกิดขึ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากเก็บสถิติการเกิดจันทรุปราคาแล้ว จะสามารถทำนายวันเวลาในการเกิดจันทรุปราคาครั้งต่อไปได้ การสังเกตจันทรุปราคาแตกต่างจากสุริยุปราคา จันทรุปราคาส่วนใหญ่จะสามารถสังเกตได้จากบริเวณใด ๆ บนโลกที่อยู่ในช่วงเวลากลางคืนขณะนั้น ขณะที่สุริยุปราคาจะสามารถสังเกตได้เพียงบริเวณเล็ก ๆ เท่านั้น หากขึ้นไปยืนอยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ขณะที่เกิดจันทรุปราคาบนโลก ก็จะสามารถเห็นการเกิดสุริยุปราคาบนดวงจันทร์ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ เนื่องจากการที่โลกกำลังบังดวงอาทิตย์อยู่ในเวลานั้น การเกิดทุกปีมีจันทรุปราคาอย่างน้อยสองครั้งและมีได้มากถึงห้าครั้ง แม้จันทรุปราคาเต็มดวงจะมีน้อยมาก หากทราบวันที่และเวลาของอุปราคาหนึ่งแล้ว สามารถพยากรณ์การเกิดอุปราคาอีกครั้งหนึ่งโดยใช้วงรอบอุปราคาอย่างซารอส อุปราคาเกิดเฉพาะในฤดูอุปราคา เมื่อดวงอาทิตย์เข้าใกล้ปมขึ้นหรือลงของดวงจันทร์ อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|