ชลอ ศรีธนากร
พลตำรวจตรี ชลอ ศรีธนากร หรือ ขุนศรีศรากร (19 กุมภาพันธ์ 2444 - 11 กันยายน 2530) อดีตอธิบดีกรมรถไฟ อดีตอธิบดี กรมสรรพสามิต อดีตอธิบดี กรมราชทัณฑ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 และหนึ่งในสมาชิก คณะราษฎร ประวัติพลตำรวจตรีชลอเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 บนเรือบรรทุกข้าวที่ จังหวัดพิษณุโลก บิดาชื่อ กัน และมารดาชื่อ สวาท รับราชการและงานการเมืองพลตำรวจตรีชลอจบการศึกษาจาก โรงเรียนนายร้อยทหารบก หรือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในปัจจุบันและได้รับพระราชทานยศ ร้อยตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2466 [1] และในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2473 ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนศรีศรากร ศักดินา ๖๐๐ [2] ใน การปฏิวัติสยาม เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พลตำรวจตรีชลอซึ่งในขณะนั้นมียศเป็น ร้อยโท ได้รับภารกิจหน้าที่ในการคุมตัว พลตรี พระยาเสนาสงคราม มายัง พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเป็นกองบัญชาการของคณะราษฎรแต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเกิดการต่อสู้กันขึ้นทำให้พระยาเสนาสงครามถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองท่านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการกองร้อยปืนใหญ่ที่ 2 และได้เลื่อนยศเป็น ร้อยเอก เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 [3] จากนั้นในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ท่านได้รับเลือกให้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง [4] จากนั้นท่านจึงได้โอนย้ายมารับราชการเป็นตำรวจรับตำแหน่ง สารวัตรตำรวจสันติบาล และได้รับพระราชทานยศ พันตำรวจตรี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 [5] หลังจากนั้นท่านจึงได้รับพระราชทานยศ พันตำรวจเอก เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2487[6] ต่อมาท่านจึงได้โอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนชั้นพิเศษเป็นผู้บัญชาการเรือนจำมหันตโทษที่บางขวางเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480 จากนั้นจึงได้รักษาการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482[7] หลังจากนั้นอีก 2 ปีท่านได้โอนย้ายมารับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตแทน หลวงอรรถสารประสิทธิ์ (ทองเย็น หลีละเมียร) ที่ไปประจำกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2484[8] กระทั่งวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ท่านโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมรถไฟ [9] แทน พลโท จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ (ยศในขณะนั้น) กระทั่งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ท่านได้ควบตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตอีกตำแหน่งหนึ่งแทน หลวงอรรถสารประสิทธิ์ ที่ขยับไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง[10] ต่อมาในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2486 ได้มีคำสั่ง ท. สนาม ที่ 113/86 ให้ท่านพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมรถไฟเหลือตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตเพียงตำแหน่งเดียว[11] จากนั้นในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2487 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ พันตำรวจเอก [12] กระทั่งลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2489 [13] ก่อนจะออกจากราชการเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2489 ขณะอายุเพียง 45 ปีโดยมิได้กลับเข้ารับราชการหรือวงการเมืองอีกจนกระทั่งปี พ.ศ. 2510 จึงตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุ ถึงแก่อสัญกรรมพลตำรวจตรีชลอถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2530 ขณะอายุได้ 86 ปี เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|