ทะลุวังทะลุวัง เป็นชื่อกลุ่มนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวในเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและการปฏิบัติต่อนักโทษการเมือง โดยมีกิจกรรมที่โดดเด่น ได้แก่ การทำโพลในเรื่องขบวนเสด็จฯ และการอดอาหารและน้ำเพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของนักโทษการเมือง ปัจจุบัน เนติพร เสน่ห์สังคม แกนนำกลุ่มทะลุวังได้เสียชีวิตแล้ว ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ[1] การดำเนินกิจกรรมการทำโพลกลุ่มทะลุวังมีการทำกิจกรรมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ด้วยการทำโพลตั้งคำถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112[2] ต่อมาในช่วงต้นปี 2565 ได้มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบการทำโพลสำรวจเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยใช้แผ่นกระดาษเขียนข้อความคำถาม และแบ่งเป็นช่องคำตอบให้ผู้ตอบแบบสำรวจใช้สติ๊กเกอร์สีแปะฝั่งที่ตนเองเห็นด้วย และทำการเดินสำรวจไปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ ในวันที่ 8 กุมพาพันธ์ 2565 ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน[3] ด้วยคำถามว่า คุณคิดว่าขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่ ในวันที่ 13 มีนาคม 2565 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้วยคำถามว่า คุณยินดีที่จะยกบ้านของคุณให้กับราชวงศ์หรือไม่[4] โดยทำให้เกิดการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในรูปแบบเดียวกันแพร่กระจายไปตามการชุมนุมต่าง ๆ ของกลุ่มแนวร่วม โดยโพลดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญามาตรา 112 กับสมาชิกกลุ่มและอดีตสมาชิกกลุ่มที่จัดกิจกรรมโพลสำรวจดังกล่าว โดยบางส่วนไม่ได้รับการประกันตัว[5] ต่อมาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทะลุวัง 2 คน สุพิชฌาย์ ชัยล้อม (เมนู) และเบญจมาภรณ์ นิวาส (พลอย) ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปยังแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา[6] การอดอาหารและน้ำในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2566 สมาชิกกลุ่มทะลุวังสองคน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) ยื่นขอถอนประกันตัวเอง ภายหลังจากวันที่ 9 มกราคมที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งเพิกถอนประกัน ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ (ใบปอ) สมาชิกกลุ่มทะลุวังอีกคน และโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง (เก็ท) โดยทั้งสี่คนเป็นจำเลยคดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย[7] พร้อมกันนั้น ทั้งสองประกาศข้อเรียกร้องให้ "ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ... ยุติการดำเนินคดีความกับประชาชนผู้ใช้สิทธิ ... แสดงออกทางการเมือง" และ "พรรคการเมืองทุกพรรคต้องเสนอ ... ยกเลิกมาตรา 112 และ 116"[8] และประกาศอดน้ำและอดอาหารในเรือนจำ[9] เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566 มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ติดต่อทนายความของทั้งสองเกี่ยวกับอาการที่ย่ำแย่ลง โดยทั้งสองปฏิเสธการรักษา การให้น้ำเกลือ และการให้อาหารทางหลอดเลือด[10] ต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 จากรายงานของทนายความ แบมมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง ส่วนตะวันมีอาการเลือดออกตามไรฟัน นอนไม่หลับ ปวดท้อง เจ็บหน้าอก และตาพร่ามัว[11] ปฏิกิริยาจากสาธารณะ พบการติดป้ายข้อความสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[12] และกลุ่มทะลุฟ้าได้จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง ‘ยืน หยุด ขัง' เป็นเวลา 112 ชั่วโมงหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร[13] เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวตะวันและแบมด้วยเหตุผลว่าสุขภาพของทั้งสองเข้าขั้นวิกฤต แต่ตะวันและแบมยังคงประกาศอดอาหารต่อจนกว่าศาลจะปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังคดีการเมืองทั้งหมดอีกแปดคน และในขณะเดียวกันทั้งสองยอมจิบน้ำตามคำแนะนำของแพทย์[14] ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวสมบัติ ทองย้อย ชั่วคราวในคดีมาตรา 112[15] และเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ในคดีดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์[16] ในวันเดียวกัน คงเพชร ได้รับการประกันตัวในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าครอบครองวัตถุระเบิด[17] ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกาให้ประกันตัวสิทธิโชค เศรษฐเศวต ในคดีมาตรา 112[18] ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 4 ผู้ต้องหาคดีการเมืองจากกลุ่มทะลุแแก๊ส[19] เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ศาลไม่ให้ประกันทัตพงศ์ เขียวขาว ในคดีครอบครองวัตถุระเบิดหลังจากได้ประกันตัวแล้วเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ตะวันและแบมจึงประกาศยกระดับประท้วงด้วยการอดอาหารและไม่รับน้ำและยาอีกครั้ง[20] ในวันที่ 3 มีนาคม ทั้งสองอาการทรุดลงและมีอาการไตวายต้องนำส่งโรงพยาบาล[21] ในวันที่ 11 มีนาคม ตะวันและแบมประกาศเลิกการอดอาหารหลังจากกลับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์และไม่ได้รับการตอบรับจากศาล ทั้งสองพ้นขีดอันตรายต่อชีวิตแล้ว[22] การประท้วงที่ทำการพรรคเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 กลุ่มทะลุวังได้ประท้วง ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยและเข้าประชิดรถยนต์ของนายพิพัฒน์และนายศักดิ์สยาม เมื่อไม่พบตัวจึงได้ใช้มือทุบรถ จุดพลุควัน และตะโกนด่าทอเรียกร้องให้ขอโทษประชาชน[23] กรณีอื้อฉาวในเดือนกันยายน 2565 มีการเปิดเผยจากอดีตแนวร่วมของกลุ่มทะลุวัง อ้างว่าขอแยกทางเพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มที่มองข้ามเสียงของเหยื่อที่ได้รับความรุนแรงทางเพศ การเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ และกดดัน ตลอดจนจุดยืนที่โอนเอนไปตามกระแสสังคม[24][25] เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 พลอย อดีตผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุวัง ได้เขียนข้อความในทวิตเตอร์ว่า บุ้ง (เนติพร เสน่ห์สังคม) แกนนำทะลุวัง มีพฤติกรรมครอบงำเด็กที่มาร่วมกิจกรรมการชุมนม โดยมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิต อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อย ๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เพื่อนำไปเรียกรับทุนสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศที่ขับเคลื่อนประชาธิปไตย แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเด็กที่มาร่วมกิจกรรมการชุมนม[26] ดูเพิ่มอ้างอิง
|