ประชาธิปไตยบนเส้นขนานประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เป็นหนังสือของ วินทร์ เลียววาริณ วางจำหน่ายใน พ.ศ. 2537 และได้รางวัลซีไรต์ใน พ.ศ. 2540[1] ฉบับภาษาอังกฤษให้ชื่อว่า (Democracy, Shaken & Stirred) วางจำหน่าย พ.ศ. 2546 เป็นนิยายเชิงการเมืองไทย โดยดำเนินเรื่องตามการปฏิวัติในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬใน พ.ศ. 2535 ตัวละครหลักในเรื่องเป็นตัวละครสมมติ แต่มีการใช้บุคคลในประวัติศาสตร์มากมาย วินทร์ได้ใช้ลักษณะการเขียนแบบเดียวกันนี้ในนิยายอีกเรื่องของเขา คือ ปีกแดง (พ.ศ. 2545) เพียงแต่เป็นเรื่องของลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เกริ่นหนังสือเรื่องนี้ เป็นการจำลองภาพในเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความสำคัญในยุคต่างๆ นับตั้งแต่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย แม้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบเต็มใบ จนถีงในช่วงหกสิบปีต่อมาที่มีการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยแต่ละขั้น มีการถ่ายเทอำนาจจากบุคคลหนึ่งไปหาอีกกลุ่มบุคคลหนึ่ง โดยถ่ายทอดผ่านการดำเนินชีวิตของบุคคลสองคน ที่แตกต่างกันในด้านการใช้ชีวิตและด้านอุดมการณ์ แต่ทั้งสองมีจุดมุ่งหมายปลายทางเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง สิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน และได้มาชึ่งการมีประชาธิปไตยที่เต็มใบ เปรียบเสมือนทางเดินเพื่อไปหาประชาธิปไตย แต่เดินเป็นแนวที่ขนานไม่สามารถจะใช้วิธีร่วมกันได้ เนื้อเรื่องโดยย่อฝนเทลงมาเหมือนทะเลคลั่งในคืนหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2535 เช้าวันรุ่งขึ้น ที่มุมหนึ่งของสวนลุมพินี ชายชราสองคนนั่งด้วยกันบนม้านั่งตัวหนึ่งชายชราคนแรกร่างสูงใหญ่ ผมขาวแชมเทาทั่งศีรษะ ริ้วรอยบนใบหน้าแสดงถึงประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน สายตาคมกริบและเปี่ยมพลังแฝงแววเฉลียวฉลาดแม้จะอยู่วัยใกล้ฝังชายชราอีกคนหนึ่ง รูปร่างไล่เลี่ยกันกับคนแรก ปีกไหล่ทั่งสองหนาบึกบึน คล้ายกันต้องแบกภาระหนักมาตลอดชีวิต สายตาผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างมากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อน ชายคนแรกตามเนื้อเรื่อง เขาคือ เสือย้อยที่มีถิ่นอาศัยอยู่แถบเมืองเพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ผู้ที่เป็นโจรแต่มีแววตาที่ฉลาด ดูมีการศึกษาที่สูงที่ไม่เหมือนกับโจรทั่วไป ที่เป็นเช่นนี้เพราะชายผู้นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า หลวงกฤษดาวินิจ บุคคลที่มีการศึกษาสูง และเป็นทหารที่มีความจงรักภัคดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ที่ต่อต้านการปฏิวัติที่ต้องการอำนาจของบุคคลเพียงบางกลุ่ม จนถูกบีบบังคับให้มาเป็นโจร ชายชราอีกคนหนึ่งคือนายตำรวจที่มี ชื่อว่า ร.ต.ต ตุ้ย พันเข็ม นายตำรวจที่มีอุดมการณ์สูงรักประเทศยิ่งชีวิต ผู้มีบทบาทตั้งแต่นายตำรวจธรรมดาที่ปราบโจรที่มีชื่อต่างๆ จนเป็นที่เลืองลือจนได้รับฉายาว่า "จ่าตุ้ยปืนผี" จนถึงนายตำรวจที่มีบทบาทอย่างสูงทางการเมืองในยุค 60 ปีของการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ นายตำรวจที่เป็นคนสนิทของผู้นำประเทศที่มีอำนาจมหาศาลที่สุดในยุคหนึ่งของประเทศ ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนและศัตรูกันทางด้านแนวคิด ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่กล่าวโดยย่อถึงเนื้อเรื่องที่เกิดขี้น พ.ศ. ต่าง ๆ
อ้างอิง
|