Share to:

 

ถนอม กิตติขจร

ถนอม กิตติขจร
ถนอม ใน พ.ศ. 2511
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 10
ดำรงตำแหน่ง
9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
(9 ปี 10 เดือน 5 วัน)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
รองประภาส จารุเสถียร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
พจน์ สารสิน
ก่อนหน้าสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ถัดไปสัญญา ธรรมศักดิ์
ดำรงตำแหน่ง
1 มกราคม – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501
(9 เดือน 19 วัน)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
รองจอมพลประภาส จารุเสถียร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
สุกิจ นิมมานเหมินทร์
ก่อนหน้าพจน์ สารสิน
ถัดไปสฤษดิ์ ธนะรัชต์
รองนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506
(4 ปี 9 เดือน 29 วัน)
นายกรัฐมนตรีสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ก่อนหน้าสุกิจ นิมมานเหมินทร์
ถัดไปประภาส จารุเสถียร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
23 กันยายน พ.ศ. 2500 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
(16 ปี 21 วัน)
นายกรัฐมนตรีพจน์ สารสิน
สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ตนเอง
ก่อนหน้าแปลก พิบูลสงคราม
ถัดไปทวี จุลละทรัพย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ดำรงตำแหน่ง
19 ธันวาคม พ.ศ. 2515 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
(9 เดือน 25 วัน)
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ถัดไปจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ดำรงตำแหน่ง
11 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 30 กันยายน พ.ศ. 2516
(9 ปี 9 เดือน 19 วัน)
ก่อนหน้าจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ถัดไปพลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์
ผู้บัญชาการทหารบก
ดำรงตำแหน่ง
11 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2507
(9 เดือน 20 วัน)
ก่อนหน้าจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ถัดไปจอมพล ประภาส จารุเสถียร
นายกสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดำรงตำแหน่ง
21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 – 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
(7 ปี 11 เดือน 30 วัน)
ก่อนหน้าก่อตั้งมหาวิทยาลัย
ถัดไปสุกิจ นิมมานเหมินท์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
ถนอม

11 สิงหาคม พ.ศ. 2454
เมืองตาก ประเทศสยาม
เสียชีวิต16 มิถุนายน พ.ศ. 2547 (92 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
พรรคการเมืองชาติสังคม (2500)
สหประชาไทย (2511)
คู่สมรสจงกล ถนัดรบ (สมรส 2473)
บุตร
  • นงนาถ
  • ณรงค์
  • นงนุช
  • ยุทธพงศ์
  • ทรงสุดา
  • ทรงสมร
บุพการี
  • ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) (บิดา)
  • นางโสภิตบรรณลักษณ์ (ลิ้นจี่ กิตติขจร) (มารดา)
ญาติสง่า กิตติขจร (น้องชาย)
ลายมือชื่อ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย
สังกัดกองทัพบกไทย
ประจำการพ.ศ. 2472–2516
ยศ จอมพล
จอมพลเรือ
จอมพลอากาศ
บังคับบัญชาผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผ่านศึก

จอมพล ถนอม กิตติขจร ป.จ. ส.ร. ม.ป.ช. ม.ว.ม. อ.ป.ร. ๓ ภ.ป.ร. ๑ (11 สิงหาคม พ.ศ. 2454 – 16 มิถุนายน พ.ศ. 2547) เป็นทหารบกชาวไทย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 10 ตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2516 ซึ่งในระหว่างนั้นเขาได้ก่อรัฐประหารตนเองใน พ.ศ. 2514 จนกระทั่งเกิดการประท้วงในที่สาธารณะซึ่งนำไปสู่ความรุนแรงทำให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่งและลี้ภัยออกนอกประเทศ พร้อมกับ จอมพล ประภาส จารุเสถียร และพันเอก ณรงค์ กิตติขจร บุตรชาย ภายหลังเหตุการณ์นี้ จอมพล ถนอม ได้เดินทางกลับประเทศ แล้วบวชเป็นพระภิกษุ เป็นชนวนไปสู่การขับไล่ของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก[1]

จอมพลถนอมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี 6 เดือนเศษ ได้ชื่อว่าเป็น "จอมพลคนสุดท้าย"[2] ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในประวัติศาสตร์ไทย ภายหลังเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2547 รวมอายุได้ 92 ปี 309 วัน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

ประวัติ

จอมพล ถนอม กิตติขจร เกิดเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2454 ณ บ้านหนองหลวง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เป็นบุตรของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) กับนางลิ้นจี่ โสภิตบรรณลักษณ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 8 คน ได้แก่

  • นางรำพึง พันธุมเสน (ถึงแก่กรรม)
  • เด็กหญิง ลำพูน กิตติขจร (ถึงแก่กรรม)
  • จอมพล ถนอม กิตติขจร (ถึงแก่กรรม)
  • นางสุรภี ชูพินิจ (ถึงแก่กรรม)
  • นายสนิท กิตติขจร (ถึงแก่กรรม)
  • นางสายสนม กิตติขจร อดีตนายกสมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย (ถึงแก่กรรม)
  • พลตำรวจตรี สง่า กิตติขจร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ถึงแก่อนิจกรรม)
  • นางปราณีต สุคันธวณิช อดีตนายกสมาคมส่งเสริมการศึกษาในถิ่นกันดาร ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (ถึงแก่กรรม)

จอมพล ถนอม กิตติขจร มีแซ่ในภาษาจีนว่า ฝู (จีน: 符; พินอิน: fú) เริ่มการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนประชาบาลวัดโคกพลู จังหวัดตาก หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก และในระหว่างรับราชการทหารได้ศึกษาต่อที่ โรงเรียนแผนที่ทหาร กองทัพบก, โรงเรียนทหารราบ กองทัพบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (รุ่นที่ 1) ตามลำดับ

จอมพล ถนอม ได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2504[3] จอมพล ถนอม ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่าง วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2503[4] - 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506[5]

ครอบครัว

จอมพล ถนอม กิตติขจร สมรสกับท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร (สกุลเดิม ถนัดรบ) บุตรีของ พันตรี หลวง จบกระบวนยุทธ์ (แช่ม ถนัดรบ) และคุณหญิงเครือวัลย์ จบกระบวนยุทธ์ ท่านผู้หญิงจงกลเป็นอดีตประธานกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และอดีตประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ทั้งสองคนมีบุตรธิดาทั้งสิ้น 6 คน ได้แก่

  1. นางนงนาถ เพ็ญชาติ (พ.ศ. 2474 – ปัจจุบัน) สมรสกับ นายชำนาญ เพ็ญชาติ มีบุตรธิดา 3 คนหนึ่งในนั้นคือ เศรณี เพ็ญชาติ บิดาของปวริศา เพ็ญชาติ
  2. พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร (พ.ศ. 2476 – พ.ศ. 2567) สมรสกับ นางสุภาพร (จารุเสถียร) กิตติขจร บุตรสาวของจอมพลประภาส จารุเสถียร มีบุตรธิดา 4 คน
  3. คุณหญิงนงนุช จิรพงศ์ (พ.ศ. 2480 – ปัจจุบัน) สมรสกับ พลเอก เอื้อม จิรพงศ์ มีบุตรธิดา 4 คน
  4. พลอากาศเอก ยุทธพงศ์ กิตติขจร (พ.ศ. 2482 – ปัจจุบัน) อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ สมรสกับ นางทิพยา (ภมรมนตรี) กิตติขจร มีบุตรธิดา 3 คน
  5. คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี (พ.ศ. 2486 – ปัจจุบัน) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 สมรสกับ ร้อยโท สุวิทย์ ยอดมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีบุตร 3 คน นายสุวงศ์ ยอดมณี ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย[6] สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน
  6. คุณหญิงทรงสมร คชเสนี (พ.ศ. 2489 – ปัจจุบัน) สมรสกับ พลเรือโท สุภา คชเสนี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีบุตรธิดา 5 คน

นอกจากนี้ยังรับหลานอีก 2 คน ซึ่งเป็นบุตรของน้องสาวของท่านผู้หญิงจงกลมาเลี้ยงดู ได้แก่

  1. พลตำรวจตรี นเรศ คุณวัฒน์ สมรสกับ นางอรสา (วิจิตรานุช) คุณวัฒน์ มีบุตร 2 คน
  2. นางสาวนรา คุณวัฒน์

การรับราชการ

ถนอมรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับหมวด ในกรมทหารราบที่ 8 กองพันทหารราบที่ 1 (ร.8 พัน.1) จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้ร่วมก่อรัฐประหารซึ่งผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ในขณะที่มียศเป็น "พันโท" และดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารบกที่ 11 ต่อมาได้เป็น รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 (พล.ร.1) รองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาโดยลำดับจนกระทั่งวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2506 พลเอก ถนอม ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด[7] สืบต่อจาก จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เสียชีวิต

ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2507 พลเอก ถนอม ได้รับพระราชทานยศ จอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ [8]

และในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2507 จอมพล ถนอม ได้สละตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกให้แก่พลเอก ประภาส จารุเสถียร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรักษาราชการรองผู้บัญชาการทหารบก โดยเหลือตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว[9]

จอมพล ถนอม กิตติขจร ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของพจน์ สารสิน สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้จอมพล ถนอมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 แต่หลังบริหารประเทศแค่ 9 เดือนเศษ เขาก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อจอมพล สฤษดิ์เสียชีวิต จอมพล ถนอมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่จอมพลเผด็จการทหารคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการสร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ทั่วประเทศหลายสาย โดยได้รับทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจากสหรัฐในช่วงสงครามเย็นเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ และสร้างเขื่อน เช่น เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนอุบลรัตน์

ในปี พ.ศ. 2508 ได้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียดนามด้วยในฐานะพันธมิตรของสหรัฐหรือฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย โดยหลัก ๆ มี สหรัฐ, เกาหลีใต้, ไทย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ เพื่อไปสนับสนุนเวียดนามใต้ให้เป็นประชาธิปไตย และเป็นการต่อต้านคอมมิวนิสต์

ทหารบกในปี 2511 ถูกส่งไปเวียดนามใต้ ในสงครามเวียดนาม

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย จอมพล ถนอม ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) สร้างความไม่พอใจและกระแสต่อต้านในสังคมระยะหนึ่ง ถึงกับมีการอภิปรายในสภาและกังวลกันว่าอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุร้ายซ้ำอีก[10] ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม จอมพลถนอมจึงลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว[11]

บทบาททางการเมือง

หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในปี พ.ศ. 2511 มีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐสภา ในปี พ.ศ. 2514 ถนอม กิตติขจรได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเอง และได้จัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์และความทะเยอทะยานของตนเอง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในผู้ที่ยืนหยัดวิจารณ์อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจเถื่อน ได้แก่ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่เขียนจดหมายในนามนายเข้ม เย็นยิ่ง ถึง ผู้ใหญ่ ทำนุ เกียรติก้อง (หมายถึงจอมพล ถนอม นั่นเอง)

จนกระทั่งมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้จอมพล ถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายต่อความทะเยอทะยานที่ปราศจากความชอบธรรมในหลักการประชาธิปไตย

จอมพล ถนอม พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 รัฐบาลได้ใช้อาวุธสงครามเข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์นี้ทำให้พลังทางการเมืองหลายฝ่ายกดดันให้จอมพล ถนอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยการยึดอำนาจและรัฐประหารทั้งสิ้น 10 ปี 6 เดือนเศษ หลังจากนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของจอมพล ถนอม จนนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สุจริตต้องเป็นจำนวนมาก

จอมพล ถนอม กิตติขจร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย (รวมในสมัยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติตัวเองด้วยเป็นสมัยที่ 3) สมัยแรกเป็นนายกรัฐมนตรีในระยะเวลาสั้นๆ หลังการรัฐประหารของจอมพล สฤษดิ์ ใน พ.ศ. 2501 สมัยที่ 2 - 4 หลังจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอมพล ถนอม จึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการทหาร

ลินดอน บี. จอห์นสัน และเลดีเบิร์ด จอห์นสันในงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่จอมพล ถนอม กิตติขจร และคู่สมรส ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2511

บทบาทหลังออกนอกประเทศ

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2519 จอมพล ถนอม เดินทางกลับประเทศในฐานะสามเณร เนื่องจากสมัคร สุนทรเวชแจ้งว่าราชสำนักอนุญาต[12]: 234  และได้บวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศวิหารโดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นผู้อุปสมบทให้: 248  พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จฯ เยี่ยมพระถนอมที่วัดด้วย[13]: 151 

ยศทหาร

  • พ.ศ. 2473 : นายร้อยตรี[14]
  • พ.ศ. 2478 : นายร้อยโท[15]
  • พ.ศ. 2481 : นายร้อยเอก[16]
  • พ.ศ. 2486 : พันตรี[17]
  • พ.ศ. 2487 : พันโท[18]
  • พ.ศ. 2491 : พันเอก[19]
  • พ.ศ. 2494 : พลตรี[20]
  • พ.ศ. 2498 : พลโท[21]
  • พ.ศ. 2501 : พลเอก[22]
  • พ.ศ. 2505 : นายกองใหญ่[23]
  • พ.ศ. 2507 : จอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ[24]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

จอมพล ถนอม กิตติขจร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

เครื่องอิสริยาภรณ์สากล

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

ลำดับสาแหรก

อ้างอิง

  1. เงื่อนงำการกลับมาของจอมพลก่อนการสังหารหมู่ โพสต์ทูเดย์ สืบค้นเมื่อ 6 ตุลาคม 2563
  2. จอมพลคนสุดท้ายในแผ่นดินไทย เก็บถาวร 2022-01-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Oknation ฉบับตุลาคม 2553
  3. ถนอมได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
  4. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  5. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  6. กรมโรงงานฯ จับมือ สกพอ. ประชุมเตรียมความพร้อม MOU ส่งมอบภารกิจการขออนุญาตตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)
  7. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 80 ตอน 119 ง พิเศษ หน้า 1 12 ธันวาคม พ.ศ. 2506
  8. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร เก็บถาวร 2023-09-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอน 3 ง หน้า 1 11 มกราคม พ.ศ. 2507
  9. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอน 87 ง พิเศษ หน้า 2 11 กันยายน พ.ศ. 2507
  10. การเสนอแต่งตั้ง จอมพล ถนอม กิตติขจร และ พลตรี มนูกฤต รูปขจร เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ชิงชัย มงคลธรรม; จาตุรนต์ ฉายแสง; อดิศร เพียงเกษ; เปรมศักดิ์ เพียยุระ; ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง; สุรพร ดนัยตั้งตระกูล; นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ; ถาวร เสนเนียม; ไพจิต ศรีวรขาน; สนั่น ขจรประศาสน์; ชวน หลีกภัย; กุศล หมีเทศ; ขจิตร ชัยนิคม
  11. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้พ้นจากตำแหน่งนายทหารพิเศษ
  12. Handley, Paul M. The King Never Smiles: A Biography of Thailand's Bhumibol Adulyadej. Yale University Press. ISBN 0-300-10682-3.
  13. อึ๊งภากรณ์, ใจ; ยิ้มประเสริฐ, สุธาชัย; และคณะ (2544). อาชญากรรมรัฐในวิกฤตการเปลี่ยนแปลง (PDF). คณะกรรมการรับข้อมูลและสืบพยานเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519. ISBN 9748858626. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-19. สืบค้นเมื่อ 2020-10-14.
  14. ประกาศพระราชทานยศทหารบก
  15. ประกาศพระราชทานยศทหารบก
  16. ประกาศกระทรวงกลาโหมเรื่องพระราชทานยศทหาร
  17. "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-31. สืบค้นเมื่อ 2020-01-18.
  18. "เรื่อง พระราชทานยศทหาร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-03. สืบค้นเมื่อ 2019-11-20.
  19. เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  20. เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  21. ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  22. ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  23. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดน
  24. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร เก็บถาวร 2016-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอน 3 ง พิเศษ หน้า 1 11 มกราคม พ.ศ. 2507
  25. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๔๐ ง หน้า ๑๒๗๙, ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๔
  26. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รามาธิบดี, เล่ม ๘๒ ตอนที่ ๔๑ ง หน้า ๑๔๔๕, ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๐๘
  27. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๓ ตอนที่ ๕๙ ง หน้า ๒๑๒๙, ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๙๙
  28. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๕ ง หน้า ๓๐๔๐, ๑๓ ธันวาคม ๒๔๙๘
  29. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ, เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๙๕ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒, ๑๕ มิถุนายน ๒๕๓๑
  30. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญกล้าหาญ, เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๙๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๕, ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๕
  31. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๗๙ ตอนที่ ๘๓ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๘ กันยายน ๒๕๐๕
  32. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๓๘ ง หน้า ๑๑๘๕, ๒๔ พฤษภาคม ๒๔๙๘
  33. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๙๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๓๐ มิถุนายน ๒๕๑๕
  34. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๘๖ ตอนที่ ๘๗ ง หน้า ๓๐๒๙, ๗ ตุลาคม ๒๕๑๒
  35. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความ พระราชทานเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ, เล่ม ๕๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๐๘๙, ๓๐ กันยายน ๒๔๗๗
  36. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญช่วยราชการเขตภายใน, เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๔๔ ง หน้า ๒๗๐๓, ๒๔ สิงหาคม ๒๔๘๖
  37. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๗๙ ตอนที่ ๔๕ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๙, ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๐๕
  38. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๖๑ ตอนที่ ๖๐ ง หน้า ๑๘๕๓, ๒๖ กันยายน ๒๔๘๗
  39. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๘, เล่ม ๖๗ ตอนที่ ๓๙ ง หน้า ๓๐๔๐, ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๙๓
  40. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๘๑ ตอนที่ ๑๒๒ ง หน้า ๓๑๔๗, ๒๙ ธันวาคม ๒๕๐๗
  41. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเหรียญปฏิบัติงานสหประชาชาติ, เล่ม ๗๑ ตอนที่ ๒๕ ง หน้า ๑๐๓๘, ๑๓ เมษายน ๒๔๙๗
  42. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๘๘ ง หน้า ๒๐๗๗, ๓ กันยายน ๒๕๐๖
  43. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๕ ตอนที่ ๖ ง หน้า ๑๓๗, ๒๑ มกราคม ๒๕๐๑
  44. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๕ ตอนที่ ๖๒ ง หน้า ๒๒๔๙, ๑๒ สิงหาคม ๒๕๐๑
  45. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๗ ตอนที่ ๘๓ ง หน้า ๒๑๙๘, ๑๑ ตุลาคม ๒๕๐๓
  46. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๗ ตอนที่ ๙๗ ง หน้า ๒๔๖๑, ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๓
  47. 47.0 47.1 47.2 ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๒๕ ง หน้า ๗๖๐, ๒๑ มีนาคม ๒๕๐๔
  48. 48.0 48.1 48.2 ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๕๘ ง หน้า ๑๖๘๘, ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๔
  49. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชาอนุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๗๑ ง หน้า ๑๙๖๐, ๕ กันยายน ๒๕๐๔
  50. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๙ ตอนที่ ๑๐๙ ง หน้า ๒๖๒๙, ๑๑ ธันวาคม ๒๕๐๕
  51. SENARAI PENUH PENERIMA DARJAH KEBESARAN, BINTANG DAN PINGAT PERSEKUTUAN TAHUN 1962.
  52. 52.0 52.1 52.2 52.3 ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๖๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๓, ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๑๐
  53. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม 80 ตอนที่ 76 หน้า 1876, 30 กรกฎาคม 2506
  54. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๑๐๑ ง หน้า ๒๓๕๔, ๑๕ ตุลาคม ๒๕๐๖
  55. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๑ ตอนที่ ๒๕ ง หน้า ๗๙๐, ๑๗ มีนาคม ๒๕๐๗
  56. AGO 1969-13 — HQDA GENERAL ORDERS: MULTIPLE AWARDS BY PARAGRAPHS 

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า ถนอม กิตติขจร ถัดไป
พจน์ สารสิน
นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
สมัยที่ 1

(1 มกราคม พ.ศ. 2501 — 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501)
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
สมัยที่ 2

(9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 — 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516)
สัญญา ธรรมศักดิ์
ศาสตราจารย์ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ (จำรูญ โปษยานนท์) อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
(8 มกราคม พ.ศ. 2503 — 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกคณะกรรมการมหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 2 สมัยที่ 1
(พ.ศ. 2501 – พ.ศ. 2503)
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกคณะกรรมการมหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 2 สมัยที่ 2
(พ.ศ. 2507 – พ.ศ. 2512)
สมัยที่ 3
สมัยที่ 2 นายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 2 สมัยที่ 3
(พ.ศ. 2512 – พ.ศ. 2514)
พลเอก บุญเรือน บัวจรูญ
(สมัยที่ 1)


Kembali kehalaman sebelumnya