ปันนาค็อตตา
พานาค็อตตา (อิตาลี: panna cotta) เป็นของหวานอิตาลีชนิดหนึ่ง ทำจากครีมผสมน้ำตาล ทำให้ข้นด้วยเจลาติน แล้วนำไปหล่อแม่พิมพ์ อาจแต่งกลิ่นและรสส่วนผสมครีมด้วยรัม, กาแฟ, วานิลลา หรือสารแต่งกลิ่นรสอื่น ๆ ก็ได้ ขนมชนิดนี้มีหน้าตาเหมือนแครมการาแมล (พุดดิงน้ำตาลเคี่ยว) แต่มีรสชาติค่อนไปทางนมมากกว่า และมีเนื้อสัมผัสคล้ายวุ้นมากกว่าคล้ายแครมการาแมล การทำวิธีทำเริ่มจากการเทน้ำตาลลงไปผสมกับครีมแล้วนำไปตั้งไฟอ่อน ๆ ระหว่างนี้อาจแต่งกลิ่นรสโดยจุ่มแช่เครื่องเทศหรือเติมรัม, กาแฟ, วานิลลา หรือผลไม้ปั่นเข้มข้นลงไป ส่วนเจลาตินจะนำไปแช่น้ำเย็นจนอ่อนนุ่ม จากนั้นเติมน้ำละลายเจลาตินลงไปในส่วนผสมครีม เทส่วนผสมใส่แม่พิมพ์แล้วรอให้คงตัว[1] ทั้งนี้ อาจเทน้ำตาลเคี่ยวรองก้นแม่พิมพ์เพื่อให้ได้ขนมที่มีลักษณะคล้ายกับแครมการาแมลก็ได้[2] แม้ว่าชื่อขนมชนิดนี้จะแปลว่า "ครีมที่ปรุงจนสุก" แต่ในความเป็นจริง เราจะนำส่วนผสมไปตั้งไฟให้ร้อนพอที่จะละลายเจลาตินและน้ำตาลเท่านั้น ไม่ได้ต้มให้เดือด ปันนาค็อตตามักเสิร์ฟกับซอสน้ำตาลเคี่ยว, ซอสช็อกโกแลต หรือกูลี (coulis) ซึ่งเป็นซอสที่ทำจากผลไม้ประเภทเบอร์รีปั่น[3] หรืออาจตกแต่งด้านบนด้วยผลไม้หรือเหล้าด้วยก็ได้[1] ประวัติชื่อขนม "ปันนาค็อตตา" ไม่ได้รับการกล่าวถึงในตำราอาหารอิตาลีก่อนคริสต์ทศวรรษ 1960[1][4] แต่มักได้รับการอ้างว่าเป็นของหวานดั้งเดิมจากแคว้นพีดมอนต์ ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง (ซึ่งไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร) กล่าวว่าขนมชนิดนี้ได้รับการคิดค้นโดยหญิงชาวฮังการีคนหนึ่งในแถบลันเก ทางภาคตะวันตกของแคว้นในต้นคริสต์ทศวรรษ 1990[5] พจนานุกรมฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1879 กล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "ลัตเตอินเกลเซ" (latte inglese แปลว่า 'นมอังกฤษ') ทำจากครีม ปรุงกับเจลาตินแล้วเทใส่แม่พิมพ์[6] แต่แหล่งข้อมูลอื่นกล่าวว่า "ลัตเตอินเกลเซ" ทำจากไข่แดง[7] ชื่ออาหารดังกล่าวจึงอาจครอบคลุมถึงของหวานชนิดใดก็ได้ที่มีลักษณะคล้ายคัสตาร์ด แคว้นพีดมอนต์ได้บรรจุปันนาค็อตตาลงในรายชื่อผลิตภัณฑ์อาหารดั้งเดิมของแคว้นในปี ค.ศ. 2001[8] โดยมีส่วนผสมได้แก่ ครีม, นม, น้ำตาล, วานิลลา, เจลาติน, รัม และไวน์มาร์ซาลา เทใส่แม่พิมพ์ที่มีน้ำตาลเคี่ยวรองก้น[9] ผู้แต่งตำราบางคนถือว่า การแต่งกลิ่นรสตามสูตรดั้งเดิมต้องใส่บรั่นดีลูกท้อ และการจัดเสิร์ฟแบบดั้งเดิมจะต้องไม่มีซอสหรือเครื่องตกแต่งอื่น ๆ[10] ปันนาค็อตตาเริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาในคริสต์ทศวรรษ 1990[11][12] อ้างอิง
|