Share to:

 

พุธเพชฌฆาต

พุธเพชฌฆาต
ผู้ประพันธ์การ์ธ นิกซ์
ชื่อเรื่องต้นฉบับDrowned Wednesday
ผู้แปลแสงตะวัน
ศิลปินปกหริรักษ์ มงคลพร
ประเทศประเทศไทย
ภาษาไทย
ชุดอาณาจักรแห่งกาลเวลา
ประเภทนวนิยายแฟนตาซี, วรรณกรรมเยาวชน
สำนักพิมพ์สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์ในเครือสำนักพิมพ์แจ่มใส
วันที่พิมพ์พ.ศ. 2550
ชนิดสื่อหนังสือปกอ่อน พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
หน้า312 หน้า
ISBNISBN 974-93516-6-5 ข้อผิดพลาดพารามิเตอร์ใน {{ISBNT}}: invalid character
เรื่องก่อนหน้าอาณาจักรแห่งกาลเวลา ตอน อังคารอหังการ 
เรื่องถัดไปอาณาจักรแห่งกาลเวลา ตอน พฤหัสเจ้าศาสตรา 

พุธเพชฌฆาต เป็นหนังสือเล่มที่ 3 ของหนังสือชุดอาณาจักรแห่งกาลเวลา เขียนโดย การ์ธ นิกซ์ นักเขียนชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว โดยสำนักพิมพ์แจ่มใส หนังสือในชุดเดียวกัน คือ จันทร์มหันตภัย อังคารอหังการ พฤหัสเจ้าศาสตรา ศุกร์รัตติกาล และเสาร์มนตรา

เนื้อเรื่องย่อ

หลังจากพิชิตอังคารเคร่งได้แล้ว อาเธอร์ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีกครั้ง เขาได้พบกับลีฟ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังตามสัญญา ลีฟแนะนำอาเธอร์ให้รีบจัดการวันข้างหน้าก่อนที่เขาจะโดนจัดการ แต่แล้วคลื่นลูกใหญ่ก็พัดพาเขาและลีฟผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าสู่แนวพายุครืนครั่นของทะเลกั้นอาณาเขตอย่างไม่ทันระวังตัว

ด้วยบัตรเชิญร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน จากท่านหญิงวันพุธ อาเธอร์มีอันต้องผ่านเข้าสู่อาณาจักรแห่งกาลเวลาอีกครั้ง เขาได้พบกับคนแปลกๆ หลายคน ทั้งกะลาสี ลูกเรือ หนูเติบโต และนักเวทย์ อาเธอร์ได้รู้ถึงชะตากรรมที่วันพุธต้องคำสาป อุทกภัยครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตพลเมืองไปหลายคน และการท่วมท้นของทะเลกั้นอาณาเขตออกสู่ภายนอกบ้านและสุญญะ มีภัยต่างๆ รอคอยอยู่เบื้องหน้า ทั้งคลื่นลมโหมกระหน่ำ ปลาวาฬสีขาวขนาดยักษ์ที่กลืนกินทุกสิ่ง โจรสลัดฟีเวอร์ฟิวผู้โหดเหี้ยม รวมทั้งภารกิจตามหาลีฟ และการค้นหาพินัยกรรมส่วนที่สาม

ระหว่างนี้ชะตากรรมของวันพุธผู้ถูกสาป พลเมืองในทะเลกั้นอาณาเขต บ้าน จักรวาล และลีฟอยู่ในกำมือของเด็กชาย อาเธอร์จะช่วยทุกๆ คนได้อย่างไร เขาจะอ้างสิทธิในกุญแจดอกที่สามได้ทันหรือไม่ พินัยกรรมส่วนที่สามอยู่ที่ไหน และเขาจะสามารถชนะโจรสลัดนักเวทย์ครึ่งนิทลิ่งครึ่งมนุษย์ผู้โหดร้ายได้อย่างไร

ตัวละครสำคัญ

ท่านหญิงวันพุธ

ดูเพิ่มที่ ท่านหญิงวันพุธ

ย่ำรุ่งของวันพุธ

ดูเพิ่มที่ ย่ำรุ่งของวันพุธ

เรือชีพเวอร์

(อังกฤษ: Shiver ภาษาไทย แปลว่า ความสั่นกลัว)

เป็นเรือที่ทำขึ้นจากกระดูกของกอร์-ดราเค้น (นิทลิ่งชนิดหนึ่ง) เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น มีสองเสา ใบเรือเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงเลือดหรือสีไวน์ เมื่อได้ยินชื่อชีฟเวอร์ทุกคนจะเกิดอาการสั่นกลัวเนื่องจากเป็นเรือของฟีเวอร์ฟิว หากใครเห็นชีฟเวอร์มักเป็นลางร้าย และหากเรือลำใดเผชิญกับชีฟเวอร์ก็จะถูกโจมตี ซึ่งลูกเรือผู้โชคร้ายเหล่านั้นอาจจะถูกใช้เป็นทาสหรือถูกฆ่าตาย

  • กัปตันเอลิชาร์ ฟิเวอร์ฟิว (Captain Elishar Feverfew)

กัปตันโจรสลัดแห่งเรือชีฟเวอร์ เป็นเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ โจรสลัดผู้เหี้ยมโหด และน่าเกรงขามที่สุดในทะเลกั้นอาณาเขต เดิมเป็นผู้รู้ตายมาก่อน แต่เมื่อหลุดเข้ามาในบ้านและร่ำเรียนเวทมนตร์จากสุญญะเป็นเวลานาน ทำให้เขากลายเป็นจอมขมังเวทย์ และถูกพิษสุญญะแทรกซึมเข้าไปในสายเลือด ทำให้เขากลายเป็นครึ่งนิทลิ่งครึ่งมนุษย์ เขาจึงใช้แถบผ้าเวทมนตร์พันรอบตัวให้ลวงตาผู้มองเป็นภาพโจรสลัดผู้หล่อเหลา

ฟีเวอร์ฟิวมีอำนาจในการตรวจจับหาสมบัติที่ถูกขโมยโดยการใช้เครื่องหมายมือแดงและนกกาน้ำ มีอำนาจในการสะกดใจ อ่านใจ ฟีเวอร์ฟิวถูกวันข้างหน้าจ้างวานให้ขโมยพินัยกรรมที่วันพุธเป็นผู้ดูแลและนำไปซ่อนไว้ในท่าเรือลับของเขา ซึ่งทอดสมออยู่ในท้องของวันพุธ ท่าเรือลับของเขาทอดสมออยู่ในท้องของวันพุธ เพราะเป็นที่ซ่อนตัวยอดเยี่ยมและเก็บกู้สมบัติได้ง่าย ฟิเวอร์ฟิวจับตัวลีฟไปเพื่อเรียกค่าไถ่อาเธอร์ สุดท้ายจึงถูกอาเธอร์ตัดหัวกระเด็นลงบ่อสุญญะตาย ก่อนตายเขาใช้เวทมนตร์ทำให้โลกใบเล็กของตนยุบตัวลง

เรือฟลายอิ้ง แมนทิส

(อังกฤษ: Flying Mantis ภาษาไทย แปลว่า ตั๊กแตนโบยบิน)

เป็นหนึ่งในเรือดั้งเดิม 49 ลำของวันพุธ เป็นเรือใบสามเสา ใบเรือมีสีเขียวเรืองรองทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีบทบาทในการนำอาเธอร์มายังทะเลกั้นอาณาเขตเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับท่านหญิงวันพุธ แต่กลับจับได้ลีฟไปแทน แมนทิสจับลีฟไปด้วยข้อหาลักลอบขึ้นเรือ จนเธอต้องตกเป็นเด็กชายประจำเรือของแมนทิส ต่อมาแมนทิสถูกชีฟเวอร์ยึดจนเสียหาย และต้องถูกทำลายลงเมื่อท่าเรือของฟิเวอร์ฟิวยุบตัวลง

  • กัปตันเฮราคลิอุส สเวลล์ (Heraclius Swell)

เป็นกัปตันเรือแมนทิส หมายเลข 15,287 ตามความสำคัญ หน้าตาหล่อเหลา เขาแต่งเครื่องแบบเต็มยศสีฟ้าเทอร์คอยส์แบบสอบเข้าตรงช่วงเอว บนไหล่และปลายแขนมีดิ้นทองมากมายประดับอยู่ เป็นเครื่องแบบที่ลอกมาจากชุดของพลเรือเอกในโลกแห่งหนึ่งในอาณาจักรชั้นที่สอง เขายังเป็นต้นหนนักเวทย์ของเรืออีกด้วย

  • แพนนิคิน (Pannikin)

เป็นรองกัปตันเรือแมนทิส เขามีหน้าตาหล่อเหลารองจากสเวลล์ หรือไม่ถึงกับหล่อมาก เพราะเขาหัวล้านและเสียหูไปข้างหนึ่งเนื่องจากการระเบิดของสุญญะ บางครั้งเขาก็ชอบสวมหมวกขนสัตว์สีม่วงแต่ลูกเรือมักจะบอกเขาว่ามันทำให้เขาดูแย่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เขายังเป็นต้นต้นหนนักเวทย์ของเรืออีกคน

  • อัลเบิร์ต (Albert)

อัลเบิร์ตเป็นเด็กชายประจำเรือที่ประจำการอยู่บนเรือฟลายอิ้ง แมนทิสมานานแล้ว เป็นคนช่วยสอนลีฟให้รู้จักหน้าที่ของเด็กชายประจำเรือ เช่น ศัพท์เฉพาะต่างๆ ธรรมเนียม และการต่อสู้ เขาถูกฆ่าตายโดยอำนาจเวทมนตร์ของฟีเวอร์ฟิว หรืออาจจะเป็นตัวฟีเวอร์ฟิวเอง

เรือมอธ

(อังกฤษ: Moth ภาษาไทย แปลว่า ผีเสื้อราตรี)

เป็นเรือใบสองเสา เดิมเรือมอธเคยเป็นสำนักงานตรวจนับที่ท่าเรือวันพุธเก่า เมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จึงแปรสภาพเป็นเรือ ในเรือยังมีห้องที่เคยอยู่ในสำนักงานตรวจนับและไม่ได้เปลี่ยนแปลง สามารถพาไปยังสำนักงานตรวจนับเก่าที่อยู่ที่ท่าเรือวันพุธเก่า แต่นักเวทย์บนเรือก็สามารถยึดมันติดเข้ากับเรือได้ เรือมอธพิเศษกว่าเรือลำอื่นๆ เนื่องจากมีเวลาพักยามบ่าย ซึ่งก็คือเวลา 5 นาทีซึ่งพวกเขาบนเรือจะมีขนมปังและน้ำชาอย่างไม่จำกัด โดยแผนกหนึ่งแผนกในบ้านเบื้องล่างยังคงส่งมาเป็นประจำโดยไม่มีวันถูกยกเลิก

ลูกเรือมอธ มีดังนี้

  • กัปตันแคตาพิลโลว์ (Captain Catapillow) เป็นกัปตันเรือ ชอบสะสมแสตมป์จึงหวงชุดสะสมแสตมป์ของเขามาก
  • คุณคอนคอร์ท (Mister Concort) เป็นรองกัปตัน "นิสัยดี แต่สมองทึบ" อดีตหัวหน้าเสมียนของสำนักงานตรวจนับเก่า
  • ซันสกอร์ซ (Sunscorch) เดิมเคยเป็นผู้ช่วยกัปตันลำดับที่สี่ของเรือดั้งเดิม สไปรัล วอเตอร์สเปาท์ (Spiral Waterspout) จึงมีประสบการณ์ในการเดินเรือ มีรอยสักรูปพระอาทิตย์อยู่ที่แก้ม เป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในเรือ
  • ด็อกเตอร์ จ.ร.ล.สคาแมนดรอส (Dr J.R.L.Scamandros) เป็นต้นหนนักเวทย์ของเรือ ตัวเตี้ย มีรอยสักเคลื่อนที่ได้และเปลี่ยนรูปร่างได้ตามสภาพอารมณ์บนใบหน้า ได้รับการศึกษามาจากบ้านเบื้องบนกว่า 699 ปี แต่สอบตกในปีสุดท้าย (ทำข้อสอบหาย) มีตำแหน่งพันตรีในกองทัพแห่งมหาสถาปนิก
  • วันเอียร์ (One-Ear) เดิมชื่อกอว์คิน (Gowkin) มีหูเดียวสมชื่อ
  • ลิซาร์ด (Lizard) เป็นลูกเรือหญิงคนหนึ่งของมอธ มีรอยสักรูปเกล็ดสีน้ำเงินอยู่ทั่วหน้า
  • อิคาบอด (Ichabod) เป็นผู้ช่วยของแคตาพิลโลว์ ลูกเรือมอธชอบเรียกเขาว่า พ่อหนุ่มต้นสน (loblolly boy) ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
  • ยาร์โค (Yarko) โย (Yeo) โบนส์ (Bones) และบอทเทิล (Bottle) เป็นลูกเรืออีก 4 คนที่ปรากฏในเรื่อง พวกเขามีหน้าที่พายเรือบดแต่ก็ไม่มีรายละเอียดมาก นอกนั้นยังมีลูกเรืออีกหลายคนที่ไม่ปรากฏชื่อ

เรือของหนูเติบโต

  • เรือรัตตุส นาวิสที่สี่ (The Rattus Navis IV)

(ภาษาไทย แปลว่า เรือของหนูลำที่ 4) เป็นเรือจักรไอน้ำขนาดใหญ่ซึ่งหนูเติบโตมักจะใช้กัน อังคารเคร่งสร้างมันเมื่อสี่พันปีก่อน มีเสากระโดงเรือสองเสาและใบเรือแบบขึงตามขวางอยู่คู่กับปล่องควัน เป็นที่รู้จักกันว่าเรือไอน้ำเป็นเรือโสโครกเนื่องจากมันปล่อยควันออกมาซึ่งแตกต่างกับเรือปกติที่อาศัยลมในการเคลื่อนที่ แต่จริงๆ แล้วมันสะอาดมาก ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง

  • เรือดำน้ำรัตตุส บาลาเอนา (The Rattus Balaena)

เป็นเรือดำน้ำลำหนึ่งของหนูเติบโต ถูกสร้างโดยอังคารเคร่ง ภายในใหญ่กว่าที่มองจากภายนอกมาก ภายนอกเป็นโลหะ แต่ภายในกลับบุด้วยไม้กระดานสีเชอรี่และพรมทอลวดลายประณีต ภายในห้องบังคับการมีเฟอร์นิเจอร์วางอยู่มุมหนึ่ง สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลอื่น ด้านหน้าเต็มไปด้วยแถวหน้าปัดและเครื่องมือที่มีกระจกปิด กับวงล้อและคันโยกมากมาย ตรงกลางมีแท่นควบคุมตั้งลูกแก้วซึ่งจะฉายภาพรอบเรือ 360 องศาและบนล่าง มีเก้าอี้ตรงล้อมหันหน้าเข้าหาแท่นควบคุม ด้านหลังก็มีห้องนิรภัยซึ่งจะพาเจ้าหน้าที่ผู้โดยสารออกไปถ้าหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือใช้ทำภารกิจต่างๆ ใช้ถ่านหินเร่งเร็วหนึ่งกระบอกเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ หนึ่งศตวรรษ

ที่มาของคำว่า บาลาเอนา มาจากชื่อสกุลของวาฬหัวลูกศร (Balaena mysticetus) สันนิษฐานว่ามีความคล้ายคลึงกับคำว่า โบโลนา ซึ่งเป็นไส้กรอกชนิดหนึ่ง มีความสมเหตุสมผลเนื่องจากมันมีรูปร่างคล้ายไส้กรอกและต้องแล่นเข้าไปในท้องของวันพุธจมตายเหมือนไส้กรอกที่เข้าไปอยู่ในปาก

รายชื่อของหนูเติบโตที่ประจำการอยู่ในเรือ 2 ลำนี้ ดูที่ หนูเติบโต

สาวกคาร์พ

บรรดาเหล่าทาสของฟีเวอร์ฟิวที่พินัยกรรมส่วนที่สาม (คาร์พ) ได้ใช้อำนาจแห่งพินัยกรรมปลดปล่อยพวกเขาจากพันธนาการ ทาสเหล่านั้นได้เข้ามาช่วยคาร์พและพาไปยังถ้ำที่เกิดจากพลังศรัทธา ซึ่งสร้างจากพลังของคาร์พบวกกับแรงศรัทธาของทาส หลังจากนั้นมาคาร์พก็ได้ปลดปล่อยทาสอีกมากเพื่อมาเป็นสาวกและสอนให้ศรัทธาต่อทุกสิ่ง รวมทั้งการมาถึงของทายาทผู้ทรงสิทธิ

สาวกคาร์พมีอาวุธเป็นธนูปลายอาบสุญญะ เวลาปีนต้นไม้จะสวมรองเท้าและถุงมือที่มีกรงเล็บ สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีน้ำตาลอ่อนที่ปลูกราสีเขียวไว้เต็มสำหรับพรางตาศัตรู ดูเหมือนว่าราจะกระจายไปตามผิวหนังด้วย พวกเขาจะถามคนแปลกหน้าที่พบเจอว่ามีศรัทธาหรือเปล่าถ้าไม่มีก็จะฆ่าทิ้ง สาวกคาร์พมุ่งเรื่องศรัทธามาก ถ้าหากเจอพวกเขาต้องตั้งสติให้ดีและตอบทุกคำถามด้วยความศรัทธาจากหัวใจ ในตอนที่อาเธอร์ไปพบคาร์พนั้น พบว่ามีสาวกหลายร้อยคน

สาวกที่ปรากฏชื่อ ได้แก่

  • เจเบเนเซอร์ (Jebenezer) สาวกลำดับที่ 1 แห่งคาร์พและอดีตผู้ช่วยเรือ ไนแอด เป็นหัวหน้าสาวก เขาเป็นสาวกที่มีบทบาทมากที่สุด
  • เพนนีน่า (Pennina) สาวกลำดับที่ 2
  • กาแรม (Garam) สาวกลำดับที่ 3
  • โอเบลิน (Obelin) สาวกลำดับที่ 4
  • เฮรัช (Herush) สาวกลำดับที่ 5
  • เป็ปเปอร์โท (Peppertoe) สาวกลำดับที่ 6
  • ธินเอดริค (Thin Edric) สาวกลำดับที่ 7
  • ฟลอเรนซ่า (Florenza) สาวกที่ทำหน้าที่คุ้มกันอาเธอร์ ซูซี่และคาร์พ
  • พาเดรอิค (Padraic) สาวกที่ทำหน้าที่คุ้มกันอาเธอร์ ซูซี่และคาร์พ

สถานที่สำคัญ

  • แนวพายุ (The Line of Storm)

ทางเชื่อมระหว่างทะเลกั้นอาณาเขตและอาณาจักรชั้นที่สอง แนวพายุจะมีกฎห้ามมิให้ผู้รู้ตายผ่านมาได้ ยกเว้นคำอนุญาตจากวันพุธ ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจะถูกเผาทำลายในทันที แนวพายุสร้างความเสียหายแก่บ้าน เนื่องจากมันแผ่เข้าไปในที่ที่ไม่ควรไป รวมถึงในสุญญะอีกด้วย ในตอน พฤหัสเจ้าศาสตรา คุณหญิงพรีมัสได้บอกกับอาเธอร์ว่าจะต้องมีการแก้ไขกว่า 30,000 จุด เพื่อให้ทะเลกั้นอาณาเขตกลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

  • ท่าเรือวันพุธ (Port Wednesday)

เป็นท่าเรือใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพราะท่าเรือเก่าจมอยู่ใต้น้ำแล้ว โดยท่าเรือถูกสร้างใหม่แทนที่จุดชมวิววันพุธ ที่จอดเรืออยู่ภายในหุบเขาหินแกรนิตสูงหลายพันฟุต รอบๆ ตามสันเขามีอาคารสำนักงานต่างๆ มากมาย

  • ดาวเคราะห์เจอเรน (Gerain)

ดาวเคราะห์ดวงเล็กดวงหนึ่งในอาณาจักรชั้นที่สอง เป็นสถานที่ซึ่งอาเธอร์และลูกเรือมอธทั้งหมดหลบหนีฟีเวอร์ฟิวผ่านทางกรอบรูปทำนาย น้ำทะเลเป็นสีม่วง หาดทรายเป็นสีน้ำเงิน มีพระอาทิตย์สีแดงก่ำเป็นดาวแม่ สถานที่ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่นั้นมีชื่อเต็มว่า หาดเคาน์เตอร์แครบ บนเกาะฟอร์ลอร์นแห่งทะเลยาเซอร์ หลังจากอาเธอร์ไปกับย่ำรุ่ง พวกเขาใช้เวลาซ่อมเรือนานถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ถึงเท่าตัว แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดฟีเวอร์ฟิว

  • สามเหลี่ยม (The Triangle)

เดิมคือประภาคารสูงหลายพันฟุตของท่าเรือวันพุธเก่า เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่ยังโผล่พ้นน้ำได้หลังจากเกิดอุทกภัย นอกนั้นอาคาร ชุมสายโทรศัพท์ และอื่นๆ จมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว ส่วนที่โผล่พ้นน้ำเหลือแต่ยอดประภาคารทรงพีระมิดสามเหลี่ยม(พิระมิดที่มีสามด้าน) ด้านบนเป็นลานเกลี้ยงๆ มีห่วงวงใหญ่ตรึงอยู่ เอาไว้เป็นที่จอดเรือชั่วคราวท่ามกลางทะเลมหาโหด โดยเรือแต่ละลำก็จะผูกกับห่วงและเรือลำอื่นๆ เกิดเป็นรูปสามเหลี่ยมขึ้น

  • ท่าเรือลับของฟิเวอร์ฟิว (โลกใบเล็ก - The Worldlet)

เป็นสถานที่ที่อยู่ในฟองอากาศไร้สภาพซึ่งอยู่ภายในท่าเรือวันพุธ ฟิเวอร์ฟิวเอามันมาไว้ที่นี่เพราะมันเป็นที่ซ่อนยอดเยี่ยม ไม่มีใครพบเห็นได้ อีกเหตุผลคือมีสมบัติให้กอบกู้มากมายเพราะสมบัติส่วนใหญ่อยู่ลึกมาก มีแต่วันพุธปลาวาฬเท่านั้นที่สามารถลงไปถึงได้และกลืนมันลงไป และฟิเวอร์ฟิวจะสั่งทาสที่จับได้ให้ออกจากฟองอากาศไปกอบกู้

เกาะฟิเวอร์ฟิวซึ่งอยู่ภายในฟองอากาศเป็นเกาะรูปหัวกะโหลกขนาดยักษ์ เกาะนี้ยาวประมาณ 4,500 ก้าวคู่ และกว้าง 3,200 ก้าวคู่ เบ้าตาซ้ายเป็นทะเลสาบสีเหลืองที่มีน้ำปนสุญญะเดือดพล่านอยู่ เอาไว้ประหารทาสที่หนี โดยมีปลายไม้ขวางไม้ห้อยเชือกเอาไว้เพื่อผูกกับนักโทษแล้วเอาจุ่มลงในน้ำ มีแท่นนั่งชมอยู่ใกล้ๆ ส่วนเบ้าตาขวาแตกออกไปในทะเลเป็นท่าเรือ ซึ่งประกอบไปด้วยท่าเทียบเรือ อู่ต่อเรือ โกดังแปดหลัง ตึกใหญ่ 12 หลังซึ่งเป็นที่พักทาส และอาคารรูปดาวซึ่งคือ ป้อมฟิเฟอร์ฟิว

รอบๆ เกาะเป็นป่าหย่อมๆ โพรงจมูกของเกาะเป็นแอ่งโคลนร้อนซึ่งเป็นสุญญะสด และขากรรไกรเป็นภูเขาป่าฝนรกครึ้มที่คดเคี้ยวไปมา เรียกว่า ภูเขาฟัน ซึ่งเป็นที่ซ่อนของคาร์พ และสาวกคาร์พ ทาสที่คาร์พช่วยพาหนี

ดูเพิ่มที่ ทะเลกั้นอาณาเขต


คำวิจารณ์

  • "เรื่องราวยอดเยี่ยมไปอีกแบบ กับตอนจบที่ชวนติดตามต่อ"

- สคูลไลบรารี่จัวแนล

  • "สำหรับผู้ชื่นชอบผลงานของผู้ประพันธ์ จันทร์มหันตภัย และ อังคารอหังการ คงกระตือรือร้นที่จะอ่านเล่มสามนี้ไม่น้อย"

- บุ๊คลิสท์

  • "นิกซ์สร้างสรรค์ได้ไม่รู้จบ เล่มล่าสุดนี้น่าตื่นเต้นมาก วัยรุ่นที่หลงใหลความล้ำจินตนาการแนวดั้งเดิมควรหามาอ่านเป็นอย่างยิ่ง"

- กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิ์เสียงของเยาวชน (VOYA)

อ้างอิง

Kembali kehalaman sebelumnya