พุธเพชฌฆาต
พุธเพชฌฆาต เป็นหนังสือเล่มที่ 3 ของหนังสือชุดอาณาจักรแห่งกาลเวลา เขียนโดย การ์ธ นิกซ์ นักเขียนชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว โดยสำนักพิมพ์แจ่มใส หนังสือในชุดเดียวกัน คือ จันทร์มหันตภัย อังคารอหังการ พฤหัสเจ้าศาสตรา ศุกร์รัตติกาล และเสาร์มนตรา เนื้อเรื่องย่อหลังจากพิชิตอังคารเคร่งได้แล้ว อาเธอร์ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีกครั้ง เขาได้พบกับลีฟ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังตามสัญญา ลีฟแนะนำอาเธอร์ให้รีบจัดการวันข้างหน้าก่อนที่เขาจะโดนจัดการ แต่แล้วคลื่นลูกใหญ่ก็พัดพาเขาและลีฟผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าสู่แนวพายุครืนครั่นของทะเลกั้นอาณาเขตอย่างไม่ทันระวังตัว ด้วยบัตรเชิญร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน จากท่านหญิงวันพุธ อาเธอร์มีอันต้องผ่านเข้าสู่อาณาจักรแห่งกาลเวลาอีกครั้ง เขาได้พบกับคนแปลกๆ หลายคน ทั้งกะลาสี ลูกเรือ หนูเติบโต และนักเวทย์ อาเธอร์ได้รู้ถึงชะตากรรมที่วันพุธต้องคำสาป อุทกภัยครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตพลเมืองไปหลายคน และการท่วมท้นของทะเลกั้นอาณาเขตออกสู่ภายนอกบ้านและสุญญะ มีภัยต่างๆ รอคอยอยู่เบื้องหน้า ทั้งคลื่นลมโหมกระหน่ำ ปลาวาฬสีขาวขนาดยักษ์ที่กลืนกินทุกสิ่ง โจรสลัดฟีเวอร์ฟิวผู้โหดเหี้ยม รวมทั้งภารกิจตามหาลีฟ และการค้นหาพินัยกรรมส่วนที่สาม ระหว่างนี้ชะตากรรมของวันพุธผู้ถูกสาป พลเมืองในทะเลกั้นอาณาเขต บ้าน จักรวาล และลีฟอยู่ในกำมือของเด็กชาย อาเธอร์จะช่วยทุกๆ คนได้อย่างไร เขาจะอ้างสิทธิในกุญแจดอกที่สามได้ทันหรือไม่ พินัยกรรมส่วนที่สามอยู่ที่ไหน และเขาจะสามารถชนะโจรสลัดนักเวทย์ครึ่งนิทลิ่งครึ่งมนุษย์ผู้โหดร้ายได้อย่างไร ตัวละครสำคัญท่านหญิงวันพุธดูเพิ่มที่ ท่านหญิงวันพุธ ย่ำรุ่งของวันพุธดูเพิ่มที่ ย่ำรุ่งของวันพุธ เรือชีพเวอร์(อังกฤษ: Shiver ภาษาไทย แปลว่า ความสั่นกลัว) เป็นเรือที่ทำขึ้นจากกระดูกของกอร์-ดราเค้น (นิทลิ่งชนิดหนึ่ง) เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น มีสองเสา ใบเรือเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงเลือดหรือสีไวน์ เมื่อได้ยินชื่อชีฟเวอร์ทุกคนจะเกิดอาการสั่นกลัวเนื่องจากเป็นเรือของฟีเวอร์ฟิว หากใครเห็นชีฟเวอร์มักเป็นลางร้าย และหากเรือลำใดเผชิญกับชีฟเวอร์ก็จะถูกโจมตี ซึ่งลูกเรือผู้โชคร้ายเหล่านั้นอาจจะถูกใช้เป็นทาสหรือถูกฆ่าตาย
กัปตันโจรสลัดแห่งเรือชีฟเวอร์ เป็นเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ โจรสลัดผู้เหี้ยมโหด และน่าเกรงขามที่สุดในทะเลกั้นอาณาเขต เดิมเป็นผู้รู้ตายมาก่อน แต่เมื่อหลุดเข้ามาในบ้านและร่ำเรียนเวทมนตร์จากสุญญะเป็นเวลานาน ทำให้เขากลายเป็นจอมขมังเวทย์ และถูกพิษสุญญะแทรกซึมเข้าไปในสายเลือด ทำให้เขากลายเป็นครึ่งนิทลิ่งครึ่งมนุษย์ เขาจึงใช้แถบผ้าเวทมนตร์พันรอบตัวให้ลวงตาผู้มองเป็นภาพโจรสลัดผู้หล่อเหลา ฟีเวอร์ฟิวมีอำนาจในการตรวจจับหาสมบัติที่ถูกขโมยโดยการใช้เครื่องหมายมือแดงและนกกาน้ำ มีอำนาจในการสะกดใจ อ่านใจ ฟีเวอร์ฟิวถูกวันข้างหน้าจ้างวานให้ขโมยพินัยกรรมที่วันพุธเป็นผู้ดูแลและนำไปซ่อนไว้ในท่าเรือลับของเขา ซึ่งทอดสมออยู่ในท้องของวันพุธ ท่าเรือลับของเขาทอดสมออยู่ในท้องของวันพุธ เพราะเป็นที่ซ่อนตัวยอดเยี่ยมและเก็บกู้สมบัติได้ง่าย ฟิเวอร์ฟิวจับตัวลีฟไปเพื่อเรียกค่าไถ่อาเธอร์ สุดท้ายจึงถูกอาเธอร์ตัดหัวกระเด็นลงบ่อสุญญะตาย ก่อนตายเขาใช้เวทมนตร์ทำให้โลกใบเล็กของตนยุบตัวลง เรือฟลายอิ้ง แมนทิส(อังกฤษ: Flying Mantis ภาษาไทย แปลว่า ตั๊กแตนโบยบิน) เป็นหนึ่งในเรือดั้งเดิม 49 ลำของวันพุธ เป็นเรือใบสามเสา ใบเรือมีสีเขียวเรืองรองทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีบทบาทในการนำอาเธอร์มายังทะเลกั้นอาณาเขตเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับท่านหญิงวันพุธ แต่กลับจับได้ลีฟไปแทน แมนทิสจับลีฟไปด้วยข้อหาลักลอบขึ้นเรือ จนเธอต้องตกเป็นเด็กชายประจำเรือของแมนทิส ต่อมาแมนทิสถูกชีฟเวอร์ยึดจนเสียหาย และต้องถูกทำลายลงเมื่อท่าเรือของฟิเวอร์ฟิวยุบตัวลง
เป็นกัปตันเรือแมนทิส หมายเลข 15,287 ตามความสำคัญ หน้าตาหล่อเหลา เขาแต่งเครื่องแบบเต็มยศสีฟ้าเทอร์คอยส์แบบสอบเข้าตรงช่วงเอว บนไหล่และปลายแขนมีดิ้นทองมากมายประดับอยู่ เป็นเครื่องแบบที่ลอกมาจากชุดของพลเรือเอกในโลกแห่งหนึ่งในอาณาจักรชั้นที่สอง เขายังเป็นต้นหนนักเวทย์ของเรืออีกด้วย
เป็นรองกัปตันเรือแมนทิส เขามีหน้าตาหล่อเหลารองจากสเวลล์ หรือไม่ถึงกับหล่อมาก เพราะเขาหัวล้านและเสียหูไปข้างหนึ่งเนื่องจากการระเบิดของสุญญะ บางครั้งเขาก็ชอบสวมหมวกขนสัตว์สีม่วงแต่ลูกเรือมักจะบอกเขาว่ามันทำให้เขาดูแย่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เขายังเป็นต้นต้นหนนักเวทย์ของเรืออีกคน
อัลเบิร์ตเป็นเด็กชายประจำเรือที่ประจำการอยู่บนเรือฟลายอิ้ง แมนทิสมานานแล้ว เป็นคนช่วยสอนลีฟให้รู้จักหน้าที่ของเด็กชายประจำเรือ เช่น ศัพท์เฉพาะต่างๆ ธรรมเนียม และการต่อสู้ เขาถูกฆ่าตายโดยอำนาจเวทมนตร์ของฟีเวอร์ฟิว หรืออาจจะเป็นตัวฟีเวอร์ฟิวเอง เรือมอธ(อังกฤษ: Moth ภาษาไทย แปลว่า ผีเสื้อราตรี) เป็นเรือใบสองเสา เดิมเรือมอธเคยเป็นสำนักงานตรวจนับที่ท่าเรือวันพุธเก่า เมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จึงแปรสภาพเป็นเรือ ในเรือยังมีห้องที่เคยอยู่ในสำนักงานตรวจนับและไม่ได้เปลี่ยนแปลง สามารถพาไปยังสำนักงานตรวจนับเก่าที่อยู่ที่ท่าเรือวันพุธเก่า แต่นักเวทย์บนเรือก็สามารถยึดมันติดเข้ากับเรือได้ เรือมอธพิเศษกว่าเรือลำอื่นๆ เนื่องจากมีเวลาพักยามบ่าย ซึ่งก็คือเวลา 5 นาทีซึ่งพวกเขาบนเรือจะมีขนมปังและน้ำชาอย่างไม่จำกัด โดยแผนกหนึ่งแผนกในบ้านเบื้องล่างยังคงส่งมาเป็นประจำโดยไม่มีวันถูกยกเลิก ลูกเรือมอธ มีดังนี้
เรือของหนูเติบโต
(ภาษาไทย แปลว่า เรือของหนูลำที่ 4) เป็นเรือจักรไอน้ำขนาดใหญ่ซึ่งหนูเติบโตมักจะใช้กัน อังคารเคร่งสร้างมันเมื่อสี่พันปีก่อน มีเสากระโดงเรือสองเสาและใบเรือแบบขึงตามขวางอยู่คู่กับปล่องควัน เป็นที่รู้จักกันว่าเรือไอน้ำเป็นเรือโสโครกเนื่องจากมันปล่อยควันออกมาซึ่งแตกต่างกับเรือปกติที่อาศัยลมในการเคลื่อนที่ แต่จริงๆ แล้วมันสะอาดมาก ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
เป็นเรือดำน้ำลำหนึ่งของหนูเติบโต ถูกสร้างโดยอังคารเคร่ง ภายในใหญ่กว่าที่มองจากภายนอกมาก ภายนอกเป็นโลหะ แต่ภายในกลับบุด้วยไม้กระดานสีเชอรี่และพรมทอลวดลายประณีต ภายในห้องบังคับการมีเฟอร์นิเจอร์วางอยู่มุมหนึ่ง สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลอื่น ด้านหน้าเต็มไปด้วยแถวหน้าปัดและเครื่องมือที่มีกระจกปิด กับวงล้อและคันโยกมากมาย ตรงกลางมีแท่นควบคุมตั้งลูกแก้วซึ่งจะฉายภาพรอบเรือ 360 องศาและบนล่าง มีเก้าอี้ตรงล้อมหันหน้าเข้าหาแท่นควบคุม ด้านหลังก็มีห้องนิรภัยซึ่งจะพาเจ้าหน้าที่ผู้โดยสารออกไปถ้าหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือใช้ทำภารกิจต่างๆ ใช้ถ่านหินเร่งเร็วหนึ่งกระบอกเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ หนึ่งศตวรรษ ที่มาของคำว่า บาลาเอนา มาจากชื่อสกุลของวาฬหัวลูกศร (Balaena mysticetus) สันนิษฐานว่ามีความคล้ายคลึงกับคำว่า โบโลนา ซึ่งเป็นไส้กรอกชนิดหนึ่ง มีความสมเหตุสมผลเนื่องจากมันมีรูปร่างคล้ายไส้กรอกและต้องแล่นเข้าไปในท้องของวันพุธจมตายเหมือนไส้กรอกที่เข้าไปอยู่ในปาก รายชื่อของหนูเติบโตที่ประจำการอยู่ในเรือ 2 ลำนี้ ดูที่ หนูเติบโต สาวกคาร์พบรรดาเหล่าทาสของฟีเวอร์ฟิวที่พินัยกรรมส่วนที่สาม (คาร์พ) ได้ใช้อำนาจแห่งพินัยกรรมปลดปล่อยพวกเขาจากพันธนาการ ทาสเหล่านั้นได้เข้ามาช่วยคาร์พและพาไปยังถ้ำที่เกิดจากพลังศรัทธา ซึ่งสร้างจากพลังของคาร์พบวกกับแรงศรัทธาของทาส หลังจากนั้นมาคาร์พก็ได้ปลดปล่อยทาสอีกมากเพื่อมาเป็นสาวกและสอนให้ศรัทธาต่อทุกสิ่ง รวมทั้งการมาถึงของทายาทผู้ทรงสิทธิ สาวกคาร์พมีอาวุธเป็นธนูปลายอาบสุญญะ เวลาปีนต้นไม้จะสวมรองเท้าและถุงมือที่มีกรงเล็บ สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีน้ำตาลอ่อนที่ปลูกราสีเขียวไว้เต็มสำหรับพรางตาศัตรู ดูเหมือนว่าราจะกระจายไปตามผิวหนังด้วย พวกเขาจะถามคนแปลกหน้าที่พบเจอว่ามีศรัทธาหรือเปล่าถ้าไม่มีก็จะฆ่าทิ้ง สาวกคาร์พมุ่งเรื่องศรัทธามาก ถ้าหากเจอพวกเขาต้องตั้งสติให้ดีและตอบทุกคำถามด้วยความศรัทธาจากหัวใจ ในตอนที่อาเธอร์ไปพบคาร์พนั้น พบว่ามีสาวกหลายร้อยคน สาวกที่ปรากฏชื่อ ได้แก่
สถานที่สำคัญ
ทางเชื่อมระหว่างทะเลกั้นอาณาเขตและอาณาจักรชั้นที่สอง แนวพายุจะมีกฎห้ามมิให้ผู้รู้ตายผ่านมาได้ ยกเว้นคำอนุญาตจากวันพุธ ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจะถูกเผาทำลายในทันที แนวพายุสร้างความเสียหายแก่บ้าน เนื่องจากมันแผ่เข้าไปในที่ที่ไม่ควรไป รวมถึงในสุญญะอีกด้วย ในตอน พฤหัสเจ้าศาสตรา คุณหญิงพรีมัสได้บอกกับอาเธอร์ว่าจะต้องมีการแก้ไขกว่า 30,000 จุด เพื่อให้ทะเลกั้นอาณาเขตกลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
เป็นท่าเรือใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพราะท่าเรือเก่าจมอยู่ใต้น้ำแล้ว โดยท่าเรือถูกสร้างใหม่แทนที่จุดชมวิววันพุธ ที่จอดเรืออยู่ภายในหุบเขาหินแกรนิตสูงหลายพันฟุต รอบๆ ตามสันเขามีอาคารสำนักงานต่างๆ มากมาย
ดาวเคราะห์ดวงเล็กดวงหนึ่งในอาณาจักรชั้นที่สอง เป็นสถานที่ซึ่งอาเธอร์และลูกเรือมอธทั้งหมดหลบหนีฟีเวอร์ฟิวผ่านทางกรอบรูปทำนาย น้ำทะเลเป็นสีม่วง หาดทรายเป็นสีน้ำเงิน มีพระอาทิตย์สีแดงก่ำเป็นดาวแม่ สถานที่ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่นั้นมีชื่อเต็มว่า หาดเคาน์เตอร์แครบ บนเกาะฟอร์ลอร์นแห่งทะเลยาเซอร์ หลังจากอาเธอร์ไปกับย่ำรุ่ง พวกเขาใช้เวลาซ่อมเรือนานถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ถึงเท่าตัว แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดฟีเวอร์ฟิว
เดิมคือประภาคารสูงหลายพันฟุตของท่าเรือวันพุธเก่า เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่ยังโผล่พ้นน้ำได้หลังจากเกิดอุทกภัย นอกนั้นอาคาร ชุมสายโทรศัพท์ และอื่นๆ จมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว ส่วนที่โผล่พ้นน้ำเหลือแต่ยอดประภาคารทรงพีระมิดสามเหลี่ยม(พิระมิดที่มีสามด้าน) ด้านบนเป็นลานเกลี้ยงๆ มีห่วงวงใหญ่ตรึงอยู่ เอาไว้เป็นที่จอดเรือชั่วคราวท่ามกลางทะเลมหาโหด โดยเรือแต่ละลำก็จะผูกกับห่วงและเรือลำอื่นๆ เกิดเป็นรูปสามเหลี่ยมขึ้น
เป็นสถานที่ที่อยู่ในฟองอากาศไร้สภาพซึ่งอยู่ภายในท่าเรือวันพุธ ฟิเวอร์ฟิวเอามันมาไว้ที่นี่เพราะมันเป็นที่ซ่อนยอดเยี่ยม ไม่มีใครพบเห็นได้ อีกเหตุผลคือมีสมบัติให้กอบกู้มากมายเพราะสมบัติส่วนใหญ่อยู่ลึกมาก มีแต่วันพุธปลาวาฬเท่านั้นที่สามารถลงไปถึงได้และกลืนมันลงไป และฟิเวอร์ฟิวจะสั่งทาสที่จับได้ให้ออกจากฟองอากาศไปกอบกู้ เกาะฟิเวอร์ฟิวซึ่งอยู่ภายในฟองอากาศเป็นเกาะรูปหัวกะโหลกขนาดยักษ์ เกาะนี้ยาวประมาณ 4,500 ก้าวคู่ และกว้าง 3,200 ก้าวคู่ เบ้าตาซ้ายเป็นทะเลสาบสีเหลืองที่มีน้ำปนสุญญะเดือดพล่านอยู่ เอาไว้ประหารทาสที่หนี โดยมีปลายไม้ขวางไม้ห้อยเชือกเอาไว้เพื่อผูกกับนักโทษแล้วเอาจุ่มลงในน้ำ มีแท่นนั่งชมอยู่ใกล้ๆ ส่วนเบ้าตาขวาแตกออกไปในทะเลเป็นท่าเรือ ซึ่งประกอบไปด้วยท่าเทียบเรือ อู่ต่อเรือ โกดังแปดหลัง ตึกใหญ่ 12 หลังซึ่งเป็นที่พักทาส และอาคารรูปดาวซึ่งคือ ป้อมฟิเฟอร์ฟิว รอบๆ เกาะเป็นป่าหย่อมๆ โพรงจมูกของเกาะเป็นแอ่งโคลนร้อนซึ่งเป็นสุญญะสด และขากรรไกรเป็นภูเขาป่าฝนรกครึ้มที่คดเคี้ยวไปมา เรียกว่า ภูเขาฟัน ซึ่งเป็นที่ซ่อนของคาร์พ และสาวกคาร์พ ทาสที่คาร์พช่วยพาหนี ดูเพิ่มที่ ทะเลกั้นอาณาเขต
คำวิจารณ์
- สคูลไลบรารี่จัวแนล
- บุ๊คลิสท์
- กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิ์เสียงของเยาวชน (VOYA) อ้างอิง
|