มาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์
มาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์ (เยอรมัน: Martin Heidegger) เป็นนักปรัชญาและนักคิดชาวเยอรมัน เขาตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ (being) ของมนุษย์ด้วยวิธีทางปรากฏการณ์วิทยา เจ้าของผลงาน ภาวะและเวลา (Sein und Zeit) งานเขียนทางปรัชญาที่ทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไฮเด็กเกอร์เห็นว่ามนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ตน และการเข้าใจความหมายการดำรงอยู่ของมนุษย์จำเป็นต้องเข้าใจผ่านเวลา มนุษย์เกิดและดำรงอยู่ในโลกที่มีอยู่ก่อนหน้า และพยายามทำให้โลกและชีวิตบนโลกมีความหมายด้วยการทำกิจวัตรต่างๆ เพื่อให้เวลาผ่านพ้นไป กิจวัตรเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความหมายให้แก่ชีวิตของเรา ทว่าถึงจุดหนึ่ง มนุษย์ก็จะค้นพบเส้นขอบฟ้าที่เบื้องปลายของการดำรงอยู่ (outermost horizon of being) เป็นขีดจำกัดที่มนุษย์มิอาจก้าวผ่าน นั่นคือความตาย ประวัติมาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์ เป็นบุตรของนายฟรีดริช ไฮเด็กเกอร์ และนางโยฮันนา เค็มพฟ์ เขาเติบโนในบรรยากาศที่มีศรัทธาต่อศาสนาคริสต์คาทอลิกอย่างเต็มที่ และคลุกคลีอยู่กับบรรยากาศของโบสถ์ ต่อมาใน ค.ศ. 1903 เขาสมัครเข้าสถานอบรมบาทหลวงของอัครมุขมณฑลไฟรบวร์ค และเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนของสังฆมณฑล ต่อมาใน ค.ศ. 1909 จึงเข้าฝึกเป็นเยสุอิตและเรียนปรัชญาและเทววิทยาที่มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค ใน ค.ศ. 1911 เขาลาออกจากคณะเยสุอิต และศึกษาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดิม ในที่สุดก็เปลี่ยนใจมาทำปริญญาทางปรัชญา และจบการศึกษาดุษฎีบัณฑิตสาขาปรัชญาใน ค.ศ. 1913 ภายหลังเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งระหว่าง ค.ศ. 1917–1919 เขาก็กลับมาสอนวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค และได้เป็นผู้ช่วยของเอ็ทมุนท์ ฮุสเซิร์ล จนถึง ค.ศ. 1923 ไฮเด็กเกอร์ออกหนังสือชื่อว่า ภาวะและเวลา ต่อมาใน ค.ศ. 1928 เขาได้ตำแหน่งศาสตราจารย์แทนที่ฮุสเซิร์ลซึ่งเกษียณอายุ หลังฮิตเลอร์เถลิงอำนาจใน ค.ศ. 1933 ไฮเด็กเกอร์รับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค และเข้าเป็นสมาชิกพรรคนาซี เขากล่าวออกวิทยุสนับสนุนให้เยอรมนีออกจากองค์การสันนิบาตชาติ สร้างความไม่พอใจแก่เพื่อน ๆ อาจารย์ เขาดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้หนึ่งปีเต็มก็ลาออกจากตำแหน่งโดยยังคงเป็นอาจารย์อยู่ ใน ค.ศ. 1944 ไฮเด็กเกอร์ถูกเกณฑ์เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองโดยมีหน้าที่ขุดสนามเพลาะให้กองทัพเยอรมัน เมื่อเยอรมนีแพ้สงคราม เขาถูกห้ามสอนและใช้ชีวิตอยู่ชานเมืองไฟรบวร์ค ในช่วงนี้เขามีเวลาว่างในการคิดและเขียนหนังสือออกมามาก อ้างอิง
|