ราชวงศ์โจว หรือ ราชวงศ์จิว (ภาษาอังกฤษ :Zhou Dynasty, ภาษาจีนกลาง :周朝, พินอิน : Zhōu Cháo) ราชวงศ์ที่ 3 ในประวัติศาสตร์จีน เริ่มประมาณ 1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช -256 ปีก่อนคริสต์ศักราช นับเป็นราชวงศ์ที่ยาวนานที่สุด ด้วยเวลาที่ยาวนานกว่า 867 ปี มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่นการสู้รบระหว่างแว่นแคว้น การกำเนิดของปรัชญาเมธีหลายท่าน เช่น ขงจื๊อ เล่าจื๊อ ซุนวู เป็นต้น ในยุคชุนชิว
กำเนิดราชวงศ์โจว
เขตแดนราชวงศ์โจว ยุคราชวงศ์โจวตะวันตก (ราว 1050 ปีก่อนคริสต์ศักราช – 771 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
พระเจ้าโจวอู่หวาง ได้โค่นราชวงศ์ซาง ลงแล้ว ได้ตั้งราชวงศ์โจวขึ้นแทน ได้เริ่มการปกครองด้วยระบบศักดินา คือแยกแผ่นดินออกเป็นแคว้นต่าง ๆ แล้วส่งเชื้อพระวงศ์แซ่ "จี" ของพระองค์ให้เป็น "เจ้าผู้ครองนครรัฐ" ไปปกครอง โดยพระองค์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ในยุคของราชวงศ์นี้สร้างความเจริญให้แก่บ้านเมืองมาก ทั้งด้านการเมือง การปกครอง ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ แต่มีช่วงเวลา ที่เข้มแข็งจริง ๆ คือราว ๆ 350 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่เรียกว่า ราชวงศ์โจวตะวันตก หรือ ซีโจว (Western Zhou ) ที่มีเมืองหลวง คือ เฮ่าจิง
ต่อมา สมัยของพระเจ้าโจวโยวหวาง กษัตริย์องค์ที่ 12 ซึ่งหลงใหลมเหสีมาก มเหสีมีนามว่า เปาซือ กล่าวกันว่านางเป็นคนสวยมาก แต่เป็นคนยิ้มไม่เป็น ทำให้พระเจ้าโจวโยวหวางกลุ้มใจมาก ถึงกับตั้งรางวัลไว้พันตำลึง สำหรับผู้ที่ออกอุบายให้นางยิ้มได้ วันหนึ่งคิดอุบายได้ด้วยการจุดพลุให้อ๋องต่าง ๆ เข้าใจว่า ข้าศึกบุกเมืองหลวงแล้ว เมื่อยกทัพมาถึงกลับไม่มีอะไร ทำให้นางเปาซือหัวเราะออกมาได้ แต่บรรดาเจ้าเมืองหัวเมืองต่าง ๆ โกรธมาก เมื่อมีข้าศึกยกมาตีเมืองหลวงจริง ๆ พระเจ้าโจวโยวหวางได้จุดพลุขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีเจ้าเมืองหัวเมืองใดๆ เชื่อถือ จึงไม่มีใครยกทัพมาช่วย ข้าศึกจึงตีเมืองได้ พระเจ้าโจวโยวหวางถูกฆ่าตาย นางเปาซือถูกจับตัวไป ยิ้มของนางต่อมาถูกเรียกว่า "ยิ้มพันตำลึงทอง" ซึ่งเป็นยิ้มที่นำความวิบัติมาสู่ราชวงศ์โจวโดยแท้ ต่อมาเจ้าเมืองหัวเมืองต่าง ๆ ได้ยกทัพมาช่วยตีข้าศึก แล้วตั้งพระเจ้าโจวผิงหวาง โอรสของพระเจ้าโจวโยวหวาง เป็นกษัตริย์ต่อไป ราชวงศ์โจวจึงต้องย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ลกเอี๋ยง (ลั่วหยาง ในปัจจุบัน) ซึ่งอยู่ทางตะวันออก เรียกว่า ราชวงศ์โจวตะวันออก หรือ ตงโจว (Eastern Zhou ) หลังจากนั้น ราชวงศ์โจวก็บัญชาเจ้าเมืองราชหัวเมืองต่าง ๆ ไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากเจ้าเมืองทั้งหลายต่างแข็งเมืองและรบกันเองระหว่างแว่นแคว้นเพื่อต้องการเป็นใหญ่
ยุคชุนชิว ยุคจ้านกว๋อ และราชวงศ์โจวล่มสลาย
ชุนชิวเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แคว้นต่าง ๆ ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันเกิดสงครามระหว่างแคว้นผู้คนเดือดร้อนทุกข์ยากทำให้นักปราชญ์มีโอกาส เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปรัชญา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และการปกครอง เพราะผู้คนในเวลานั้นต่างก็ต้องการที่พึ่ง ผู้ปกครองก็ต้องการแม่ทัพผู้ปราชญ์เปรื่อง จึงทำให้มีผู้คนมากมายรับฟังนักปราชญ์ อย่างขงจื้อ เล่าจื่อ และซุนวูผู้เขียนพิชัยสงคราม
หมายเหตุ
↑ The exact location of Wangcheng and its relation to Chengzhou is disputed. According to Xu Zhaofeng, "Chengzhou" and "Wangcheng" were originally synonymous and used to name the same capital city from 771 to 510 BC. "The creation of a distinction between Wangcheng and Chengzhou probably occurred during the reign of King Jing ", under whom a new capital "Chengzhou" was built to the east of the old city "Wangcheng". Nevertheless, the new Chengzhou was still sometimes called Wangcheng and vice versa, adding to the confusion.[ 1]
อ้างอิง