วณี เลาหเกียรติ
วณี สมประสงค์ (สกุลเดิม เลาหเกียรติ; 3 เมษายน พ.ศ. 2464 - 26 กันยายน พ.ศ. 2566)[ต้องการอ้างอิง] หรือชื่อเดิมว่า เอเวอลีน เลาหเกียรติ[1] เป็นนางสาวสยาม พ.ศ. 2478[2] ประวัติวณีเป็นบุตรสาวคนเดียวของร้อยตำรวจเอก บุญจินต์ เลาหเกียรติ กับละม่อม จันทรเวคิน ครอบครัวทั้งฝ่ายบิดามารดาล้วนเป็นข้าราชการ ย่าเป็นลูกครึ่งเปอรานากันจากสิงคโปร์[1] ขณะมีอายุได้หนึ่งเดือนจึงถือศีลล้างบาป โล่ เง็ก ล้วนผู้เป็นย่าจึงเลือกชื่อให้ว่า เอเวอลีน เลาหเกียรติ ตามชื่อนักบุญเอเวอลีน และใช้ชื่อนี้มาตลอดกระทั่งเปลี่ยนชื่อเป็น "วณี" ช่วงประกวดนางสาวพระนครเมื่อ พ.ศ. 2478[1] เมื่อวณีอายุ 9 ปี มารดาก็เสียชีวิตลง วณีจึงอยู่ในการดูแลของหลวงขจรยุตกฤตย์ (เทา จันทรเวคิน) ผู้เป็นตา[1] ผู้เป็นข้าหลวงกรมไปรษณีย์โทรเลข และเป็นผู้ได้รับนามสกุลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว[3] ต่อมาวณีได้อยู่ในการดูแลของโล่ เง็ก ล้วน ซึ่งเป็นย่า[4] ทั้งนี้วณีเป็นเหลนของโล้ว เคียกเชียง (จีน: 盧克昌) หรือ ยากอบ โล้ว คริสตังแต้จิ๋วในสิงคโปร์[5][6] ผู้เป็นเจ้าของห้างเคียมฮั่วเฮง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์มากมาย ซึ่งย่าของวณีมีความศรัทธาในพระศาสนา โดยได้บริจาคที่ดินย่านถนนคอนแวนต์เพื่อก่อสร้างอารามชีในศาสนาคริสต์[4] วณีเริ่มเข้าการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนเซนต์แมรี กุหลาบวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนแม่ของโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ต่อมาได้ย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เหตุที่จำต้องย้ายโรงเรียนบ่อย ก็เพราะย้ายตามที่ทำงานของพ่อที่เป็นตำรวจ[1] การประกวดในปี พ.ศ. 2478 มีการประกวดนางสาวสยามอันเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองรัฐธรรมนูญของรัฐบาล นายอำเภอบางรักจึงจัดผู้หลักผู้ใหญ่ขอให้วณีไปประกวด ซึ่งวณีได้เล่าที่มาของการประกวดไว้ว่า "...สมัยนั้นทางมหาดไทยจะให้ข้าหลวงออกตามหาว่าบ้านไหนมีลูกสาวสวย พอทางการมาเห็นเข้าก็ขอให้ช่วยชาติร่วมฉลองงานรัฐธรรมนูญ ตอนเข้าประกวดนี่เตรียมตัวล่วงหน้าไม่นาน การทำนุบำรุงร่างกายก็เป็นไปตามปกติ เพราะเวลานั้นยังไม่นิยมการบำรุงร่างกายตามแบบสากลนิยมกันนัก..."[4] วณีไปประกวดอย่างไม่เต็มใจโดยกล่าวไว้ว่า "ที่จริงถูกหลอกมาประกวดนะ เพราะคุณหญิงข้างบ้านบอกจะให้ลูกสาวมาประกวดด้วย จะได้เดินเป็นเพื่อน แต่เอาเข้าจริงไม่ได้มา ปล่อยให้เราเดินคนเดียว ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ตำแหน่ง ไม่เคยมีใครมาบอก พอได้ตำแหน่งแล้วเหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจ รู้สึกเป็นเกียรติคือรู้สึกตัวเองเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล..."[4] อย่างไรก็ตามเธอผ่านการคัดเลือกจากจังหวัดพระนครให้เป็นนางสาวพระนครในวันแรกของการประกวด[1] และเข้าเป็นตัวแทนของการประกวดนางสาวสยาม การประกวดดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนธันวาคมที่สนามหลวงและสวนสราญรมย์ในช่วงที่น้ำท่วมเจิ่งนอง[4] ซึ่งเธอก็ได้รับตำแหน่งนางสาวสยามคนที่สองต่อจากกันยา เทียนสว่าง[2] ได้รับการสวมมงกุฎโดยหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา[7] แต่หลังได้รับตำแหน่งนางสาวสยาม รัฐบาลสยามก็ขอรับบริจาคเงินรางวัล 1,000 บาท วณีจึงมีเพียงมงกุฎและถ้วยรางวัล รวมทั้งต้องออกงานสังคมร่วมกับญาติผู้ใหญ่ ซึ่งภายหลังมีผู้ขอถ้วยรางวัลของเธอไปเป็นรางวัลแก่ทีมฟุตบอลที่ชนะเลิศ ซึ่งวณีก็ให้ไป[4] ในปี 2480 วณีและวงเดือน ภูมิรัตน์ นางสาวสยามคนที่สองและสามได้เข้าร่วมการประกวดนางสาวสยามอีกครั้งในปีดังกล่าว เพราะในขณะนั้นยังไม่มีกฎห้ามอดีตนางสาวสยามเข้าประกวดอีก และเธอทั้งสองต่างถูกขอให้ไปประกวดโดยให้เหตุผลเพื่อช่วยชาติ และไปเพื่อสร้างสีสันในงานเท่านั้นแต่จะไม่ได้รับตำแหน่งนางสาวสยามอีก ซึ่งผู้รับตำแหน่งนางสาวสยามประจำปีนั้นคือมยุรี วิชัยวัฒนะ ครอบครัวและบั้นปลายหลังจากได้รับตำแหน่งนางสาวสยามมาแล้วสี่ปีเธอได้เข้าพิธีสมรสกับนายแพทย์ มานิตย์ สมประสงค์ แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช[1] ขณะมีอายุได้ 20 ปี โดยทั้งคู่มีบุตรธิดาทั้งสิ้น 3 คนได้แก่ จันทิมา วิจิตรวาทการ (สมรสกับวิญญู วิจิตรวาทการ),[8] อรรณพพร สมประสงค์ และดนัยศักดิ์ สมประสงค์ ปี พ.ศ. 2557 ขณะมีอายุได้ 93 ปี วณีมีความสุขกับลูกหลาน เดินทางไปพำนักที่สหรัฐบ้างบางโอกาส สามารถเดินเหินได้ดี และมีความจำดีเยี่ยม[9] วณีเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566[ต้องการอ้างอิง] ในวัย 102 ปี 6 เดือน[10] ศพของวณีถูกนำไปบรรจุที่สุสานศานติคาม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566[11] ลำดับสาแหรก
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |