วัคซีนเอชพีวี
วัคซีนเอชพีวี (HPV ย่อมาจาก Human Papilloma Virus) หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอชพีวีบางสายพันธุ์ [1] ขณะนี้วัคซีนที่มีอยู่หลายชนิด สามารถป้องกันการติดเชื้อ ได้ 2 สายพันธุ์, 4 สายพันธุ์ หรือ 9 สายพันธุ์แล้วแต่ชนิดของวัคซีน อย่างไรก็ดีวัคซีนเอชพีวี [1][2] ทุกชนิดอย่างน้อยจะสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก มีการประมาณการว่าวัคซีนต่อไวรัส 2 ชนิดนี้จะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ร้อยละ 70, ป้องกันมะเร็งทวารหนักได้ร้อยละ 80, ป้องกันมะเร็งช่องคลอดได้ร้อยละ 60, ป้องกันมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของเพศหญิง(Vulva)ได้ร้อยละ 40 และอาจจะช่วยป้องกันมะเร็งช่องปากได้บางส่วน [3][4][5] ส่วนวัคซีนเอชพีวีที่มี 4 หรือ 9 สายพันธุ์นั้นได้มีการเพิ่มการป้องกันต่อไวรัสกลุ่มเอชพีวีสายพันธุ์อื่นๆที่ก่อให้เกิดโรคหูดของอวัยวะสืบพันธุ์ร่วมด้วย[1] องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้วัคซีนเอชพีวีเป็นส่วนหนึ่งของวัคซีนพื้นฐาน สำหรับประเทศที่มีงบประมาณเพียงพอ ควบคู่กับมาตรการป้องกันมะเร็งปากมดลูกวิธีอื่นๆ จำนวนครั้งของการให้วัคซีนจะมีความแตกต่างกันตามแต่ละช่วงอายุ สำหรับเด็กหญิง แนะนำให้ให้วัคซีนในช่วงอายุ 9-13 ปี จากข้อมูลที่มีตอนนี้วัคซีนสามารถให้การคุ้มกันได้อย่างน้อย 8 ปี ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกยังคงมีความจำเป็นถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนเอชพีวีแล้วก็ตาม นอกจากการที่วัคซีนจะมีประโยชน์ต่อตัวผู้ฉีดเองแล้ว หากประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน จะส่งผลดีกับประชากรอื่นๆผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนด้วย[6] อย่างไรก็ดีวัคซีนไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อแล้ว[1] วัคซีนเอชพีวีมีความปลอดภัยสูง อาการไม่พึงประสงค์ในผู้ที่ได้รับวัคซีน ได้แก่ รู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด (ร้อยละ 80) โดยอาจมีอาการแดงบวมหรือมีไข้ร่วมด้วย ไม่พบความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดกีแลงบาเร่ (Guillain-Barre syndrome)[1] วัคซีนเอชพีวีชนิดแรกเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ.2006) จนถึงกระทั่งปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ.2014) มีจำนวน 58 ประเทศ ที่บรรจุให้วัคซีนเอชพีวีเป็นวัคซีนพื้นฐานอย่างน้อยสำหรับเด็กผู้หญิง[1] วัคซีนเอชพีวียังอยู่ในทะเบียนยาที่จำเป็นของอนามัยโลก (World Health Organization's List of Essential Medicines) ซึ่งเป็นทะเบียนรวบรวมรายการยาที่สำคัญและเป็นพื้นฐานของระบบสุขภาพ[7] ราคาขายส่งโดยประมาณของการฉีดวัคซีนในปีพ.ศ. 2557 อยู่ที่เข็มละ 47 เหรียญสหรัฐอเมริกา[8] และในสหรัฐอเมริกาค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนเอชพีวีทั้งคอร์สมากกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี[9] การศึกษาพบว่าการให้วัคซีนเอชพีวีอาจมีความคุ้มค่าในประเทศกำลังพัฒนา[10] ตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของสาธารณสุข กำหนดให้วัคซีน HPV เป็นวัคซีนมาตรฐานสำหรับเด็กไทย มีกำหนดให้วัคซีนนี้แก่นักเรียนหญิงชั้น ป.5 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน[11] อ้างอิง
|