วัดไก่เตี้ย (กรุงเทพมหานคร)
วัดไก่เตี้ย เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของคลองบางกอกน้อย ในแขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร[1] สภาพพื้นที่วัดเกือบล้อมรอบไปด้วยคลอง วัดไก่เตี้ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแห่พระบรมสารีริกธาตุหรือประเพณีชักพระ ที่เริ่มแห่จากวัดนางชีโชติการาม[2] ประวัติประวัติการตั้งวัดมีสองข้อมูล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า วัดไก่เตี้ยสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2320 ในปลายสมัยกรุงธนบุรี ขณะที่ประวัติวัดทั้งฉบับกรมการศาสนาและของวัดระบุตรงกันว่า เจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) สมุหนายก ต้นสกุล สนธิรัตน์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 บ้างระบุว่าปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1[3] แต่หนังสือพระประวัติและพระนิพนธ์ สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวว่าผู้สร้างคือพระนรินทราราชเสนี (เผื่อน) บิดาของท่านผู้หญิงอ่อน ภริยาเจ้าพระยารัตนาพิพิธ[4] วัดได้รับการพัฒนาครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2511 มีการสร้างบูรณปฏิสังขรณ์อาคารเสนาสนะและได้จัดแบบแปลนของวัดใหม่ กล่าวคือ ได้รื้ออุโบสถหลังเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เนื่องจากเป็นไม้และผุพังลง โดยได้ก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นคอนกรีต มีพิธียกช่อฟ้าเมื่อ พ.ศ .2512 โดยจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2514[5] อาคารเสนาสนะอุโบสถหลังใหม่ สร้างแทนอุโบสถเดิมที่รื้อไปเมื่อ พ.ศ. 2511 กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร หน้าบันทำเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางสมาธิ ด้านล่างมีรูปไก่อยู่ในวงกลม (คาดว่าทำขึ้นตามชื่อวัด) ลวดลายเดิมหน้าบันเป็นลายกนกและพรรณพฤกษา[6] พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ฐานมีจารึกว่าหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1989 คาดว่าอัญเชิญลงมาจากหัวเมืองเหนือในรัชกาลที่ 1 พร้อมกับพระพุทธรูปพันกว่าองค์ที่ประดิษฐานตามพระอารามหลวงของกรุงรัตนโกสินทร์ วิหาร เชื่อว่าสร้างพร้อมอุโบสถหลังเดิม หน้าบันของวิหารเป็นไม้จำหลัก หน้าบันของมุขด้านล่างเป็นลายเครือเถากนกออกปลายเป็นเทพนม ตรงกลางเป็นครุฑ ส่วนหน้าบันด้านบน ตรงกลางสลักเป็นรูปวิมานท่ามกลางลายกนก (ปัจจุบันใช้เป็นกุฏิเจ้าอาวาส) มีพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถและวิหารภายในเขตกำแพงแก้ว วัดมีหอระฆัง ตั้งอยู่ด้านข้างศาลาการเปรียญ เป็นหอระฆังเก่า ก่ออิฐถือปูน สูง 2 ชั้น หอพระไตรปิฎก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 ที่เชิงชายสลักไม้เป็นลายค้างคาวแบบจีน อ้างอิง
|