เจสซิกา ช็อง
เจสซิกา ช็อง (อักษรโรมัน: Jessica Jung; เกิด 18 เมษายน ค.ศ. 1989) ชื่อภาษาเกาหลีว่า ช็อง ซู-ย็อน (อักษรโรมัน: Jung Soo-yeon) เป็นนักร้อง นักแสดง นักออกแบบแฟชั่นชาวเกาหลี-อเมริกันในเกาหลีใต้ เป็นที่รู้จักจากการเป็นสมาชิกเกิร์ลกรุป เกิลส์เจเนอเรชัน กระทั่งพ้นจากความเป็นสมาชิกใน ค.ศ. 2014 เนื่องจากตารางงานส่วนตัวกับตารางงานของวงไม่ตรงกัน ภายหลังผันตัวเป็นนักร้องเดี่ยว อัลบัมเดี่ยวชุดแรก คือ วิทเลิฟเจ[1] ประวัติเจสซิกาเกิดในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย[2] ณ โรงพยาบาลเดียวกับทิฟฟานีซึ่งต่อมาเป็นเพื่อนร่วมวงเกิลส์เจเนอเรชัน เธออาศัยในซานฟรานซิสโกแล้วย้ายมาเกาหลีใต้เมื่ออายุได้ 11 ปี [3] เจสซิกามีน้องสาวหนึ่งคน ชื่อว่า ช็อง ซู-จ็อง หรือ คริสตัล แห่งวงเอฟ(เอกซ์) การงานเกิลส์เจนเนเรชันเจสซิกาได้รับการฝึกฝนเป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน ก่อนจะได้เข้าเป็นสมาชิกเกิลส์เจเนอเรชันของเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2007 และมีสมาชิก 9 คน คิม แท-ย็อน เคยกล่าวว่า ด้วยความสัตย์จริงฉันคิดว่า เจสสิก้า ช็อง ควรเป็นหัวหน้าของ เกิลส์เจเนอเรชัน เธอช่วยเหลือฉันมามากและมีภาวะผู้นำ นอกจากผลงานกับวงเกิลส์เจเนอเรชันแล้ว เจสซิกาออกซิลเกิล 2 ชุดกับซอฮย็อนและทิฟฟานีเพื่อนร่วมรวง คือ "เลิฟเฮต" (오빠 나빠; Love Hate)[4] กับ "มาบีนองี (อิตส์แฟนแทสติก!)" (Mabinogi (It's Fantastic!))[5]ในปี ค.ศ. 2008 เจสสิก้า ทำหน้าที่ผู้นำชั่วคราวเมื่อ แทยอนและยุนอานั้นไม่สามารถมาได้ ส่งผลให้เหลือสมาชิกเพียง 7 คน คลิปวิดิโอดังกล่าวได้รับคำชื่นชมจนถึงปัจจุบันเนื่องจากเจสสิก้าต้องทำงานแทน แทยอนและยุนอารวมถึงเต้นและร้องในส่วนขอตัวเองด้วย ในปี ค.ศ.2009 ใน เจสสิก้าร้องเพลง จี (เพลง) 2 นาที 9 วินาที โดยร้องนานที่สุดของวง และร้องเดี่ยวในเพลงดังกล่าวเป็นลำดับที่ 2 รองจากแทยอน ปีเดียวกันเจสสิก้าร้องเพลง เทลมียัวร์วิช (จีนี) นานที่สุดของวง
วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2010 เจสซิกาออกซิงเกิลของตัวเองชื่อ "สวีตดีไลต์" (Sweet Delight) ในปี 2011 เธอร้องเพลง "บีคอสเทียส์อาร์โอเวอร์โฟลวิง" (눈물이 넘쳐서; Because Tears Are Overflowing) ประกอบละครเรื่อง โรแมนซ์ทาวน์ (Romance Town) ของสถานีเคบีเอส ในปี 2012 เธอ[ร้องเพลง "วอตทูดู" (What To Do) ประกอบละคร ไวลด์โรแมนซ์ (Wild Romance) ร้องเพลง "บัตเตอร์ฟลาย" (Butterfly) ประกอบละคร ทูเดอะบิวตีฟูลยู (To The Beautiful You)[6] ร้องเพลง "ฮาร์ตโรด" (Heart Road) ประกอบละคร เดอะคิงส์ดรีม (The King's Dream)[7] และร้องเพลง "มายไลฟ์สไตล์" (My Lifestyle) ประกอบโฆษณาของฮุนได[8] ในค.ศ.2010-2011 เจสสิก้าร้องเพลง รันเดวิลรัน (เพลงเกิลส์เจเนอเรชัน) เพลงโอ! (อัลบั้ม) นานเป็นอันดับสองของวง และร้องเพลง เดอะบอยส์ นานที่สุดในวง ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 เจสซิกา ช็อง ได้ออกรายการ Taxi Ep.239 ออกอากาศทางช่อง Tvn ในวันที่ 17 พฤษภาคม ปีเดียวกัน นับเป็นรายการสัมภาษณ์เดี่ยวเป็นครั้งแรก เจสซิกา ช็อง กล่าวว่า เธอมักมีปัญหากับรายการทอล์กโชว์ เนื่องจากมาจากต่างประเทศทำให้การเรียบเรียงประโยคในภาษาเกาหลีไม่คล่อง เธอมักกังวลว่าการสื่อสารของเธอจะทำคนเข้าใจผิดจำนวนมาก และเพราะเคยมีปัญหากับคนอื่นมาแล้วเธอจึงไม่ค่อยพูด เธอกล่าวถึงฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็ง ว่าเกิดจากรายการ Song Battle ในวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 2009 ซึ่งไม่มีคนบอกว่ากล้องกำลังถ่ายทำเธอนั่งพักอยู่จึงไม่ได้ยิ้มและนึกไม่ถึงว่ารายการจะเอาช่วงนั้นออกอากาศ ใน ค.ศ. 2013 เธอร้องเพลง "เดอะวันไลก์ยู" (The One Like You) ประกอบละครเรื่อง เดตติงเอเจนซี: คีราโน (Dating Agency: Cyrano)[9] และในปี 2014 เธอร้องเพลง "เซย์เยส" (Say Yes) กับคริสตัลน้องสาว และคริสวงเอ็กโซ ประกอบภาพยนตร์เรื่อง เมกยัวร์มูฟ (Make Your Move) ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 เจสซิกาประกาศบนเว็บไซต์ส่วนตัวว่า เธอถูกถอดจากวงแล้ว ภายหลังเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ยืนยันเรื่องนี้และกล่าวว่า และบริษัทจะดำเนินวงต่อไปโดยมีสมาชิก 8 คน ส่วนเจสซิกาจะเป็นศิลปินเดี่ยว[10][11] ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2015 ทางเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ได้ประกาศว่าเธอได้พ้นจากการเป็นศิลปินในสังกัดแล้ว[12] ผลงานหนังสือหนังสือนิยายเล่มแรกของเจสสิก้าใช้ชื่อว่า shine ติดอันดับขายดีของ the New York times best seller เนื้อหาในหนังสือเป็นการเล่าเกี่ยวกับประวัติเจสสิก้าผ่านตัวละครสมมุติ[13] ประเด็นในหนังสือส่วนใหญ่เกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักที่เข้มงวด การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมทางเพศอาทิลำเอียงให้ผู้ชายได้ทานอาหารที่ตนเองชอบมากกว่า การกลั่นแกล้งกันเองระหว่างเด็กฝึกหัด การถูกตำหนิต่อว่าอย่างรุนแรงในการประเมินผลประจำเดือน เจสสิก้ายังชี้ให้เห็นถึงการขาดโอกาสทางการศึกษาหากไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปิน รวมถึงขาดการนอนหลับที่เพียงพอ การฝึกที่คล้ายกับนักเรียนทหารเช่นฝึกวิ่ง วิดพื้น ฝึกลุกนั่งอย่างรวดเร็ว นิยายแสดงให้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งที่สุดในบรรดาเด็กฝึกหัดด้วยกัน จึงจะได้รับโอกาส ได้รับ การส่องแสง (Shine) ทั้งนี้ยังรวมถึงสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทนโยบายของบริษัท สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมือง ในขณะนั้นของประเทศเกาหลีใต้ ในปี ค.ศ. 2021 เจสสิก้า เขียนนิยายอีกเล่มชื่อว่า Bright เป็นภาคต่อของ Shine ผลงานเพลงเดี่ยวหลังจากออกจากสังกัดเอสเอ็ม เจสซิกาได้แสดงภาพยนตร์รักเรื่องเรื่องเล็กๆนั่นคือความรักในช่วงสิงหาคม 2016 และมีเพลงหลักของภาพยนตร์คือ "Love! Love! Aloha!" ซึ่งขับร้องโดยเจ้าตัวอีกด้วย เจสซิกา ช็อง ออกอลบัมส่วนตัวทั้งหมดสามอัลบัมได้แก่ With Love, J, Wonderland (EP) และ My Decade ตามลำดับ การแสดงเจสซิกาเริ่มการแสดงด้วยละครเพลงเรื่อง ลีกอลลีบลอนด์ (Legally Blonde) ซึ่งเปิดรอบแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2009[14][15] ต่อมาในเดือนมีนาคม 2010 เจสซิกาได้ปรากฏตัวชั่วครู่ในละคร โอ! มายเลดี (Oh! My Lady) ของสถานีเอสบีเอส[16] ในปี 2012 เจสซิกาได้แสดงเป็นคนรักคนแรกของพระเอกละครเรื่อง ไวลด์โรแมนซ์ (Wild Romance) ปรากฏตัวอยู่ประมาณ 8 ตอน[17] ปีนั้น เจสซิกาได้กลับไปแสดงละครเวทีเรื่อง ลีกอลลีบลอนด์ อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน สินค้าในเดือนสิงหาคม 2014 เจสซิกาออกสินค้าสมัยนิยมในชื่อ "บล็องเอต์เอแกลร์" (Blanc & Eclare) ประกอบด้วยเครื่องใช้และเสื้อผ้าสมัยใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบส่วนตัวของเธอเอง เธอกล่าวว่า "ในที่สุดความฝันของฉันที่จะก่อตั้งบล็องก็เป็นจริง ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้พัฒนาสินค้ารวมแฟชั่นและนำเสนอข้าวของกับรูปแบบใหม่ ๆ ให้แก่ชาวโลก ฉันได้เรียนรู้มากมายในงานสร้างสรรค์กับดีไซเนอร์และนักแฟชั่นคนอื่น ๆ และฉันอยากแบ่งปันข่าวสารเรื่องหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ฉันมีอยู่เดี๋ยวนี้ต่อไปเป็นระยะ ๆ"[18] ชีวิตส่วนตัวช่วงคอนเสริ์ตที่ประเทศไต้หวันเมื่อกรกฎาคม 2017 เจสซิกาได้โชว์หนังสือเดินทางของตัวเอง ในรายละเอียดเขียนชื่อว่า "Jessica Jung"[19]
ผลงานเพลงเพลงเดี่ยว
ซิงเกิล
ผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์
ละครโทรทัศน์
มิวสิกวิดีโอ
สินค้าอนุมัติเจสซิกาได้อนุมัติให้สินค้าเหล่านี้จำหน่ายในนามของเธอ
ละครเวที
รางวัล
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เจสซิกา ช็อง
|