เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
เจ้าพระยาโกษาธิบดี นามเดิม ปาน (พ.ศ. 2176 – 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242) เป็นขุนนางในอาณาจักรอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นเอกอัครราชทูตคนสำคัญที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2229[2] ปานเป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับสามีเชื้อสายพระยาเกียรดิ์ พระยาราม เกิดในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[1] นอกจากนี้เขายังเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช[3] ประวัติปานเป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช[1] และเป็นน้องชายของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ซึ่งดำรงตำแหน่งพระคลังระหว่าง พ.ศ. 2200–2226 [4] ปานมีบุตร 4 คน[5][6][7] คือ
ปานได้บรรดาศักดิ์ ออกพระวิสุทธสุนทร และได้รับแต่งตั้งเป็นทูตออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ในสมัยดังกล่าว ฝรั่งเศสมีอิทธิพลในราชสำนักของพระนารายณ์มาก จุดประสงค์ของฝรั่งเศสคือเผยแพร่คริสต์ศาสนา และพยายามให้พระนารายณ์เข้ารีตเป็นคริสตชน รวมทั้งพยายามมีอำนาจทางการเมืองในอยุธยาด้วยการเจรจาขอตั้งกำลังทหารของตนที่เมืองบางกอกและเมืองมะริด[8] คณะทูตไปฝรั่งเศสดังกล่าว ประกอบด้วย ปาน เป็นราชทูต, ออกหลวงกัลยาราชไมตรี เป็นอุปทูต, และออกขุนศรีวิสารวาจา เป็นตรีทูต พร้อมทั้งบาทหลวงเดอ ลีออง และผู้ติดตาม รวมกว่า 40 คน ออกเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2229 ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 ณ พระราชวังแวร์ซาย[9] และเดินทางกลับเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2230[10] ปานเป็นนักการทูตที่สุขุม ไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบันทึกสิ่งที่พบเห็นในการเดินทาง[11] ในการเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 คณะทูตอยุธยาได้รับการยกย่องชื่นชมจากชาวฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าแผ่นดินฝ่ายตะวันออกแต่งทูตไปยังฝรั่งเศส[11] พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงรับรองคณะทูตอย่างสมเกียรติยศ โปรดให้ทำเหรียญที่ระลึกและเขียนรูปเหตุการณ์เอาไว้[11] พระราชสาส์นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กล่าวถึงปานว่า
ความสำเร็จจากการทูตดังกล่าว ทำให้ปานได้ฉายาว่า ราชทูตลิ้นทอง หรือนักการทูตลิ้นทอง[13] การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231หลังกลับกรุงศรีอยุธยา ปานถูกกดดันให้เข้ากลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสของพระเพทราชาซึ่งประกอบด้วยขุนนางที่ไม่พอใจฝรั่งเศสที่มีอำนาจมากในกรุงศรีอยุธยา การยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาส่งผลให้สมเด็จพระนารายณ์พ้นจากราชบัลลังก์และขับไล่ทหารฝรั่งเศสซึ่งปานได้รับการส่งให้ไปเจรจาด้วย จากนั้น ปานจึงได้เป็นเจ้าพระยาพระคลัง[14][15] เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน พบกับปานใน ค.ศ. 1690 และเขียนบรรยายไว้ว่า ปานมีภาพของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ในห้องโถงบ้าน[16]
ใน ค.ศ. 1699 กี ตาชาร์ บาทหลวงคณะเยสุอิต เข้าพบปานและพระเพทราชา แต่การพบกันเป็นแต่ทางพิธีการ ไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ[18] การเสียชีวิตเมื่อสิ้นสมเด็จพระนารายณ์ใน พ.ศ. 2231 สมเด็จพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ต่อ ปานได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี ว่าการพระคลัง[19] ใน พ.ศ. 2239 ปานถูกลงอาญาอยู่บ่อยครั้ง เนื่องด้วยเป็นที่นิยมในหมู่ราษฎร มีครั้งหนึ่งพระเพทราชากริ้วมาก ใช้พระแสงตัดปลายจมูกของปาน[20] บางแหล่งว่า ที่ถูกตัดจมูก เพราะเขาถูกกล่าวหาว่า จงรักภักดีต่อฝรั่งเศสและสมเด็จพระนารายณ์ [21] ใน พ.ศ. 2242 เขาถูกลงพระราชอาญา ภรรยา อนุภรรยา รวมทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ถูกคุมขัง ทรัพย์สมบัติก็ถูกริบหมด[20] บางแหล่งว่า เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายใน พ.ศ. 2243[21] บางคนว่า เขาใช้มีดแทงตัวตาย บางคนว่า เขาถูกโบยด้วยเชือกจนตาย[20] ต้นตระกูลราชวงศ์จักรีมีคำกล่าวกันว่า โกษาปานเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์จักรี[22] เพราะมีสถานะเป็นบิดาของเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) พระปัยกาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งภายหลังเข้ารับราชการกับพระเจ้าเสือ และยังเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช [3][23] ในวัฒนธรรมสมัยนิยมละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิตออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มีตัวละครหนึ่งชื่อ "พระยาวิสูตรสุนทร" หรือ "เจ้าพระยาโกษาธิบดี" นำแสดงโดยชาติชาย งามสรรพ์
ดูเพิ่มอ้างอิง
บรรณานุกรม
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
|