Share to:

 

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ
ชื่อเกิดจรูญ สุขรักษ์
เกิดมีนาคม พ.ศ. 2481
ที่เกิดตำบลดอนมะสังข์ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
เสียชีวิต22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 (32 ปี) โรงพยาบาล​มิชชั่น อำเภอดุสิต ​จังหวัด​พระนคร
แนวเพลงลูกทุ่ง
อาชีพนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี
เครื่องดนตรีเสียงร้อง

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ (มีนาคม 2481 - 22 พฤศจิกายน 2513) เป็นอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ที่มีผลงานเพลงติดหูผู้ฟังจำนวนมากอย่างเช่นเพลง " กลับเถิดเรียมจ๋า" และได้รับเกียรติจากสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งเมืองไทยให้ใช้นามสกุล "สมบัติเจริญ" ในการร้องเพลง ร่องเสียงของเมืองมนต์ ถูกนักร้องรุ่นหลังนำมาเป็นต้นแบบหลายคน อาทิเช่น ศรเพชร ศรสุพรรณ มนต์​รัก​ ขวัญ​โพธิ์​ไทย และนพพร เมืองสุพรรณ แต่บางคนบอกว่าร่องเสียงของเมืองมนต์ เหมือนกับของ คำรณ สัมบุณณานนท์

ประวัติ

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ มีชื่อจริงว่า จรูญ สุขรักษ์ เป็นบุตร นายมี นางเล็ก สุขรักษ์ เกิดเมื่อมีนาคม พ.ศ.2481 ที่บ้านลาดตาล ตำบลดอนมะสังข์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้อง 7 คน โดยเขาเป็นคนสุดท้อง

หลังเรียนจบชั้นประถมก็บวชเป็นสามเณร โดยบวชเรียนที่วัดลาดตาล (วัดสองเขตสามัคคี) และบวชต่อเนื่องจนเป็นพระภิกษุ ศึกษาเล่าเรียนธรรมะจนจบนักธรรมชั้นเอก แต่ในขณะบวชเป็นพระ มีเพลงลูกทุ่งผ่านแว่วเขาหูอยู่ทุกวัน โดยเฉาะเพลงของ คำรณ สัมบุณณานนท์ ที่เขาชื่นชอบและร้องโห่ตามได้ด้วย

ปี พ.ศ.2499 - 2502 นักร้องบ้านเดียวกับเขา คือ สุรพล สมบัติเจริญ กำลังโด่งดัง จึงเป็นแรงจูงใจให้อยากเป็นนักร้องมากกว่าเป็นนักเทศน์ เมื่อเห็นว่าหมดบุญที่จะอยู่รับใช้พระพุทธศาสนาแล้ว จึงลาสึกออกมา เพื่อผจญโชคชะตาในทางโลกต่อไป

เมื่อลาสิกขาแล้วก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อต้องการเป็นนักร้องตามที่ตัวเองมุ่งหวัง โดยมุ่งหน้าไปที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ ทุ่งมหาเมฆ เพื่อขอฝากตัวกับนักร้องจังหวัดเดียวกันที่กำลังได้รับความนิยม คือ สุรพล สมบัติเจริญ เมื่อไปถึงก็ไม่พบครูสุรพล พบแต่คุณจินดา สมบัติเจริญ (น้องชายครูสุรพล) คุณจินดาพบเห็นนายจรูญ ท่านจึงได้บอกกับนายจรูญว่า "เอ็งต้องนั่งรอให้ถึงช่วงตอนเย็นไปก่อน เพราะพี่ดวน(ครูสุรพล)เขาไปทำงานอยู่ที่ดอนเมืองฝ่ายการเงิน จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่ทันได้กลับมาหรอกนะ" คุณจรูญจึงรอจนถึงตอนเย็นจึงจะได้พบ หลังจากรอจนถึงตอนเย็นแล้ว ครูสุรพลกลับมาเห็นคุณจรูญกับคุณจินดากำลังนั่งคุยกันอยู่ ครูสุรพลท่านได้เดินมาหันถามคุณจรูญว่า "มาทำอะไร" คุณจรูญยกมือขึ้นแล้วบอกว่า "ผมจะมาสมัครเป็นนักร้องครับ" ครูสุรพลท่าน[1]ให้ร้องเพลงให้ฟังเพื่อทดสอบเสียง เขาจึงร้องเพลงแนวโห่ของคำรณ สัมบุณณานนท์ตามที่ตัวเองถนัดให้สุรพลฟัง สุรพลเห็นว่าเสียงดีแถมร้องเพลงโห่ได้ด้วย กับทั้งกิริยามารยาทก็เรียบร้อย พูดจาสุภาพ เนื่องจากเพิ่งสึกจากพระมา มีดีกรีถึงนักธรรมเอก จึงรับไว้เป็นนักร้องในวง ไม่ใช่เป็นลูกศิษย์เหมือนนักร้องอื่น ๆ แต่มอบฐานะให้เป็นน้องบุญธรรม โดยสุรพลตั้งชื่อและนามสกุลให้ว่า เมืองมนต์ สมบัติเจริญ เป็นนักร้องคนแรกและคนเดียวที่ครูให้ใช้นามสกุล "สมบัติเจริญ" และถือได้ว่าเป็นนักร้องรุ่นแรก ๆ ของวงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญ อีกทั้งยังเป็นนักร้องที่ได้ค่าตัวมากที่สุดของวงในยุคนั้น

ชีวิตนักร้อง

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ ร้องเพลงบันทึกเสียงครั้งแรกในเพลง "หนุ่มสุพรรณรำพัน" ผลงานของ จินดา สมบัติเจริญ แต่พอเพลงนี้ถูกเปิดออกอากาศแล้ว ก็ไม่ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้คุณเมืองมนต์ สมบัติเจริญ สักเท่าใด เพราะว่าแฟนเพลงส่วนมากจะไม่ค่อยรู้จักเพลงนี้มากนัก มาดังเอาตอนร้องเพลงที่สุรพลแต่งให้ร้อง คือ "กลับเถิดเรียมจ๋า" บทเพลงนี้ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังก้องไปทั่วเมืองไทย จากนั้นก็มีเพลงแนวโห่ตามออกมา เช่น ลูกทุ่ง, สุริยายอแสง, สวรรค์เมืองไทย และเพลงอื่น ๆ อีกมากมาย

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ อยู่กับสุรพล สมบัติเจริญมาจนถึงปี พ.ศ.2508 ก็ออกจากวงสุรพล ไปอยู่กับวงรวมดาวกระจายของสำเนียง ม่วงทอง และอยู่ได้ไม่นานจึงออกจากวงรวมดาวกระจาย ไปอยู่กับวงไวพจน์ เพชรสุพรรณ แล้วจากนั้นก็ออกมาตั้งวงเป็นของตัวเองเมื่อ วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2511 ซึ่งเหตุที่เมืองมนต์ออกจากวงดนตรีของครูสุรพลในตอนนั้น เพราะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการของเมืองมนต์ที่ไปบันทึกเสียงให้กับมนัส สุขศรี ในเพลง รักแฟนคนเดียว ซึ่งปรากฎว่าเพลงนี้เริ่มมีชื่อเสียง แฟนเพลงจึงขอไปที่รายการวิทยุที่ครูสุรพลจัด ครูสุรพลว่าท่านไม่เคยอัดเสียงเพลงนี้ให้เมืองมนต์ ครูสุรพลจึงสั่งพักงานระยะหนึ่งแต่หลังจากนั้นเมืองมนต์ก็ไม่ได้มาอีกเลย กล่าวได้ว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของเมืองมนต์ แต่ทั้งครูสุรพลและเมืองมนต์ไม่ได้มีการโกรธเคืองกันแต่ประการใด เพราะเมื่อคราวที่มารดาครูสุรพลถึงแก่กรรม เมืองมนต์ก็มาในงานศพด้วย ครูสุรพลได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบและยังแนะนำให้เมืองมนต์ตั้งวงดนตรีเป็นของตนเองโดยครูสุรพลจะให้การสนับสนุนทุกอย่าง วงดนตรีเมืองมนต์ สมบัติเจริญ จึงกำเนิดขึ้น โดยมีนักร้องประจำวง เช่น ปักษิณ ลูกวิเศษ, นพพร เมืองสุพรรณ, อนุเทพ เทวาพิทักษ์, เพชร พนมพร(พี่ชายของนพพร เมืองสุพรรณ), บรรจง สมใจ, แดน ดอนตาล, อรัญ คีรีขันธ์, บุญเย็น เด่นสุพรรณ, นิเทศน์ ลูกอ่างทอง และอีกหลายคน แม้แต่รุ่งเพชร แหลมสิงห์ในระยะแรกก็ได้ร้องเพลงอยู่กับวงดนตรีเมืองมนต์เช่นกัน

ผลงานเพลงเมื่อครั้งออกจากวงสุรพลนั้น เมืองมนต์ได้อัดเสียงกับวงรวมดาวดระจายของสำเนียง ม่วงทอง เช่น กระต่ายชมจันทร์ และเพลงดังในตอนที่ได้ร่วมวงกับไวพจน์ เพชรสุพรรณ เช่น เก็บเงินแต่งงาน, กลุ้มใจเรื่องเมีย, คิดถึงบ้านนอก(รักสาวบ้านนอก), คอยนางกลับนา ฯลฯ และเพลงดังเมื่อครั้งตั้งวงเป็นของตนเอง เช่น ไอ้โทน, อุ้มลูกตามเมีย, หัวใจดื้อ, เศรษฐีดินปั้น, ลุงเชยโชว์เพลง, ธรรมชาติยามเย็น ฯลฯ

เมืองมนต์ สมบัติเจริญ มีความสามารถทั้งด้านการร้องเพลง และแต่งเพลง โดยเพลงแรกที่เขาแต่งเอง คือเพลง ปวดใจ เมื่อครั้งยังอยู่กับวงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญ และยังแต่งให้กับนักร้องในวงสุรพลคนอื่น ๆ อีกด้วย เช่นเพลง "ตาลต้นเก่า" ขับร้องโดย พนมไพร ลูกเพชร, "หลงคอย" ขับร้องโดย พร พนาไพร, "ตามสาวกลับเพชร" ขับร้องโดย กังวาลไพร ลูกเพชร บทเพลงนี้เป็นแนวจังหวะจากสโลว์ แล้วมาต่อเป็นจังหวะลิเกสากล เป็นต้น และเมื่อตั้งวงเป็นของตนเองก็ยังแต่งให้กับนักร้องในวง เช่นเพลง ชมสาววัดป่า ขับร้องโดย นพพร เมืองสุพรรณ, น้ำใจทหารอาสา ขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์, ตามแฟน ขับร้องโดย บุญเย็น เด่นสุพรรณ, ชาตินี้รักเดียว ขับร้องโดย นิเทศน์ ลูกอ่างทอง เป็นต้น อีกทั้งผลงานเพลงส่วนใหญ่เมื่อครั้งตั้งวงดนตรีเป็นของตนเองก็มักจะเป็นเพลงที่แต่งเองร้องเอง

โดยเพลงสุดท้ายในชีวิตของเมืองมนต์ สมบัติเจริญ คือเพลง คอยน้องทั้งคืน ซึ่งเขาแต่งเองร้องเอง จะสังเกตได้ว่าในเพลงนั้นจะมีเสียงอึ่งอ่างซึ่งเป็นเสียงอึ่งอ่างจริงที่เขาไปอัดมา โดยทีแรกนั้นเมืองมนต์จะให้นพพร เมืองสุพรรณอัดเสียงเพลงนี้ แต่นพพรอัดไม่ผ่าน เมืองมนต์จึงเป็นคนบันทึกเสียงเพลงนี้เสียเอง

ผลงาน

ผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จัก

  • กลับเถิดเรียมจ๋า
  • เก็บเงินแต่งงาน
  • กระต่ายชมจันทร์
  • รักแฟนคนเดียว
  • อุ้มลูกตามเมีย
  • ชมสาวชาวนา
  • หนุ่มเกี่ยวข้าว
  • ลืมพี่แล้วหรือ
  • หนาวเหลือเกิน
  • คอยน้องทั้งคืน
  • ชาตินี้มีกรรม
  • หัวใจเรียกหา
  • หนุ่มสุพรรณ
  • หัวใจดื้อ
  • รักริมโขง
  • พี่จน

ฯลฯ

เสียชีวิต

ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2513 เมืองมนต์ล้มป่วยลงกระทันหัน โดยมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ผู้อยู่ใกล้ชิดนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น กรุงเทพฯ แต่แพทย์ก็ไม่อาจช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ในที่สุด เมืองมนต์ สมบัติเจริญ ได้จากแฟนเพลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2513 ด้วยอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น โดยได้ตั้งบำเพ็ญกุศลฌาปณกิจศพที่วัดมงคลวนาราม (มะเกลือ) ย่านดาวคะนอง ฝั่งธน ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งสำนักงานวงดนตรีของเขา

หลังการเสียชีวิตของเมืองมนต์ นพพร เมืองสุพรรณ ทำหน้าที่เป็นเงาเสียง สืบทอดผลงานเพลงของเมืองมนต์ต่อไป โดยนพพร เมืองสุพรรณนั้นเป็นญาติของ เมืองมนต์ สมบัติเจริญ ซึ่งปัจจุบันนพพร เมืองสุพรรณก็ได้เสียชีวิตแล้วเช่นกันด้วยโรคพาร์กินสัน

  1. หนังสือรวมประวัติลูกศิษย์ราชาเพลงลูกทุ่ง
Kembali kehalaman sebelumnya