สุรพล สมบัติเจริญ
สุรพล สมบัติเจริญ หรือ พันจ่าอากาศโท ลำดวน สมบัติเจริญ (25 กันยายน พ.ศ. 2473 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2511) เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรีโดยกำเนิด เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ท่านได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกทุ่งไทย รวมถึงได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชาเพลงลูกทุ่ง" ประวัติลำดวน สมบัติเจริญ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 125 ถนนนางพิม ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ฐานะทางครอบครัวแต่เดิมค่อนข้างดี คุณพ่อรับราชการอยู่แผนกสรรพากรจังหวัด ชื่อ เปลื้อง สมบัติเจริญ ส่วนคุณแม่ชื่อ วงศ์ สมบัติเจริญ นอกจากเป็นแม่บ้านแล้วยังค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านกลางใจเมืองสุพรรณบุรี สุรพลเป็นบุตรชาย คนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องท้องเดียวกัน 6 คน มีดังนี้ มีพี่ชายคนโตชื่อว่า "อุดม สมบัติเจริญ" มีน้องชาย 2 คน ชื่อว่า "จินดา-สมาน สมบัติเจริญ" และมีน้องสาวอีก 2 คน ชื่อว่า "เฉลียว-ไสว สมบัติเจริญ หลังจบชั้นประถมจาก โรงเรียนประสาทวิทย์ ก็มาเรียนที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัยจนจบมัธยมปีที่ 6 เมื่อเรียน จบที่สุพรรณบุรีคุณพ่อก็จัดส่งสุรพลเข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย แต่สุรพลก็เรียนได้เพียงปีครึ่งก็ต้องลาออกเพราะใจไม่รักแต่ด้วยไม่อยากขัดใจคุณพ่อ การเรียนก็เลยไม่ดี เขาไปสมัครเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนสุพรรณกงลิเสีย เสี้ยว เป็นโรงเรียนจีน แต่สอนอยู่ได้แค่ครึ่งปีก็ลาออก ด้วยใจไม่ได้รักอาชีพนี้อย่างจริงจัง เขาได้สมัครเข้าไปเป็นนักเรียนจ่าพยาบาล อยู่ที่โรงเรียนพยาบาล กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ ตั้งอยู่ที่ปากคลองมอญ (ปัจจุบัน เป็นศูนย์ทันตกรรม กรมแพทย์ทหารเรือ) ด้วยความที่ชื่นชอบการร้องเพลงเป็นอย่างยิ่ง จึงหนีออกไปร้องเพลงยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชะตาเขาพลิกผกผัน หลังจากเขาได้หนีราชการทหารเรือ จนได้รับโทษถูกคุมขัง เขาได้กลายเป็นขวัญใจของนักโทษ ด้วยการร้องเพลงกล่อมก่อนนอน เมื่อได้รับอิสรภาพ สุรพลได้ทิ้งเส้นทางทหารเรือ สุรพลมีโอกาสได้ร้องเพลงในงานสังสรรค์กองทัพอากาศ น้ำเสียงของเขาได้โดนใจ เรืออากาศเอกปราโมทย์ วัณณะพงษ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งค่ายมวยและหัวหน้าคณะนักมวยของกองทัพอากาศชื่อ ค่ายมวยเลือดชาวฟ้า ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น สุรพล สมบัติเจริญจึงถูกเรียกตัวให้เข้าพบ และยื่นโอกาสให้เขาได้เข้าไปรับราชการประจำกองกองดุริยางค์ทหารอากาศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้รับความรู้เกี่ยวกับการดนตรีและร้องเพลง ซึ่งการกระทำนี้จึงเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของชีวิต ที่ทำให้ สุรพล สมบัติเจริญ ได้ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็น "ราชาเพลงลูกทุ่งคนแรกของเมืองไทย" ในปี พ.ศ. 2496 เพลง 'น้ำตาลาวเวียง' เป็นเพลงแรกที่ได้บันทึกเสียง แต่เพลงที่ทำให้เป็นที่รู้จักทั่วไปคือเพลง 'ชูชกสองกุมาร' หลังจากนั้นชื่อเสียงของสุรพล ก็เป็นที่นิยมมากขึ้น และมีผลงานชุดใหม่ออกมาเรื่อย ๆ เช่น 'แฟนจ๋า' 'รักน้องบ่มีเงินแต่ง' 'ของปลอม' ' หนาวจะตายอยู่แล้ว' 'หัวใจผมว่าง' 'สวยจริงน้อง' 'สุรพลมาแล้ว' 'น้ำตาจ่าโท' 'มอง' และ อีกหลายเพลง และทำให้คนรู้จักความเป็น "สุรพล สมบัติเจริญ" อย่างแท้จริงในเวลาต่อมาก็คือเพลง "ลืมไม่ลง" และเมื่อชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป สุรพลจึงมีงานร้องเพลง นอกสังกัดถี่ขึ้นเป็นลำดับ อาทิ ร่วมร้องกับวง "แมมโบ้ร็อค" ของ เจือ รังแรงจิตร วง "บางกอกช่ะช่ะช่ะ" ของ ชุติมา สุวรรณรัตน์ และ สมพงษ์ วงษ์รักไทย ส่วนวงดนตรีที่สุรพลร้องด้วยมากที่สุดคือ วง " ชุมนุมศิลปิน " ของ จำรัส วิภาตะวัตร สุรพล สมบัติเจริญ มีความเคารพต่อคุณประสาน ศิลป์จารุ (ทองแป๊ะ) เป็นอย่างมาก เพราะเป็นผู้ผลักดันให้สุรพลมีความมุ่งมั่นในวงการลูกทุ่งยิ่งขึ้นไปอีก เพราะคุณประสานเป็นผู้นำเพลงของสุรพลไปเปิดในสถานีวิทยุกระจายเสียงวรจักร ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวเพลงลูกทุ่งในสถานีวิทยุเป็นครั้งแรกในสมัยนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้เพลงลูกทุ่งได้รับการยอมรับ และมีการพัฒนาเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดชีวิตของการเป็นนักร้อง สาเหตุที่ทำให้ "สุรพล" ได้รับการยอมรับว่าเป็น "ราชาเพลงลูกทุ่งคนแรกของเมืองไทย" เพราะความอัจฉริยะในตัวเองที่สามารถแต่งเพลง การขับร้องที่ต่างจากนักร้องอื่นๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอง เป็นคนแรกคนเดียวที่สามารถสร้างปั้นจำนวนลูกศิษย์มากมายทั้งนักร้องชาย-หญิง และยังคงเป็นที่จดจำจนทุกวันนี้ก็มี [1]อาทิ หนึ่งในดำเนิน , ดำเนินจ๋า , แซ่ซี้อ้ายลื้อเจ็กนั้ง , หัวใจเดาะ , ของปลอม , น้ำตาจ่าโท , สนุ๊กเกอร์ , วันพระอย่าเว้น , ยิกเท๊าโหละซัว , ดรรชนีไฉไล , 16 ปีแห่งความหลัง และอีกหลายๆ บทเพลง นอกจากจะแต่งเอง ร้องเอง "สุรพล" ยังทำหน้าที่ครูแต่งเพลงให้คนอื่นร้องจนโด่งดังอีกด้วย อย่างเช่น ผ่องศรี วรนุช , ก้าน แก้วสุพรรณ, ไพรวัลย์ ลูกเพชร , ละอองดาว สกาวเดือน , ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย , เมืองมนต์ สมบัติเจริญ, กังวาลไพร ลูกเพชร , ก้องไพร ลูกเพชร , พนมไพร ลูกเพชร , ศักดิ์ชาย วันชัย , มนต์ไพร ลูกราชบุรี , ด.ช.สำราญ ภักดีอาษา "สุรพล สมบัติเจริญ" ถูกลอบยิงเสียชีวิต หลังจากการแสดงบนเวทีที่วิกแสงจันทร์ บริเวณริมถนนมาลัยแมน ตรงข้ามวัดหนองปลาไหล ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2511 (เวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2511) เมื่ออายุเพียง 37 ปี ผลงานเพลงที่ศิลปินคนอื่น ๆ นำไปขับร้องใหม่
จากอัลบั้ม 30 ปี สุรพล สมบัติเจริญ ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2545)
จากอัลบั้ม 30 ปี สุรพล สมบัติเจริญ ชุดที่ 2 (พ.ศ. 2545)
จากอัลบั้ม 30 ปี สุรพล สมบัติเจริญ ชุดที่ 3 (พ.ศ. 2545)
จากอัลบั้ม ดีที่สุด ชุดที่ 1 - สุรพล สมบัติเจริญ (พ.ศ. 2545)
จากอัลบั้ม ใจสยิว (พ.ศ. 2525)
จากอัลบั้ม แม่ไม้เพลงไทย (พ.ศ. 2533)
จากอัลบั้ม หัวแก้วหัวแหวน ชุดที่ 4 มาลัยดอกรัก (พ.ศ. 2538)
จากอัลบั้ม หัวแก้วหัวแหวน ชุดที่ 5 สมัครรักสมัครแฟน (พ.ศ. 2538)
จากอัลบั้ม มนต์เพลงสุรพล ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม มนต์เพลงสุรพล ชุดที่ 2 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม มนต์เพลงสุรพล ชุดที่ 3 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม มนต์เพลงสุรพล ชุดที่ 4 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม มนต์เพลงสุรพล ชุดที่ 5 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 7 (พ.ศ. 2535)
จากอัลบั้ม พยงค์ มุกดา ฝากไว้ในแผ่นดิน ชุดที่ 2 จากใจผูกพัน (พ.ศ. 2547)
จากอัลบั้ม พยงค์ มุกดา ฝากไว้ในแผ่นดิน ชุดที่ 2 จากใจผูกพัน (พ.ศ. 2547)
รวมเพลงอมตะยอดรัก 85 ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2528)
จากอัลบั้ม ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 16 (พ.ศ. 2538)
จากอัลบั้ม ยอดรัก 43 (พ.ศ. 2543)
จากอัลบั้ม เปิดกรุเพลงดัง สุรพล สมบัติเจริญ (พ.ศ. 2548)
จากอัลบั้ม คำภีร์ลูกทุ่ง (พ.ศ. 2545)
จากอัลบั้ม หยิบสิบ (พ.ศ. 2533)
จากอัลบั้ม หัวใจเดาะ (พ.ศ. 2540) • จอย บียอนด์
จากอัลบั้ม โปรเจ็กต์พิเศษ 90 ปี สุรพล สมบัติเจริญ [3] (พ.ศ.2567) รางวัลที่ได้รับ
ครอบครัวสุรพล สมบัติเจริญ สมรสกับ ศรีนวล สมบัติเจริญ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) มีบุตร-ธิดารวม 5 คน ดังนี้
หลังจากการเสียชีวิตเมื่อ สุรพล สมบัติเจริญ เสียชีวิตได้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2511 ณ วิกแสงจันทร์ จ.นครปฐม โดยบิดาของสุรพล (เปลื้อง สมบัติเจริญ) ได้ลงทุนสร้างหนังเรื่อง สุรพล ลูกพ่อ เพื่อเป็นอนุสรณ์แต่ราชาเพลงลูกทุ่งและระลึกถึงสุรพล ในนาม สมบัติเจริญ ภาพยนตร์ โดยมีครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ กำกับการแสดง ภาพยนตร์ สุรพลลูกพ่อ นำแสดงโดย บรรจบ ใจพระ (ปัจจุบันชื่อ บรรจบ เจริญพร) คู่กับ โสภา สถาพร โดยเปลื้อง สมบัติเจริญ ก็ได้นำครอบครัวของตน ไปเข้าร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย (ยกเว้นศรีนวล สมบัติเจริญ ภรรยา , ลูกสะใภ้และสมาชิกวงดนตรีของสุรพล) ที่ไปร่วมงานหนังอัตชีวิตของสุรพลในอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งฉายพร้อมกันในช่วงปลายปี พ.ศ. 2511 และภาพยนตร์เรื่อง 16 ปีแห่งความหลัง เข้าฉายเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2511 นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา , เพชรา เชาวราษฎร์ โดย ทองใบ รุ่งเรือง (คนสนิทของสุรพล) ก็ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย[5] ต่อมา ครอบครัวสมบัติเจริญ ได้สร้างหอระฆังมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท มอบถวายแก่วัดไชนาวาส ถ.ประชาธิปไตย ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมกับปั้นรูปปั้นสุรพลตั้งไว้บนหอระฆังดังกล่าว[6] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|