เหตุไฟไหม้ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2556
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 เกิดเหตุไฟไหม้ที่ ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านแม่สุริน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้ผู้ลี้ภัยซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยง จากประเทศพม่า โดยไฟเริ่มลุกไหม้ในเวลาประมาณ 16:00 น ใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณสองชั่วโมง[2] ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากอากาศร้อนและลมแรง ทำให้ลมพัดสเก็ดไฟจากต้นเพลิงไปยังจุดอื่น[3] ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย นอกจากนี้ยังทำลายบ้านเรือนอีกหลายร้อยหลังอีกด้วย คาดว่าสาเหตุเกิดจากการทำอาหาร[4] ผู้เสียชีวิตและผลกระทบยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ครั้งนี้อยู่ที่ 37 ราย แบ่งเป็นชาย 21 ราย และหญิง 16 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 35 ราย ส่วนอีก 2 ราย เสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมา เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตจากไฟไหม้ ในขณะที่บางส่วน สำลักควันไฟทำให้หายใจไม่ออก[5] ทั้งนี้ มีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 62 ราย แต่ภายหลังได้มีการแก้ไขตัวเลขดังกล่าว[6] ในส่วนของผู้บาดเจ็บ มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้อย่างน้อย 100 ราย[4] และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอื่น ๆ มากกว่า 200 ราย เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ได้ทำลายกระท่อมไม้ไผ่ซึ่งใช้เป็นที่พักพิงของผู้อพยพจำนวนหลายร้อยหลัง รวมถึงคลินิกการแพทย์ โรงพยาบาล และโกดังอาหารทั้งสองแห่งของค่ายผู้อพยพ[7] ผู้อพยพอย่างน้อย 2,300 คน ไม่มีที่พักพิงหลังเกิดเพลิงไหม้ ต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ชั่วคราว รวมถึงได้รับสนับสนุนอาหาร และเสื้อผ้า โดย คณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ บริการผู้ลี้ภัยเยซูอิต และ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน รวมถึงกลุ่มช่วยเหลืออื่น ๆ[5] นอกจากนี้ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง โดยรถที่นำเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิงเสือไฟ จากจังหวัดกาญจนบุรี ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำลงข้างทาง บริเวณถนนสายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ในเขตตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และ บาดเจ็บอีก 10 นาย[8] ผลสืบเนื่องหลังเหตุการณ์มีการสั่งย้ายผู้กับการสถานีตำรวจภูธรขุนยวม ให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยในคำสั่งระบุว่าได้ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่เข้าพื้นที่ไปดูแลในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์อพยพบ้านแม่สุรินล่าช้า[9] ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสาเหตุมีพยานบุคคลอ้างว่าเห็นเฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินบินผ่านเหนือศีรษะหลายครั้ง ก่อนทิ้ง "ประกายไฟ" ตกลงบนหลังคาของกระท่อมที่เป็นต้นเพลิง[10] การสอบสวนพบร่องรอยของฟอสฟอรัสที่ต้นเพลิง ซึ่งทำให้หัวหน้าทีมสอบสวนคาดว่าไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุ[10] โดยไฟได้ลุกไหม้พร้อมกันในโซน 1 และโซน 4 ตรงปลายทั้งสองข้างของค่าย[11] นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มในค่ายยังรายงานว่าเต็นท์ที่อยู่อาศัยจำนวนสองหลังที่อยู่ห่างจากค่ายถูกเผาพร้อมกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะเป็นการวางเพลิง[12] อ้างอิง
|