เอโมจิรูปหนึ่ง ประดิษฐ์โดยโครงการโนโต
เอโมจิ (ญี่ปุ่น : 絵文字( えもじ ) ) หรือ อิโมจี (อังกฤษ : emoji )[ 1] คือตัวหนังสือความคิด และสไมลีย์ ที่ใช้กันในข้อความอิเล็กทรอนิกส์และเว็บเพจ เอโมจิปรากฏในหลายรูปแบบ เช่น การแสดงสีหน้าและกิริยาอาการ วัตถุ สถานที่ ลมฟ้าอากาศ สัตว์ เป็นต้น เอโมจิมีลักษณะเหมือนสัญรูปอารมณ์ มาก แต่มาจากรูปภาพจริงแทนที่จะมาจากตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายวรรคตอนประสมกันอย่างสัญรูปอารมณ์[ 2] เดิมคำ เอโมจิ มีความหมายว่า ตัวหนังสือภาพ โดยมาจากคำ เอะ (絵 , "ภาพ") ประสมกับคำ โมจิ (文字 , "ตัวหนังสือ") ความคล้ายคลึงระหว่างรูปอักษรโรมันของคำนี้ (คือ emoji ) กับคำ emotion และ emoticon ในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น[ 3]
อีโมจิมีต้นกำเนิดมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2542 โดยนายชิเกตากะ คูริตะ ผู้มีอาชีพนักออกแบบของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเพื่อช่วยให้การสื่อสารทางโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นง่ายขึ้น ในครั้งนั้นเขาได้คิดค้นอีโมจิรวมทั้งหมด 176 แบบ[ 4]
ในคริสต์ทศวรรษ 2010 เอโมจิได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกหลังจากที่มีการเพิ่มเอโมจิเข้าไปในระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ หลายระบบ[ 5] [ 6] [ 7] ปัจจุบันถือว่าเอโมจิเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประชานิยม ในโลกตะวันตก[ 8] ในปี พ.ศ. 2558 ออกซฟอร์ดดิกชันนารีส์ ประกาศให้เอโมจิรูปใบหน้ากับน้ำตาแห่งความยินดี (Face with Tears of Joy emoji) เป็นคำแห่งปี[ 9]
อ้างอิง
↑ "emoji Meaning in the Cambridge English Dictionary" . สืบค้นเมื่อ March 30, 2017 .
↑ Hern, Alex (February 6, 2015). "Don't know the difference between emoji and emoticons? Let me explain" . The Guardian .
↑ Taggart, Caroline (November 5, 2015). "New Words for Old: Recycling Our Language for the Modern World" . Michael O'Mara Books. สืบค้นเมื่อ October 25, 2017 – โดยทาง Google Books. Hard on the heels of the emoticon comes the Japanese-born emoji , also a DIGITAL icon used to express emotion, but more sophisticated in terms of imagery than those that are created by pressing a colon followed by a parenthesis. Emoji is made up of the Japanese for picture (e ) and character (moji ), so its resemblance to emotion and emoticon is a particularly happy coincidence.
↑ "วิธีสร้าง emoji ส่วนตัวไว้ใช้เอง บนมือถือและคอมพิวเตอร์" เว็บไซต์ รุ่นไหนดี Roonnhaidee
↑ Blagdon, Jeff (March 4, 2013). "How emoji conquered the world" . The Verge . Vox Media. สืบค้นเมื่อ November 6, 2013 .
↑ Adam Sternbergh (November 16, 2014). "Smile, You're Speaking EMOJI: The fast evolution of a wordless tongue" . New York .
↑ "Android – 4.4 KitKat" . android.com .
↑ "How Emojis took center stage in American pop culture" . NBC News . July 17, 2017.
↑ "Oxford Dictionaries 2015 Word of the Year is an Emoji" . PBS Newshour. November 17, 2015. สืบค้นเมื่อ August 23, 2017 .
แหล่งข้อมูลอื่น