โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (อังกฤษ: The Demonstration School of Bansomdejchaopraya Rajabhat University; ย่อ: บ.ส. / satit bsru) เรียกอย่างย่อว่า สาธิตบ้านสมเด็จ เป็นโรงเรียนในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ก่อตั้งโดย สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2439 ปัจจุบันโรงเรียนมีอายุ 128 ปี โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และเคยเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงเทพมหานครฝั่งธนบุรี[1] โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ ปัจจุบันตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 1061 ซอยอิสรภาพ 15 ถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง ได้แก่ อาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) อาคารสุริยาคาร (อาคาร 19) และอาคารวิทยาศาสตร์ (อาคาร 20) โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จเป็นโรงเรียนที่มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความเป็นเลิศทางวิชาการ เป็นต้นแบบฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู นำนวัตกรรมทางการศึกษามาจัดการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานให้มีคุณภาพตามมาตรฐานโรงเรียนชั้นนำ โรงเรียนผลิตศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราปต์ นักเขียน นักแสดง นักวิจัย บุคคลากรทางการศึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ เป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่อง "อิสระและเสรีภาพของนักเรียน" เป็นอย่างมาก ดังเห็นได้จากคำกล่าวของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ อาจารย์เจียมศักดิ์ คงสงค์ ที่ได้เคยกล่าวไว้ว่า "เด็กไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไม่ต้องขังคอก"[2] เนื่องจากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยจึงทำให้โรงเรียนไม่มีประตูและรั้วเหมือนโรงเรียนอื่น ทำให้นักเรียนสามารถเข้าออกโรงเรียนได้อย่างอิสระ ตอนพัก นักเรียนสามารถออกมาหาซื้ออุปกรณ์การเรียน ถ่ายเอกสาร ได้ด้วยตนเองทำให้เกิดความคล่องตัวในการใช้ชีวิตภายในโรงเรียน ในช่วงพักกลางวันนักเรียนส่วนใหญ่มักจะออกไปรัปประทานอาหารข้างหน้าปากซอยหรือบิ๊กซีอิสรภาพ บางกลุ่มก็อาจจะไปไกลถึงไอคอนสยาม วังหลังหรือเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ทำให้นักเรียนได้ฝึกความรับผิดชอบและการบริหารเวลาไปโดยปริยาย ประวัติพ.ศ. 2439 สถานศึกษาอันมีชื่อว่า “บ้านสมเด็จเจ้าพระยา” เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะตั้งโรงเรียน Public School แบบอังกฤษโดยโปรดให้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ มีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็นประธานที่ประชุมเห็นว่าจวนของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งพระยาสีหราชเดโชชัย หลานปู่ของสมเด็จเจ้าพระยาฯ น้อมเกล้าฯ ถวายไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 เป็นที่กว้างขวางใหญ่โตเห็นสมควรจัดตั้งเป็นโรงเรียน ให้ชื่อว่า “โรงเรียนราชวิทยาลัย” เปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2439 แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “โรงเรียนฟากขะโน้น” หรือ “โรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ตราของโรงเรียนเป็นรูปจุลมงกุฎ การแต่งกายนุ่งผ้าสีครามแก่เสื้อขาว มีนายเอ ซี เป็นอาจารย์ใหญ่ ครั้นต่อมาการศึกษาขยายตัวขึ้นเป็นลำดับทำให้สถานที่คับ โรงเรียนราชวิทยาลัยจึงย้ายไปอยู่ที่ตำบลไผ่สิงโต ปทุมวัน ข้างวังสระปทุมวัน จวนของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ก็ว่างลง ในขณะนั้นการศึกษาระหว่างหัวเมืองกับกรุงเทพมหานครเหลื่อมล้ำกันมาก เนื่องจากคุณภาพของครูแตกต่างกันกระทรวงธรรมการจึงได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูขึ้นที่จวนของสมเด็จเจ้า “โรงเรียนฝึกหัดครูฝั่งตะวันตก” สำหรับผลิตครูที่มีคุณภาพเพื่อสอนในหัวเมือง เริ่มเปิดสอนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม บำเน็จวรญาณ เป็นอาจารย์ใหญ่ การจัดการศึกษาฝึกหัดครูระยะนั้นได้ขยายตัวออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น จึงทำให้ความจำเป็นที่จะส่งนักเรียนมาเรียน ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาลดน้อยลงทางราชการเห็นว่าการฝึกหัดอาจารย์ที่มีอยู่เดิมจะให้ได้ประโยชน์อย่างสูงควรจัด โรงเรียนประจำ จึงให้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์เทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นนักเรียนกลางวันมาอยู่ที่โรงเรียนฝึกหัดครูฝั่งตะวันตกแล้ว เรียกชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ฝั่งตะวันตก” เมื่อ พ.ศ. 2449 ขุนวิเทศดรุณกิจเป็นอาจารย์ใหญ่ และต่อมาเป็น “โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา” พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนข้าราชการพลเรือน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน) แต่ยังตั้งอยู่ที่เดิมจนถึงปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ไปอยู่ที่วังใหม่ (กรีฑาสถานแห่งชาติ (ไทย) ในปัจจุบัน) ทำให้จวนของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ว่างลง ทางราชการจึงได้ตั้งโรงเรียนมัธยมขึ้น ณ จวนสมเด็จเจ้าพระยาขึ้นใหม่ เรียกว่า “โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2458 มีพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) เป็นอาจารย์ใหญ่ รับนักเรียนประจำโดยมีโรงเรียนใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นสาขาของสถานศึกษาแห่งนี้ ได้แก่ โรงเรียนวัดอนงค์มาเป็นนักเรียนกลางวัน และจัดให้โรงเรียนมัธยมสุขุมาลัย (ตั้งอยู่ที่วัดพิชัยญาติ) โรงเรียนประถมวัดอนงค์ เป็นสาขาโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ส่วนสถานที่โรงเรียนมัธยมวัดอนงค์ไปรวมกับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาแล้วให้มอบสถานที่นั้นแก่โรงเรียนประถมวัดอนงค์ ในยุคแรก ๆ ที่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาสอนตามหลักสูตรของกรมศึกษาธิการตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ส่วน ชั้นประถม 1 – 3 ให้นักเรียนไปเรียนที่ประถมอนงค์ ชั้นมัธยม 1 – 3 ไปเรียนที่โรงเรียนสุขุมาลัย เพราะโรงเรียนทั้งสองเป็นสาขาของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และโรงเรียนทั้งสามมีความสัมพันธ์เป็นประหนึ่งโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง นักเรียนที่จบจากโรงเรียนประถมอนงค์จะมาเรียนต่อชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสุขุมาลัย และเมื่อจบจากโรงเรียนสุขุมาลัยแล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาโดยไม่ต้องสมัครเข้าเรียนใหม่ การบริหารโรงเรียนขึ้นอยู่กับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ถึงปี พ.ศ. 2459 จึงได้ขอเปิดชั้นมัธยมตอนปลายปีที่ 7 และมัธยมปีที่ 8 ในปีต่อมา ในขณะนั้นประเภทนักเรียน แบ่งนักเรียนเป็นสองประเภท คือ นักเรียนประจำโรงเรียน กินอยู่ หลับนอนในโรงเรียน และนักเรียนกลางวัน เช้ามาเรียนเย็นกลับบ้าน โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีต สีประจำโรงเรียน คือ สีม่วง สีขาว หมวกพื้นสีม่วง ตราประจำโรงเรียนคือ รูปตราสุริยมณฑล ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) และคติพจน์ประจำโรงเรียน คือ สจฺจํ เว อมตา วาจา (วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย) อักษรย่อของโรงเรียนคือ "บ.ส." การเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ มีจำนวนนักเรียนมากขึ้นทุกปี ถึงปลายปี พ.ศ. 2473 ทางราชการมีความจำเป็นจะต้องตัดถนนจากสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ผ่านสถานที่ของโรงเรียน สถานที่จึงถูกรื้อ ที่เหลือไม่เพียงพอจะทำเป็นโรงเรียนประจำอีกต่อไป พระวิเศษศุภวัตร์ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ในสมัยนั้นได้เจรจาผ่านกระทรวงธรรมการขอแลกเปลี่ยนสถานที่ตั้งโรงเรียนกับโรงเรียนศึกษานารี ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กและมีจำนวนเด็กน้อย กระทรวงธรรมการเห็นชอบจึงได้ย้ายโรงเรียนศึกษานารี (บ้านคุณหญิงพัน) ไปอยู่ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาส่วนที่เหลือและใช้ชื่อโรงเรียนศึกษานารีตามเดิม ส่วนสถานที่โรงเรียนศึกษานารีเก่าได้ดัดแปลงก่อสร้างเป็นโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาต่อไป และกระทรวงคลังมหาสมบัติได้มอบที่ดินให้อีกแปลง คือ แปลงที่ 1 ทิศใต้ของโรงเรียนศึกษานารีเดิมทำเป็นสนามและอีกแห่งหนึ่ง ตำบลบางไส้ไก่เพื่อสร้างหอนอนนักเรียน และห้องเรียน พ.ศ. 2474 โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจึงต้องย้ายมาเรียนในสถานที่ใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่นักเรียนระดับประถม และนักเรียนระดับมัธยมมาเรียนร่วมกัน ซึ่งมีทั้งนักเรียนประจำ และไม่ประจำโดยย้ายนักเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนประถมอนงค์และนักเรียนชั้นมัธยมที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสุขุมาลัย เฉพาะนักเรียนประจำของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยามาเรียนในสถานที่แห่งเดียวกัน นับแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยากับโรงเรียนประถมอนงค์และโรงเรียนสุขุมาลัยจึงเหินห่างกัน เพราะโรงเรียนทั้งสอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอีกต่อไป การดำเนินการเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับมีชื่อเสียงดีเด่นเป็นที่ปรากฏทั่วไปทั้งทางด้านการเรียน การกีฬา และนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาไปจากสถาบันนี้ออกไปประกอบอาชีพมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งในตำแหน่งทางราชการและอาชีพส่วนตัว ศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กระจายออกไปอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทั่วประเทศ บางท่านมีความเจริญก้าวหน้าถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นนำโรงเรียนหนึ่งของกรุงเทพฯ ในยุคนั้นนับว่าเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบุคคลที่สำคัญแห่งหนึ่ง พ.ศ. 2479 กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงแผนการศึกษาใหม่ให้เปลี่ยนชั้นประโยคชั้นมัธยมตอนปลาย (ม.7 – ม.8) เป็นชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 1 – 2 โดยรับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าเรียนต่ออีก 2 ปี จึงได้ยุบมัธยมสามัญตอนปลายในโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คงให้เปิดสอนเพียงมัธยมปีที่ 6 พ.ศ. 2484 กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายผลิตครูมากขึ้นจึงให้เปิดสอน แผนกฝึกหัดครูอีกแผนกหนึ่ง มีชื่อ “โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” คู่กับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แผนกฝึกหัดครูแห่งนี้เปิดรับนักเรียนทุนของจังหวัด ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และได้เปิดสอนหลักสูตรประโยคครูประถม (ป.ป.) เป็นโรงเรียน พ.ศ. 2499 ได้ยุบหลักสูตรดังกล่าวและเปิดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง พ.ศ. 2501 โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้ยกฐานะเป็น วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและโรงเรียนมัธยมศึกษาบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และเปลี่ยนเป็น โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2530 คณะผู้บริหารของวิทยาลัยในขณะนั้นได้พิจารณาแยกการบริหารงานโรงเรียนสาธิตออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายประถมศึกษาเป็นโรงเรียนประถมสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 – ป.6 โดยอาศัยตึกครุศาสตร์ชั้น 2 อาคาร 9 เป็นที่เรียน ส่วนฝ่ายมัธยมเป็นโรงเรียนมัธยมสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้น ม.1 – ม.6 โดยใช้อาคารเรียนหลังเดิมและอาคารวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นที่เรียน พ.ศ. 2535 ได้มีประกาศใช้ “พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ” วิทยาลัยครูทั่วประเทศจึงเปลี่ยนสภาพมาเป็นสถาบันราชภัฏดังนั้นโรงเรียนมัธยมสาธิตจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” พ.ศ. 2544 คณะผู้บริหารสถาบันราชภัฏได้ดำเนินการขออนุมัติสร้างอาคารประถมสาธิตฯ เป็นอาคาร 6 ชั้น ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 28 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จและย้ายมาอยู่อาคารใหม่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2545 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 โดยรองศาสตราจารย์ ดร.สุพล วุฒิเสน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาใช้อาคารวิเศษศุภวัตรเป็นอาคารเรียนสำหรับจัดการศึกษาให้เด็กอายุ 3-5 ปี แบ่งเป็น 3 ระดับชั้นคือชั้น อนุบาลศึกษาปีที่ 1-3 และเริ่มเปิดรับนักเรียนชั้นอนุบาลศึกษา ปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2547 เป็นรุ่นแรก 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 สถาบันราชภัฏทุกแห่งได้รับการยกวิทยฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ดั้งนั้น ได้ลงประกาศในราชกิจนุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 121 ตอน 23 ก ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ดังนั้น โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” พ.ศ. 2550 ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการบริหารส่วนงานภายในของสถาบันอุดมศึกษา โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้จัดตั้งการจัดตั้งโรงเรียนสาธิตขึ้นมา ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนประถมสาธิต และ โรงเรียนมัธยมสาธิต โดยแต่ละโรงเรียนจะมีผู้อำนวยการเป็นผู้บริหาร และขึ้นตรงต่อโรงเรียนสาธิตโดยมี นายทวีศักดิ์ จงประดับเกียรติ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต พ.ศ. 2552 โรงเรียนสาธิตมีกาจัดตั้งเป็น "สำนักโรงเรียนสาธิต" เดิมการบริหารงานของโรงเรียนสาธิตเป็นหน่วยงานย่อยสังกัดคณะครุศาสตร์ จากการบริหารงานพบว่าไม่มีความคล่องตัวในการบริหารงานจึงแยกโรงเรียนสาธิตออกจากคณะครุศาสตร์และจัดตั้งเป็นส่วนงานภายในเรียกว่า "สำนักโรงเรียนสาธิต" ประกอบด้วยศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนประถมสาธิต และโรงเรียนมัธยมสาธิต โดยให้มีการบริหารและจัดการภายในหน่วยงานเองโดยใช้งบรายได้ของโรงเรียน 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีประกาศสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ให้จัดตั้งโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาขึ้นเป็นส่วนงานภายในที่มีฐานะเทียบเท่าคณะแทนสำนักโรงเรียนสาธิต เพื่อให้เกิดเอกภาพในการบริหารจัดการ โดยโรงเรียนสาธิตประกอบด้วยศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัน โรงเรียนประถมสาธิต และมัธยมสาธิตโดยมี นายทวีศักดิ์ จงประดับเกียรติ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ทำเนียบผู้บริหาร
อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกอาคารโรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ ประกอบด้วยอาคารเรียนหลัก 3 หลัง ได้แก่
สิ่งอำนวยความสะดวกและการเรียนรู้
หลักสูตร
อ้างอิง
|