ไกลโคไลซิสไกลโคไลซิส (อังกฤษ: Glycolysis; จาก glycose ซึ่งเป็นรูปเก่าของ[1] glucose + -lysis การเสื่อมสลาย) เป็นวิถีเมทาบอลิกที่เปลี่ยนกลูโคส (C6H12O6) ไปเป็นไพรูเวต (CH3COCOO− หรือกรดไพรูวิก) และไฮโดรเจนไอออน (H+) โดยพลังงานอิสระเทอร์มอไดนามิกที่ถูกปล่อยออกในกระบวนการนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างโมเลกุลพลังงานสูง ATP (adenosine triphosphate) กับ NADH (reduced nicotinamide adenine dinucleotide)[2][3][4] ไกลโคไลซิสเป็นชุดของกระบวนการทางเคมีที่มีเอนไซม์เร่งสิบกระบวนการ โมโนแซ็กคาไรด์ส่วนใหญ่ เช่น ฟรุกโตส กาแล็กโทส สามารถถูกแปลงไปเป็นหนึ่งในสารมัธยันตร์ (intermediates) ในกระบวนการไกลโคไลซิสได้ สารมัธยันตร์เหล่านี้อาจถูกนำไปใช้โดยตรงหรือเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการไกลโคไลซิสต่อก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นสารมัธยันตร์ dihydroxyacetone phosphate (DHAP) นั้นเป็นแหล่งกำเนิดกลีเซอรอลที่ซึ่งรวมเข้ากับกรดไขมันเป็นไขมัน ในสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ ไกลโคไลซิสนั้นเกิดขึ้นในไซโทซอล ชนิดของไกลโคไลซิสที่พบมากที่สุดคือวิถี Embden-Meyerhof-Parnas (EMP pathway) ที่ซึ่งค้นพบโดย Gustav Embden, Otto Meyerhof และ Jakub Karol Parnas ไกลโคไลซิสนั้นอาจหมายถึงวิถีอื่น ๆ ก็ได้ เช่นวิถี Entner–Doudoroff pathway อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่วิถี Embden-Meyerhof-Parnas pathway เป็นหลัก[5] วิถีของไกลโคไลซิสสามารถแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ[3]
ภาพรวมภาพรวมปฏิกิริยาไกลโคไลซิสคือ การใช้สัญลักษณ์ในสมการด้านบนนี้อาจทำให้เหมือนกับสมการนี้ไม่สมดุลที่อะตอมออกซิเจน ไฮโดรเจน และประจุ ที่ซึ่งในความเป็นจริงนั้นสมดุลอะตอมจะสมดุลโดยหมู่ฟอสเฟต (Pi) สองอัน:[6]
ส่วนสมดุลประจุนั้นสมดุลด้วยความแตกต่างระหว่าง ADP กับ ATP ในสภาแวดล้อมเซลล์ หมู่ไฮดรอกซิลทั้งสามของ ADP จะคลายพันธะออกเป็น −O− and H+ ที่ซึ่งทำให้ ADP3− และไอออนของมันมีแนวโน้มจะคงอยู่ในพันธะไอออนิกกับ Mg2+ ซึ่งทำให้เกิด ADPMg− ATP นั้นเหมือนกันแต่ต่างเพียงว่ามันมีหมู่ไฮดรอกซิลสี่หมู่ จึงทำให้เกิด ATPMg2− แทน จากความต่างนี้และประจุแท้จริงบนหมู่ฟอสเฟตสองหมู่นี้เท่ากัน ประจุสุทธิจะอยู่ที่ −4 ต่อฝั่ง ที่ซึ่งสมดุลกัน อ้างอิง
|