Share to:

 

Tendinopathy

Tendinopathy
ชื่ออื่น[1] tendinosus[2]
เส้นเอ็นหวายที่มักมีปัญหา
สาขาวิชาPrimary care
อาการเจ็บ บวม[3]
สาเหตุบาดเจ็บ ทำกิจกรรมซ้ำ [3]
วิธีวินิจฉัยอาการ การตรวจร่างกาย ภาพจากเครื่องมือ[4]
การรักษาพักผ่อน, ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์, เข้าเฝือกหรือใช้อุปกรณ์ยึด, กายภาพบำบัด[5]
พยากรณ์โรค80% ของโรคเนื่องกับการใช้งานเกินจะดีขึ้นใน 6 เดือน[2]
ความชุกสามัญ[3][2]

Tendinopathy เป็นโรคเอ็นชนิดหนึ่งที่ทำให้เจ็บ บวม หรือพิการ[3][1] มักจะเจ็บมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว[6] มักเป็นที่ไหล่ (rotator cuff tendinitis, biceps tendinitis) ข้อศอก (tennis elbow, golfer's elbow) ข้อมือ สะโพก เข่า (jumper's knee, popliteus tendinopathy) หรือข้อเท้า (Achilles tendinitis)[3][7][2]

โรคอาจจะเกิดจากการบาดเจ็บหรือทำอะไรซ้ำ [3] เหตุเกิดที่มีน้อยกว่าอื่น ๆ รวมทั้งการติดเชื้อ ข้ออักเสบ โรคเกาต์ โรคไทรอยด์ เบาหวาน และการใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม quinolone[8][9] กลุ่มเสี่ยงรวมทั้งกรรมกร นักดนตรี และนักกีฬา[10] การวินิจฉัยปกติจะอาศัยอาการ การตรวจร่างกาย และบางครั้ง ภาพจากอุปกรณ์[4] ในไม่กี่อาทิตย์หลังการบาดเจ็บ อาการบวมก็จะมีน้อยหรือไม่มีเลย โดยปัญหาพื้นฐานจะเป็นเพราะเส้นใยฝอย (fibrils) ของเส้นเอ็นอ่อนแอหรือเสียหาย[11]

การรักษาอาจรวมการพักผ่อน ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ การเข้าเฝือกหรือใช้อุปกรณ์ยึด และกายภาพบำบัด[5] การรักษาที่สามัญน้อยกว่ารวมทั้งการฉีดยาสเตอรอยด์หรือการผ่าตัด[5] คนไข้ชนิดใช้งานเกินประมาณ 80% จะหายดีเป็นปกติใน 6 เดือน[2] โรคค่อนข้างจะสามัญ[3] ผู้สูงอายุมีปัญหามากกว่า[10] เป็นโรคที่ทำให้คนขาดงานมาก[2]

อาการ

อาการรวมทั้งกดแล้วเจ็บ บวม เจ็บ มักเกิดเมื่อออกกำลังหรือเมื่อขยับอวัยวะ[12]

เหตุ

เหตุเกิดรวมทั้งการบาดเจ็บหรือการทำกิจกรรมซ้ำ [3] กลุ่มเสี่ยงรวมกรรมกร นักดนตรีและนักกีฬา[10] เหตุเกิดที่มีน้อยกว่ารวมทั้งการติดเชื้อ ข้ออักเสบ โรคเกาต์ โรคไทรอยด์ และเบาหวาน[9] วิธีรักษาที่ได้ผลรวมทั้งกายภาพบำบัดและ/หรือการผ่าตัด[13] โรคอ้วน โดยเฉพาะคือภาวะเนื้อเยื่อไขมันมาก (adiposity) อาจทำให้เสี่ยงโรคมากขึ้น[14]

ยาปฏิชีวนะกลุ่ม quinolone ทำให้เสี่ยงเป็นเส้นเอ็นอักเสบและเส้นเอ็นฉีกเพิ่มขึ้น[15] งานทบทวนเป็นระบบปี 2013 พบว่าอัตราการเกิดเอ็นบาดเจ็บของผู้ใช้ยา fluoroquinolones อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 0.08-0.2[16] เป็นยาที่มักมีผลต่อเส้นเอ็นรับน้ำหนักในอวัยวะส่วนล่าง โดยเฉพาะเอ็นร้อยหวาย ซึ่งมักฉีกในคนไข้ในอัตราถึงร้อยละ 30-40[17]

ประเภท

  • Achilles tendinitis
  • Calcific tendinitis
  • Patellar tendinitis (jumper's knee)

พยาธิสรีรภาพ

จนถึงปี 2016 ความเข้าใจทางพยาธิสรีรวิทยาของโรคก็ยังไม่ดี แม้การอักเสบจะเป็นปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างความเปลี่ยนแปลงที่โครงสร้างเนื้อเยื่อ การทำงานของเส้นเอ็น และความเจ็บก็ยังไม่ชัดเจน มีแบบจำลองที่แข่งกันหลายอย่างซึ่งก็ยังไม่ได้ทดสอบความสมเหตุผลอย่างบริบูรณ์ และก็ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นเท็จอีกด้วย[18][19] กลไกระดับโมเลกุลของการอักเสบรวมทั้งการปล่อยสารทำให้อักเสบกลุ่มไซโตไคน์ เช่น IL-1β ซึ่งลดการแสดงออกของ collagen mRNA กลุ่ม 1 ในเซลล์เอ็น (tenocyte) ซึ่งทำให้สารเคลือบเซลล์ (extracellular matrix) ของเอ็นเสื่อม[20] งานทบทวนอย่างเป็นระบบปี 2020 พบว่า แม้จะมีสารบ่งชี้การอักเสบ (inflammatory marker) ในงานศึกษาที่ได้ทบทวนถึง 2 ใน 3 แต่ความต่าง ๆ กันของข้อมูล และการไร้งานศึกษาที่เทียบกันได้จึงหมายความว่า ไม่สามารถสรุปในงานศึกษานี้ได้ว่าโรคมีพยาธิสรีรภาพที่เหมือน ๆ กัน[21]

ในทางทฤษฎี ปัจจัยของโรคมีหลายอย่างรวมทั้งเอ็นยืดเกิน (tensile overload), ความเสียหายของเซลล์เส้นเอ็นที่มีหน้าที่สังเคราะห์คอลลาเจน, การขาดเลือดเพราะรับน้ำหนักเกิน, เส้นประสาทงอก (neural sprouting), ความเสียหายเพราะเย็นหรือร้อนเกิน และการตอบสนองแบบปรับตัวของร่างกายต่อแรงอัด โดยการขยับเลื่อนของมัดใยเส้นเอ็น (fascicle) ต่าง ๆ และแรงเฉือน (shear force) ที่ผิวของ (interface) มัดใยเส้นเอ็นอาจเป็นปัจจัยสำคัญให้เกิด tendinopathy และทำให้เส้นเอ็นฉีกได้ง่าย[22]

เหตุเกิดที่ยอมรับกันมากที่สุดสำหรับสภาวะนี้ก็คือ การใช้อวัยวะมากเกินบวกกับปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งขัดขวางกระบวนการรักษาตัวเองตามธรรมชาติ โดยอาจทำให้ล้มเหลวได้อย่างสิ้นเชิง โรคมีผลเป็นเซลล์ตาย (cellular apoptosis), สารเคลือบเซลล์ผิดระเบียบ (matrix disorganization) และเส้นเลือดงอก (neovascularization)[23]

ลักษณะคลาสสิกของ "tendinosis" (โรคเอ็น, เส้นเอ็นผิดปกติ) ก็คือผิวเส้นเอ็น (collagenous matrix) เสื่อม, เซลล์เกิดมากผิดปกติ (hypercellularity) และเส้นเลือดเกิดมากผิดปกติ (hypervascularity) โดยไม่มีเซลล์ที่อักเสบ ดังนั้น จึงเป็นลักษณะที่คัดค้านชื่อผิดดั้งเดิมว่า "tendinitis" (เส้นเอ็นอักเสบ)[24][25]

สำหรับโรคข้อศอกเทนนิสเรื้อรัง สิ่งที่ตรวจพบทางจุลกายวิภาครวมทั้งเนื้อเยื่อแกรนูเลชัน, เส้นใยที่ฉีกออก (microrupture) และเอ็นเสื่อม โดยไม่มีการอักเสบที่เคยคิดว่ามี ดังนั้น จึงอาจเรียกว่าเป็น lateral elbow tendinopathy หรือ tendinosis ได้ดีกว่า lateral epicondylitis[26] มีโรคข้อศอกเทนนิสที่มีเนื้อเยื่อผิดปกติแต่ไม่อักเสบ ดังนั้น จึงเรียกได้ด้วยว่า angio-fibroblastic tendinosis[27]

จานเพาะเส้นเอ็นที่ผิดปกติพบว่า มีการผลิตคอลลาเจนแบบ 3 (type III collagen) เพิ่ม[28][29]

การดูภาพอัลตราซาวนด์ตามยาว (longitudinal sonogram) ของปุ่มข้อศอกด้านข้างพบว่า common extensor tendon หนาขึ้นและมีความต่าง ๆ กัน ซึ่งเป็นลักษณะของ tendinosis โดยภาพแสดงการเกาะแคลเซียม, รอยฉีกที่เส้นเอ็น และความผิดปกติที่ชัดเจนของปุ่มกระดูก lateral epicondyle แม้มักจะใช้คำว่า "epicondylitis" สำหรับภาวะโรคนี้ แต่สภาพทางจุลพยาธิวิทยาก็ไม่แสดงการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นโรคแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง งานศึกษาทางจุลพยาธิวิทยาแสดงว่า สภาวะโรคนี้เป็นผลของความเสื่อมสภาพของเส้นเอ็น (tendon degeneration) คือ เนื้อเยื่อปกติธรรมดาจะถูกแทนที่ด้วยคอลลาเจนที่ไม่เป็นระเบียบ ดังนั้น สภาวะโรคจึงควรเรียกว่า tendinosis หรือ tendinopathy ไม่ใช่ tendinitis[30]

อัลตราซาวนด์แบบ Colour Doppler แสดงการเปลี่ยนแปลงของเส้นเอ็นโดยโครงสร้าง บริเวณที่มีเส้นเลือด (vascularity) และบริเวณที่สะท้อนเสียงน้อย (hypo-echoic area) จะเป็นส่วนที่เจ็บของ common extensor tendon[31]

tendinopathy ที่เกิดจากการรับน้ำหนักเกินโดยไม่ฉีก (load-induced, non-rupture) ในมนุษย์สัมพันธ์กับการเพิ่มอัตราโปรตีนคอลลาเจน III:I, กับการเปลี่ยนเส้นฝอยคอลลาเจนแบบขนาดใหญ่ไปเป็นขนาดเล็ก, กับการงอ (buckling) ของมัดใยคอลลาเจนที่สารเคลือบเอ็น (extracellular matrix) และกับการงอของเซลล์เส้นเอ็น (tenocyte) รวมทั้งตัวนิวเคลียส[32]

วินิจฉัย

ภาพแสดงเส้นเอ็นอันเสบ (tendonitis) และการฉีกของเส้นเอ็น (tendon rupture)

อาการจะต่าง ๆ กันรวมทั้งเจ็บปวด ขยับข้อต่อไม่สะดวก ชาหรือร้อนรอบ ๆ ข้อต่อในที่ที่เส้นเอ็นอักเสบ ในบางกรณี จะมีอาการบวม ร้อน และแดง โดยอาจจะเห็นเป็นปม ๆ ที่ข้อต่อ ปกติจะเจ็บเพิ่มขึ้นในช่วงทำกิจกรรมและหลังกิจกรรม โดยเอ็นและข้อต่ออาจขยับได้ไม่สะดวกในวันต่อไปเพราะกล้ามเนื้อเกร็งเพราะการขยับเอ็น คนไข้จำนวนมากรายงานความเครียดในชีวิตโดยสัมพันธ์กับการเริ่มเจ็บ ซึ่งอาจมีผลต่ออาการ[ต้องการอ้างอิง]

การสร้างภาพทางแพทย์

อาจดูภาพอัลตราซาวด์เพื่อตรวจความตึงของเนื้อเยื่อและลักษณะทางกายภาพอื่น [33] วิธีนี้เริ่มนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะราคาไม่แพง ปลอดภัย และทำได้เร็ว และสามารถใช้สร้างภาพเนื้อเยื่อ โดยคลื่นเสียงจะสามารถให้ข้อมูลทางกายภาพอื่น ๆ ของเนื้อเยื่อ[34]

การรักษา

การรักษาปัญหาเส้นเอ็นโดยมากเป็นเชิงอนุรักษ์ มักใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs), ให้พักผ่อน และให้ค่อย ๆ เพิ่มออกกำลังกาย การพักผ่อนจะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเอ็นเสียหายเพิ่มขึ้น การประคบน้ำแข็ง การใช้ผ้ารัด และการยกอวัยวะขึ้นสูงก็มักจะแนะนำด้วย กายภาพบำบัด อาชีวบำบัด และการใช้อุปกรณ์พยุงก็ช่วยได้เหมือนกัน โรคชนิดใช้งานเกินปกติจะฟื้นตัวในเบื้องต้นใน 2-3 วัน โดยจะฟื้นสภาพอย่างบริบูรณ์ใน 3-6 เดือน[2] Tendinosis ใช้เรียกภาวะเมื่อระยะการฟื้นสภาพเฉียบพลันได้ยุติแล้ว คือใน 6-8 อาทิตย์แต่ก็ยังมีส่วนที่หายยังไม่ดีพอ ดังนั้น การรักษา tendinitis จึงอาจลดความเสี่ยงการเกิด tendinosis ซึ่งหายได้ช้ากว่า[ต้องการอ้างอิง] มีหลักฐานเบื้องต้นว่า การยิงแสงเลเซอร์พลังต่ำ (low-level laser therapy) อาจช่วยรักษา tendinopathy[35] แต่ผลของการรักษาด้วยการนวดแบบ deep transverse friction massage (การกดเส้นแบบลึก) เพื่อรักษาข้อศอกเทนนิสหรือ lateral knee tendinitis ก็ยังไม่ชัดเจน[36]

ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์

ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs) อาจใช้ช่วยบรรเทาความปวดได้[2] แต่ก็ไม่ช่วยให้หายโรคในระยะยาว[2] ยาแก้ปวดชนิดอื่น ๆ เช่น พาราเซตามอล อาจใช้ได้ดีเท่า ๆ กัน[2]

ยาฉีดสเตอรอยด์

การฉีดสเตอรอยด์ไม่พบว่ามีประโยชน์เพื่อรักษา tendonitis ในระยะยาว แต่ก็พบว่าแก้ปวดและทำให้ใช้ชีวิตได้ดีกว่าการรักษาอย่างอื่น ๆ ในระยะสั้น ยกเว้นยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์[37] แต่ไม่ปรากฏว่ามีประโยชน์ต่อ tendinitis ที่เอ็นหุ้มข้อไหล่ (rotator cuff)[38] ยาฉีดยังอาจมีผลลบอื่น ๆ อีก[39]

ยาฉีดชนิดอื่น

การใช้ยาฉีดอื่น ๆ เป็นปกติเพื่อรักษา Achilles tendinopathy ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ยาฉีดเช่น autologous blood, platelet-rich plasma, deproteinised haemodialysate, aprotinin, polysulphated glycosaminoglycan, skin derived fibroblasts[40] อนึ่ง จนถึงปี 2014 ก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอเพื่อสนับสนุนการรักษาการบาดเจ็บด้วย platelet-rich plasma ที่เนื้อเยื่ออ่อนของกล้ามเนื้อและโครงกระดูก เช่น เอ็นยึดบาดเจ็บ กล้ามเนื้อฉีก เอ็นกล้ามเนื้อฉีก และ tendinopathy[41]

พยากรณ์โรค

tendinosus เพราะใช้งานเกินปกติจะฟื้นตัวในเบื้องต้นใน 2-3 เดือน และคนไข้ 80% จะฟื้นสภาพอย่างบริบูรณ์ใน 3-6 เดือน[2]

วิทยาการระบาด

การบาดเจ็บของเส้นเอ็นที่เป็นเหตุและ tendinopathy ที่เป็นผล เป็นกรณีคนไข้ถึง 30% สำหรับแพทย์กีฬา และแพทย์กล้ามเนื้อและกระดูกอื่น [42] แม้โรคจะเห็นได้บ่อยสุดในนักกีฬาไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือไม่ แต่ก็เริ่มสามัญยิ่ง ๆ ขึ้นสำหรับผู้ไม่ใช่นักกีฬาและกลุ่มบุคคลที่ไม่มีกิจกรรมมาก ยกตัวอย่างเช่น ในงานศึกษากลุ่มประชากรทั่วไป คนไข้โดยมากผู้มีโรคที่เอ็นร้อยหวายไม่สัมพันธ์โรคของตนกับกิจกรรมทางกีฬา[43] งานศึกษาปี 1996 พบว่า อุบัติการณ์การเกิดโรค tendinopathy ที่เอ็นร้อยหวายในกลุ่มประชากรทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่าเมื่อเทียบช่วงปี 1979-1986 กับช่วงปี 1987-1994[44] ส่วนอุบัติการณ์โรคที่ rotator cuff อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 0.3-5.5 และความชุกของโรคต่อปีอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 0.5-7.4[45]

ศัพท์

คำว่า tendinitis ใช้กันอย่างสามัญมาก แต่ก็มักจะทำให้เข้าใจผิด เพราะคำต่อท้ายว่า "-itis" บ่งการอักเสบ (inflammation) ซึ่งเป็นการตอบสนองเฉพาะที่ของร่างกายต่อความเสียหายที่เนื้อเยื่อโดยเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และโปรตีนเลือด อนึ่ง เส้นเลือดรอบ ๆ ส่วนที่บาดเจ็บจะขยายขนาด[46] เทียบกับเส้นเอ็นปกติที่จะไม่ค่อยมีเส้นเลือด[47]

คอร์ติโคสเตอรอยด์เป็นยาที่ช่วยลดการอักเสบ อาจมีประโยชน์ลดความเจ็บปวดของโรค tendinopathy แบบเรื้อรัง ช่วยให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น และลดอาการบวมในระยะสั้น แต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคอีกในระยะยาว[48] ปกติจะฉีดกับยาชาคือลิโดเคน งานวิจัยยังพบด้วยว่าเส้นเอ็นจะไม่แข็งแรงหลังจากฉีดคอร์ติโคสเตอรอยด์

tendinitis ปัจจุบันยังเป็นวินิจฉัยที่สามัญ แม้งานวิจัยจะแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่า อาการที่เรียกว่า tendinitis ปกติจะเป็น tendinosis[49]

โรคอื่น ๆ ที่คล้ายกันทางกายวิภาคแต่จัดว่าต่างกันก็คือ

  • Enthesitis เป็นการอักเสบที่ entheses ซึ่งเป็นจุดที่เอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นยึดสอดเข้าไปในกระดูก[50][51] อาการสัมพันธ์กับโรคข้อกรรมพันธุ์โดยยีน HLA B27 เช่น กระดูกสันหลังอักเสบยึดติด, psoriatic arthritis และข้ออักเสบรีแอคทีฟ[52][53]
  • Apophysitis เป็นการอักเสบของ tubercle (ปุ่มที่เกาะของกล้ามเนื้อ) ซึ่งมักเกิดจากการใช้งานมากเกินไปของเด็กที่กำลังโต[54][55][56]

งานวิจัย

การใช้แผ่นแปะแบบ glyceryl trinitrate เพื่อส่งยาไนตริกออกไซด์ที่บริเวณที่เจ็บมากที่สุดพบว่าสามารถลดความเจ็บปวดและทำให้ใช้อวัยวะที่เป็นปัญหาได้ดีขึ้น[57]

วิธีการรักษาที่มีอนาคตอย่างหนึ่งก็คือ การให้ออกกำลังแบบ eccentric ซึ่งอาศัยการเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อกำลังยืดกล้ามเนื้ออยู่[58]

สัตว์อื่น 

Bowed tendon เป็นคำเรียกอาการอักเสบ (tendinitis) และอาการเสื่อม (degeneration) ของเส้นเอ็นที่เกิดในม้า มักพบที่เอ็น superficial digital flexor tendon ในขาหน้า Mesenchymal stem cell ที่ได้มาจากไขกระดูกหรือไขมันของม้า มักจะใช้รักษาเส้นเอ็นของม้า[59]

เชิงอรรถและอ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "Tendinopathy MeSH Browser". US National Library of Medicine (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 Wilson, JJ; Best, TM (Sep 2005). "Common overuse tendon problems: A review and recommendations for treatment" (PDF). American Family Physician. 72 (5): 811–8. PMID 16156339. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2007-09-29. สืบค้นเมื่อ 2007-04-02.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  4. 4.0 4.1 "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  5. 5.0 5.1 5.2 "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  6. "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  7. "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  8. "Fluoroquinolones and risk of Achilles tendon disorders: case-control study". British Medical Journal (ภาษาอังกฤษ). 2002-06-01. สืบค้นเมื่อ 2022-09-21.
  9. 9.0 9.1 "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  10. 10.0 10.1 10.2 "Tendinitis". National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases (ภาษาอังกฤษ). 2017-04-12. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  11. Khan, KM; Cook, JL; Kannus, P; Maffulli, N; Bonar, SF (2002-03-16). "Time to abandon the "tendinitis" myth: Painful, overuse tendon conditions have a non-inflammatory pathology". BMJ. 324 (7338): 626–7. doi:10.1136/bmj.324.7338.626. PMC 1122566. PMID 11895810.
  12. Rees, JD; Maffulli, N; Cook, J (Sep 2009). "Management of tendinopathy". Am J Sports Med. 37 (9): 1855–67. doi:10.1177/0363546508324283. PMID 19188560. S2CID 1810473.
  13. Nirschl, RP; Ashman, ES (2004). "Tennis elbow tendinosis (epicondylitis)". Instr Course Lect. 53: 587–98. PMID 15116648.
  14. Gaida, JE; Ashe, MC; Bass, SL; Cook, JL (2009). "Is adiposity an under-recognized risk factor for tendinopathy? A systematic review". Arthritis Rheum. 61 (6): 840–9. doi:10.1002/art.24518. PMID 19479698.
  15. "FDA advises restricting use of fluoroquinolones for certain infections; warns about disabling side effects that can occur". U.S. Food and Drug Administration. 2016-07-26. สืบค้นเมื่อ 2024-02-14.
  16. Stephenson, AL; Wu, W; Cortes, D; Rochon, PA (September 2013). "Tendon Injury and Fluoroquinolone Use: A Systematic Review". Drug Safety. 36 (9): 709–21. doi:10.1007/s40264-013-0089-8. PMID 23888427. S2CID 24948660.
  17. Bolon, Brad (2017-01-01). "Mini-Review: Toxic Tendinopathy". Toxicologic Pathology. 45 (7): 834–837. doi:10.1177/0192623317711614. ISSN 1533-1601. PMID 28553748. Any tendon may be affected, but fluoroquinolones, glucocorticoids, and statins most frequently affect large load-bearing tendons in the lower limb, especially the calcaneal (“Achilles”) tendon—which ruptures in approximately 30 to 40% of cases.
  18. Millar, NL; Murrell, GA; McInnes, IB (2017-01-25). "Inflammatory mechanisms in tendinopathy - towards translation". Nature Reviews. Rheumatology. 13 (2): 110–122. doi:10.1038/nrrheum.2016.213. PMID 28119539. S2CID 10794196.
  19. Cook, JL; Rio, E; Purdam, CR; Docking, SI (October 2016). "Revisiting the continuum model of tendon pathology: what is its merit in clinical practice and research?". British Journal of Sports Medicine. 50 (19): 1187–91. doi:10.1136/bjsports-2015-095422. PMC 5118437. PMID 27127294.
  20. Millar, Neal L.; Murrell, George A. C.; McInnes, Iain B. (2017-01-25). "Inflammatory mechanisms in tendinopathy - towards translation". Nature Reviews. Rheumatology. 13 (2): 110–122. doi:10.1038/nrrheum.2016.213. ISSN 1759-4804. PMID 28119539. S2CID 10794196.
  21. Jomaa, George; Kwan, Cheuk-Kin; Fu, Sai-Chuen; Ling, Samuel Ka-Kin; Chan, Kai-Ming; Yung, Patrick Shu-Hang; Rolf, Christer (2020). "A systematic review of inflammatory cells and markers in human tendinopathy". BMC Musculoskeletal Disorders. 21 (1). doi:10.1186/s12891-020-3094-y. ISSN 1471-2474. PMC 7006114. PMID 32028937.
  22. Sun, Yu‐Long; Wei, Zhuang; Zhao, Chunfeng; Jay, Gregory D.; Schmid, Thomas M.; Amadio, Peter C.; An, Kai‐Nan (2015). "Lubricin in human achilles tendon: The evidence of intratendinous sliding motion and shear force in achilles tendon". Journal of Orthopaedic Research. 33 (6): 932–937. doi:10.1002/jor.22897. ISSN 0736-0266.
  23. Charnoff, Jesse; Naqvi, Usker (2017). "Tendinosis (Tendinitis)". StatPearls. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing. PMID 28846334.
  24. Fu, SC; Rolf, C; Cheuk, YC; Lui, PP; Chan, KM (2010). "Deciphering the pathogenesis of tendinopathy: a three-stages process". Sports Med Arthrosc Rehabil Ther Technol. 2: 30. doi:10.1186/1758-2555-2-30. PMC 3006368. PMID 21144004.
  25. Abate, M; Silbernagel, KG; Siljeholm, C; Di Iorio, A; De Amicis, D; Salini, V; Werner, S; Paganelli, R (2009). "Pathogenesis of tendinopathies: inflammation or degeneration?". Arthritis Research & Therapy. 11 (3): 235. doi:10.1186/ar2723. PMC 2714139. PMID 19591655.
  26. du Toit, C; Stieler, M; Saunders, R; Bisset, L; Vicenzino, B (2008). "Diagnostic accuracy of power Doppler ultrasound in patients with chronic tennis elbow". British Journal of Sports Medicine. 42 (11): 572–576. doi:10.1136/bjsm.2007.043901. hdl:10072/22142. ISSN 0306-3674. PMID 18308874. S2CID 3274396.
  27. Nirschl, RP (October 1992). "Elbow tendinosis/tennis elbow". Clin Sports Med. 11 (4): 851–70. doi:10.1016/S0278-5919(20)30489-0. PMID 1423702.
  28. Maffulli, N; Ewen, SW; Waterston, SW; Reaper, J; Barrass, V (2000). "Tenocytes from ruptured and tendinopathic achilles tendons produce greater quantities of type III collagen than tenocytes from normal achilles tendons. An in vitro model of human tendon healing". Am J Sports Med. 28 (4): 499–505. doi:10.1177/03635465000280040901. PMID 10921640. S2CID 13511471.
  29. Ho, JO; Sawadkar, P; Mudera, V (2014). "A review on the use of cell therapy in the treatment of tendon disease and injuries". J Tissue Eng. 5: 2041731414549678. doi:10.1177/2041731414549678. PMC 4221986. PMID 25383170.
  30. McShane, JM; Nazarian, LN; Harwood, MI (October 2006). "Sonographically guided percutaneous needle tenotomy for treatment of common extensor tendinosis in the elbow". J Ultrasound Med. 25 (10): 1281–9. doi:10.7863/jum.2006.25.10.1281. PMID 16998100. S2CID 22963436.
  31. Zeisig, Eva; Öhberg, Lars; Alfredson, Håkan (2006). "Sclerosing polidocanol injections in chronic painful tennis elbow-promising results in a pilot study". Knee Surgery, Sports Traumatology, Arthroscopy. 14 (11): 1218–1224. doi:10.1007/s00167-006-0156-0. ISSN 0942-2056. PMID 16960741. S2CID 23469092.
  32. Pingel, Jessica; Lu, Yinhui; Starborg, Tobias; Fredberg, Ulrich; Langberg, Henning; Nedergaard, Anders; Weis, MaryAnn; Eyre, David; Kjaer, Michael; Kadler, Karl E. (2014). "3‐ D ultrastructure and collagen composition of healthy and overloaded human tendon: evidence of tenocyte and matrix buckling". Journal of Anatomy. 224 (5): 548–555. doi:10.1111/joa.12164. ISSN 0021-8782. PMC 3981497. PMID 24571576.
  33. Duenwald, S; Kobayashi, H; Frisch, K; Lakes, R; Vanderby, R (February 2011). "Ultrasound echo is related to stress and strain in tendon". J Biomech. 44 (3): 424–9. doi:10.1016/j.jbiomech.2010.09.033. PMC 3022962. PMID 21030024.
  34. Duenwald-Kuehl, S; Lakes, R; Vanderby, R (June 2012). "Strain-induced damage reduces echo intensity changes in tendon during loading". J Biomech. 45 (9): 1607–11. doi:10.1016/j.jbiomech.2012.04.004. PMC 3358489. PMID 22542220.
  35. Tumilty, S; Munn, J; McDonough, S; Hurley, DA; Basford, JR; Baxter, GD (February 2010). "Low level laser treatment of tendinopathy: a systematic review with meta-analysis". Photomedicine and Laser Surgery. 28 (1): 3–16. doi:10.1089/pho.2008.2470. PMID 19708800. S2CID 10634480.
  36. Loew, Laurianne M; Brosseau, Lucie; Tugwell, Peter; Wells, George A; Welch, Vivian; Shea, Beverley; Poitras, Stephane; De Angelis, Gino; Rahman, Prinon (2014-11-08). "Deep transverse friction massage for treating lateral elbow or lateral knee tendinitis". Cochrane Database of Systematic Reviews. 2014 (11): CD003528. doi:10.1002/14651858.cd003528.pub2. ISSN 1465-1858. PMC 7154576. PMID 25380079.
  37. Gaujoux-Viala, C; Dougados, M; Gossec, L (December 2009). "Efficacy and safety of steroid injections for shoulder and elbow tendonitis: a meta-analysis of randomised controlled trials". Ann. Rheum. Dis. 68 (12): 1843–9. doi:10.1136/ard.2008.099572. PMC 2770107. PMID 19054817. Conclusions: Steroid injections are well tolerated and more effective for tendonitis in the short-term than pooled other treatments, though similar to NSAIDs. No long-term benefit was shown.
  38. Mohamadi, A; Chan, JJ; Claessen, FM; Ring, D; Chen, NC (January 2017). "Corticosteroid Injections Give Small and Transient Pain Relief in Rotator Cuff Tendinosis: A Meta-analysis". Clinical Orthopaedics and Related Research. 475 (1): 232–243. doi:10.1007/s11999-016-5002-1. PMC 5174041. PMID 27469590.
  39. Dean, BJ; Lostis, E; Oakley, T; Rombach, I; Morrey, ME; Carr, AJ (February 2014). "The risks and benefits of glucocorticoid treatment for tendinopathy: a systematic review of the effects of local glucocorticoid on tendon". Seminars in Arthritis and Rheumatism. 43 (4): 570–6. doi:10.1016/j.semarthrit.2013.08.006. PMID 24074644.
  40. Kearney, RS; Parsons, N; Metcalfe, D; Costa, ML (2015-05-26). "Injection therapies for Achilles tendinopathy" (PDF). The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2015 (5): CD010960. doi:10.1002/14651858.CD010960.pub2. PMC 10804370. PMID 26009861.
  41. Moraes, Vinícius Y; Lenza, Mário; Tamaoki, Marcel Jun; Faloppa, Flávio; Belloti, João Carlos (2014-04-29). "Cochrane Database of Systematic Reviews". Cochrane Database Syst Rev. 2014 (4): CD010071. doi:10.1002/14651858.cd010071.pub3. PMC 6464921. PMID 24782334.
  42. McCormick, A; Charlton, J; Fleming, D (Jun 1995). "Assessing health needs in primary care. Morbidity study from general practice provides another source of information". BMJ. 310 (6993): 1534. doi:10.1136/bmj.310.6993.1534d. PMC 2549904. PMID 7787617.
  43. de Jonge, S.; van den Berg, C.; de Vos, R. J.; van der Heide, H. J. L.; Weir, A.; Verhaar, J. A. N.; Bierma-Zeinstra, S. M. A.; Tol, J. L. (2011-10-01). "Incidence of midportion Achilles tendinopathy in the general population". British Journal of Sports Medicine. 45 (13): 1026–1028. doi:10.1136/bjsports-2011-090342. ISSN 0306-3674.
  44. Leppilahti, Juhana; Puranen, Jaakko; Orava, Sakari (1996). "Incidence of Achilles tendon rupture". Acta Orthopaedica Scandinavica. 67 (3): 277–279. doi:10.3109/17453679608994688. ISSN 0001-6470.
  45. Littlewood, Chris; May, Stephen; Walters, Stephen (2013-10-01). "Epidemiology of rotator cuff tendinopathy: a systematic review". Shoulder & Elbow (ภาษาอังกฤษ). 5 (4): 256–265. doi:10.1111/sae.12028. ISSN 1758-5740. S2CID 74208378.
  46. "Inflammation". The Free Dictionary.
  47. "avascular". The Free Dictionary.
  48. Rees, J. D.; Stride, M.; Scott, A. (2013). "Tendons - time to revisit inflammation". British Journal of Sports Medicine. 48 (21): 1553–1557. doi:10.1136/bjsports-2012-091957. ISSN 0306-3674. PMC 4215290. PMID 23476034.
  49. Bass, Lmt (2012). "Tendinopathy: Why the Difference Between Tendinitis and Tendinosis Matters". International Journal of Therapeutic Massage & Bodywork: Research, Education, & Practice. 5 (1): 14–7. doi:10.3822/ijtmb.v5i1.153. PMC 3312643. PMID 22553479.
  50. D'Agostino, MA; Olivieri, I (June 2006). "Enthesitis". Best Practice & Research Clinical Rheumatology. Clinical Rheumatology. 20 (3): 473–86. doi:10.1016/j.berh.2006.03.007. PMID 16777577.
  51. "Enthesitis". Enthesitis. The Free Dictionary. 2009. สืบค้นเมื่อ 2010-11-27.
  52. Schett, G; Lories, RJ; D'Agostino, MA; Elewaut, D; Kirkham, B; Soriano, ER; McGonagle, D (November 2017). "Enthesitis: from pathophysiology to treatment". Nature Reviews Rheumatology (Review). 13 (12): 731–741. doi:10.1038/nrrheum.2017.188. PMID 29158573. S2CID 24724763.
  53. Schmitt, SK (June 2017). "Reactive Arthritis". Infectious Disease Clinics of North America (Review). 31 (2): 265–277. doi:10.1016/j.idc.2017.01.002. PMID 28292540.
  54. "OrthoKids - Osgood-Schlatter's Disease".
  55. "Sever's Disease". Kidshealth.org. สืบค้นเมื่อ 2014-04-29.
  56. Hendrix, CL (2005). "Calcaneal apophysitis (Sever disease)". Clinics in Podiatric Medicine and Surgery. 22 (1): 55–62, vi. doi:10.1016/j.cpm.2004.08.011. PMID 15555843.
  57. Murrell, GA (2007). "Using nitric oxide to treat tendinopathy". Br J Sports Med. 41 (4): 227–31. doi:10.1136/bjsm.2006.034447. PMC 2658939. PMID 17289859.
  58. Rowe, V; Hemmings, S; Barton, C; Malliaras, P; Maffulli, N; Morrissey, D (November 2012). "Conservative management of midportion Achilles tendinopathy: a mixed methods study, integrating systematic review and clinical reasoning". Sports Med. 42 (11): 941–67. doi:10.2165/11635410-000000000-00000. PMID 23006143.
  59. Koch, TG; Berg, LC; Betts, DH (2009). "Current and future regenerative medicine - principles, concepts, and therapeutic use of stem cell therapy and tissue engineering in equine medicine". Can Vet J. 50 (2): 155–65. PMC 2629419. PMID 19412395.

แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกโรค
ทรัพยากรภายนอก
Kembali kehalaman sebelumnya