Xenarthra เป็นชื่อของกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีรก ซึ่งในปัจจุบันเหลืออยู่แต่ในทวีปอเมริกา ต้นกำหนดของกลุ่มนี้ย้อนหลังไปได้ถึงยุคเทอร์เชียรี ตอนต้น (ประมาณ 60 ล้านปีก่อน หลังมหายุคมีโซโซอิก เล็กน้อย) การดำรงอยู่ของสัตว์กลุ่มนี้ในอเมริกาเหนือ สามารถอธิบายได้จากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอเมริกา[ 1] [ 2]
สัตว์ในกลุ่มนี้ประกอบด้วยตัวกินมด , สลอธ และ อาร์มาดิลโล ในอดีตกลุ่มนี้เคยถูกจัดหมวดหมู่ให้รวมอยู่กับตัวนิ่ม และ อาร์ดวาร์ก ภายใต้อันดับ Edentata (หมายถึง "ไร้ฟัน" เพราะสมาชิกในอันดับไม่มีฟันตัดหน้าหรือฟันกรามหน้า หรือมีฟันกรามที่ยังไม่พัฒนาดี) ต่อมาจึงได้พบว่าอันดับอีเดนตาตาประกอบไปด้วยสัตว์จากหลายตระกูลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นอันดับนี้จึงถูกยกเลิกตามมาตรฐานการจัดลำดับ ปัจจุบันตัวนิ่มและอาร์ดวาร์ก ถูกจัดอยู่ในอันดับแยกต่างหากจากกัน และกำหนดเป็นอันดับใหญ่ Xenarthra ขึ้นเพื่อสำหรับสัตว์ในตระกูลที่เหลือ โดยที่ชื่อ "Xenarthra" หมายถึง "ข้อต่อกระดูกที่แปลกประหลาด" มีที่มาจากข้อต่อกระดูกของสัตว์กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น เนื่องจากกลุ่มนี้ขาดคุณลักษณะที่เชื่อว่ามีในบรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มมีรก ประเภทอื่นที่รู้จักกัน จึงถูกจัดให้อยู่นอกกลุ่มมีรก ซึ่งเป็นกลุ่มของมีรก ประเภทอื่นในปัจจุบัน
ตามสัณฐานวิทยาของกลุ่ม Xenarthra และหลักฐานสนับสนุนจากการศึกษาระดับโมเลกุล ตัวกินมดและสลอธจัดว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากที่สุดในกลุ่ม ในอันดับ Xenarthra มักจะถูกแบ่งออกเป็น 2 อันดับ คือ อันดับ Pilosa ประกอบด้วยอันดับย่อย Vermilingua และ Folivora และอันดับ Cingulata ที่แยกต่างหาก ปัจจุบันกลุ่ม Xenarthra มีสถานะเป็น หมู่ หรือ อันดับใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของ อันดับหมู่ใหญ่ Atlantogenata [ 3] [ 4] [ 5] [ 6]
การจำแนก
XENARTHRA
อันดับ Cingulata
วงศ์ Dasypodidae : อาร์มาดิลโล่
พิงค์แฟร์รี่อาร์มาดิลโล่ , Chlamyphorus truncatus
อาร์มาดิลโล่หางเปลือยเหนือ , Cabassous centralis
อาร์มาดิลโล่หางเปลือยชาโคน , Cabassous chacoensis
อาร์มาดิลโล่หางเปลือยใต้ , Cabassous unicinctus
อาร์มาดิลโล่หางเปลือยใหญ่ , Cabassous tatouay
อาร์มาดิลโล่ขนเสียงดัง , Chaetophractus vellerosus
อาร์มาดิลโล่ขนใหญ่ , Chaetophractus villosus
อาร์มาดิลโล่ขนแอนดีน , Chaetophractus nationi
อาร์มาดิลโล่เก้าแถบ หรือ อาร์มาดิลโล่จมูกยาว, Dasypus novemcinctus
อาร์มาดิลโล่เจ็ดแถบ , Dasypus septemcinctus
อาร์มาดิลโล่จมูกยาวใต้ , Dasypus hybridus
อาร์มาดิลโล่จมูกยาวลาโนส , Dasypus sabanicola
อาร์มาดิลโล่จมูกยาวใหญ่ , Dasypus kappleri
อาร์มาดิลโล่จมูกยาวขน , Dasypus pilosus
อาร์มาดิลโล่หกแถบ หรือ อาร์มาดิลโล่เหลือง, Euphractus sexcinctus
อาร์มาดิลโล่ยักษ์ , Priodontes maximus
อาร์มาดิลโล่สามแถบใต้ , Tolypeutes matacus
อาร์มาดิลโล่สามแถบบราซิล , Tolypeutes tricinctus
พิชี่ หรือ อาร์มาดิลโล่แคระ, Zaedyus pichiy
วงศ์ †Glyptodontidae : คลิปโตดอน
วงศ์ †Pampatheriidae : แพมพาเทอเรส
อันดับ Pilosa
อ้างอิง
↑ David Archibald, J (2003). "Timing and biogeography of the eutherian radiation: Fossils and molecules compared". Molecular Phylogenetics and Evolution . 28 (2): 350–9. doi :10.1016/S1055-7903(03)00034-4 . PMID 12878471 .
↑ Woodburne, Michael O. (2010). "The Great American Biotic Interchange: Dispersals, Tectonics, Climate, Sea Level and Holding Pens" . Journal of Mammalian Evolution . 17 (4): 245–264. doi :10.1007/s10914-010-9144-8 . PMC 2987556 . PMID 21125025 .
↑ Delsuc, Frédéric; Catzteflis, François M.; Stanhope, Michael J.; Douzery, Emmanuel J. P. (August 2001). "The evolution of armadillos, anteaters and sloths depicted by nuclear and mitochondrial phylogenies: implications for the status of the enigmatic fossil Eurotamandua " (PDF) . Proc. R. Soc. Lond. B . 268 (1476): 1605–15. doi :10.1098/rspb.2001.1702 . PMC 1088784 . PMID 11487408 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2013-01-17 .
↑ Kleisner, K; Ivell, R; Flegr, J (2010). "The evolutionary history of testicular externalization and the origin of the scrotum". Journal of Biosciences . 35 (1): 27–37. doi :10.1007/s12038-010-0005-7 . PMID 20413907 . S2CID 11962872 .
↑ Elgar, M. A.; Harvey, P. H. (1987). "Basal Metabolic Rates in Mammals: Allometry, Phylogeny and Ecology". Functional Ecology . 1 (1): 25–36. doi :10.2307/2389354 . JSTOR 2389354 .
↑ Lovegrove, Barry G. (2000). "The Zoogeography of Mammalian Basal Metabolic Rate" . The American Naturalist . 156 (2): 201–19. doi :10.1086/303383 . JSTOR 3079219 . PMID 10856202 . S2CID 4436119 .
แหล่งข้อมูลอื่น