ชาวจีนในเคนยา
ชาวจีนในเคนยา เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายของประเทศเคนยา ซึ่งมีการติดต่อค้าขายและตั้งถิ่นฐานในชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของเคนยาตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 จนถึงในปัจจุบันก็ยังมีชาวจีนกลุ่มใหม่ได้อพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาตั้งถิ่นฐานในเคนยา ในช่วงปี ค.ศ. 1990-2000[3] และได้มีการประมาณการว่ามีชาวจีนที่พำนักในเคนยาประมาณ 3,000-10,000 คน[1] ประวัตินักเดินเรือชาวจีนเริ่มมีบทบาททางด้านการติดต่อค้าขายกับเคนยา นักโบราณคดีได้ค้นพบเครื่องเคลือบจีนที่สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ถัง โดยค้นพบในหมู่บ้านของชาวเคนยา และได้สันนิษฐานว่าอาจเป็นสินค้าที่มากับกองเรือสินค้าที่นำมาโดยเจิ้งเหอในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15[4] ในเกาะลามูมีการบอกเล่าแบบปากต่อปากของชาวบ้านแถบนั้นว่ามีชาวจีน 20 คน ที่อาจจะเป็นหนึ่งในทหารบนกองเรือของเจิ้งเหอ รอดมาจากเรืออัปปางขึ้นฝั่งมาที่เกาะลามูเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว พวกเขาได้รับการอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะได้ เนื่องจากพวกเขาได้ช่วยชนพื้นเมืองกำจัดงูหลามขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาพวกเขาได้สมรสข้ามชาติพันธุ์กับชนพื้นเมืองและได้ละความเชื่อเดิมหันมายอมรับนับถือศาสนาอิสลามเฉกเช่นชนบนเกาะ ชาวเกาะลามูเชื่อว่าพวกเขาเป็นผู้สืบเชื้อสายเป็นรุ่นที่หกของชาวจีนกลุ่มดังกล่าว ในปี ค.ศ. 2002 ได้มีการตรวจสอบดีเอ็นเอจากนางบารากา บาดี ชี สตรีผู้หนึ่งบนเกาะลามู อายุ 53 ปี ซึ่งผลการพิสูจน์ดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าเธอเชื้อสายจีนจริง โดยบุตรสาวของเธอ อึมวามากา ชารีฟู ได้รับทุนการศึกษาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าศึกษาต่อในแพทย์แผนจีนโบราณ (TCM) ในประเทศจีน[5][6] ในยุคปัจจุบันมีชาวจีนอพยพเข้าสู่เคนยาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในปี ค.ศ. 1996 ในเคนยามีจำนวนชาวจีนเพียงน้อยนิดในกรุงไนโรบีมีร้านอาหารจีนเพียงแห่งเดียว แต่ในปี ค.ศ. 2007 มีร้านอาหารจีนเกิดขึ้นมากกว่า 40 ร้าน ที่ส่วนใหญ่ดำเนินการจากชาวจีนในแผ่นดินใหญ่[1] ส่วนใหญ่ชาวจีนมักตั้งถิ่นฐานรอบกับสถานทูตซึ่งใกล้กับพื้นที่ของกองบัญชาการกระทรวงกลาโหมซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง[3] นอกจากนี้ชาวจีนในส่วนต่างๆของประเทศได้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอย่าง เช่น นำเข้าคอมพิวเตอร์, เครื่องแก้ว และชิ้นส่วนยานยนต์ และส่งออกหูฉลาม[2][3][7] มีแรงงานชาวจีนจำนวนมากเข้ามาใช้แรงงานในประเทศเคนยาด้วยเหตุผลทางด้านเสถียรภาพและอัตราความเจริญเติบโตอย่างสูงของประเทศที่เป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเลือกมาทำงานยังเคนยา หลายคนประกอบไปด้วยวัยกลางคนและแรงงานวัยรุ่นที่เป็นที่ต้องการของยุโรปและอเมริกา[8] โดยสื่อเองก็ได้มีการประมาณการจำนวนของชาวจีนในช่วงปี ค.ศ. 2006-2008 ว่ามี จำนวนประมาณ 3,000-10,000 คน[1][8][9] การศึกษาและสื่อในประเทศเคนยา ชุมชนชาวจีนมีโรงเรียนภาษาจีนเพียงแห่งเดียว คือ โรงเรียนเคนยา-จีน (肯尼亚中国学校) ก่อตั้งในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 ครู 20 คน ซึ่งสอนภาษาจีน 5 คน และมีนักเรียน 200 คน รวมทั้งระดับอนุบาล 20 คน ระดับประถมศึกษา 50 คน และนักเรียนเทคนิค 130 คน โดยร้อยละ 25 เป็นชาวจีน[10] ส่วนในมหาวิทยาลัยไนโรบีมีการเปิดการสอนสาขาปรัชญาขงจื๊อครั้งแรกในทวีปแอฟริกา[1] วิทยุจีนระหว่างประเทศ (China Radio International) และสถานีโทรทัศน์กลางจีน (China Central Television) มีการออกอากาศขึ้นใหม่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันโดยเคนยาบรอดคาสติงคอร์เปอร์เรชัน (Kenya Broadcasting Corporation)[1] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|