ซูว็อน
ซูว็อน (ฮันกึล: 수원, ฮันจา: 水原, เสียงอ่าน: [suwʌn]) เป็นเมืองเอกของจังหวัดคย็องกี เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของเกาหลีใต้มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน ซูว็อนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโซล โดยห่างจากโซลประมาณ 30 กิโลเมตร ซูว็อนเป็นเมืองที่ยังคงกลิ่นอายของวัฒนธรรมโบราณของเกาหลี โดยเริ่มจากการเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ จนในปัจจุบันเป็นเมืองอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมที่สำคัญของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน โดยซูว็อนเป็นเมืองเดียวในเกาหลีใต้ที่ยังคงมีกำแพงเมืองที่มีสภาพสมบูรณ์อยู่ โดยกำแพงเมืองนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวอยากมาชมของจังหวัดคย็องกี เช่นเดียวกับการเป็นเมืองอุตสาหกรรม ซูว็อนเป็นที่ตั้งของโรงงานใหญ่ของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซูว็อนมีทางด่วนสองสาย, เครือข่ายรถไฟของชาติและรถไฟไต้ดินของนครพิเศษโซล ซึ่งทำให้เกิดความสะดวกในการเดินทาง การท่องเที่ยว และการขนส่ง ซูว็อนถือเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยถึง 11 แห่ง จากสิ่งนี้พร้อมด้วยเครือข่ายการขนส่งมวลชนสามารถดึงดูดผู้อยู่อาศัยจากทั่วประเทศและชาวต่างประเทศเป็นจำนวนประชากรถึง 1.85%[1] ซูว็อนยังมีสโมสรฟุตบอลที่มีเชื่อเสียงอย่างซูว็อนซัมซุงบลูวิงส์ ซึ่งเป็นแชมป์เค-ลีก 4 สมัย[2] และเป็นแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ประวัติเมื่อครั้งชนเผ่าโบราณซูว็อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ โมซูกุก (ฮันกึล: 모수국) ระหว่างยุคราชอาณาจักรทั้งสาม พื้นที่เมืองซูว็อนและฮวาซ็องในปัจจุบันถูกเรียกว่า แมโฮลกุน (매홀군) ใน พ.ศ. 1300 ในสมัยพระเจ้าคย็องด็อกแห่งชิลลาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ซูซ็องกุน (수성군) ต่อมาใน พ.ศ. 1483 ในสมัยราชวงศ์โครยอได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ซูชู (수주) และในที่สุดพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซ็อนได้เปลี่ยนชื่อเมืองนี้เป็น ซูว็อน ในปี พ.ศ. 1956[3] ใน พ.ศ. 2135 ระหว่างสงครามการบุกครองเกาหลีของญี่ปุ่น ผู้บัญชาการอีควังได้พยายามปฏิบัติการให้กองกำลังของเขาเข้าสู่เมืองหลวง โซล (ในเวลานั้นเรียกว่าฮันซ็อง)[4] กองกำลังถูกถอนออกไป อย่างไรก็ตามภายหลังจากข่าวว่าเมืองหลวงถูกยึดถึงผู้บัญชาการ[4] กองทัพก็โตขึ้นไดยมีกำลัง 50,000 นายพร้อมทั้งมีกองกำลังอาสาสมัครอีกจำนวนหนึ่ง โดยอีควังและผู้บัญชาการที่ไม่ได้ประจำการอีกจำนวนหนึ่งได้พิจารณาเป้าหมายที่จะกอบกู้เมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และได้รวบรวมกำลังไว้ทางตอนเหนือของซูว็อน[4][5] การก่อสร้างป้อมฮวาซ็องในสมัยราชวงศ์โชซ็อน พระเจ้าซ็องโจ ได้ประสบความล้มเหลวในท้ายที่สุดในความพยายามที่จะให้ซูว็อนเป็นเมืองหลวงใน พ.ศ. 2339 ส่วนหนึ่งของโครงการย้ายเมืองหลวงคือป้อมฮวาซ็อง ป้อมปราการกำแพงที่ล้อมรอบทั้งทั้งเมือง โดยเหตุผลบางส่วนมีความตั้งใจที่จะให้เป็นป้อมปราการเพื่อปกป้องสุสานของพระบิดาพระองค์ เจ้าชายรัชทายาทซาโด[6] การก่อสร้างกำแพงเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรก ๆ ของเกาหลีที่จ่ายค่าแรงให้กับแรงงาน (ปกติก่อนหน้านี้จะใช้วิธีเกณฑ์แรงงาน โดยกำแพงยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่ากำแพง(รวมทั้งป้อม)จะได้รับความเสียหายอย่างมากจากสงครามเกาหลี เริ่มแรกการก่อสร้างป้อมฮวาซ็องได้ก่อสร้างโดยคำแนะนำของนักปราชญ์ช็อง ยัก-ย็อง ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าซ็องโจไม่นาน (พ.ศ. 2343) กระดาษขาวที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างได้ถูกตีพิมพ์ เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เพราะถูกนำมาใช้เป็นแบบในการก่อสร้างใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1970 ครั้งหนึ่งกำแพงของป้อมปราการเคยล้อมเมืองซูว็อนทั้งเมืองไว้ แต่เมืองซูว็อนในยุคปัจจุบันได้ขยายไปไกลกว่าตัวกำแพงป้อมมาก ในปัจจุบันกำแพงป้อมฮวาซ็องได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก[6] และป้อมฮวาซ็องได้ถูกนำมาใช้ในการประชาสัมพันธ์เมืองเสมอ สงครามเกาหลีสงครามเกาหลีได้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อเมืองซูว็อน โดยเมืองเปลี่ยนผู้ยึดครองระหว่างสงครามถึงสี่ครั้ง ภายหลังการปะทุของสงครามเพียงไม่นานหน่วยเครื่องบินขับไล่ที่ 49ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้ถูกส่งจากญี่ปุ่นไปยังเกาหลี โดยภารกิจแรกคือเคลื่อนย้ายพลเรือนจากซูว็อนและคิมโพ แต่หลังจากนั้นไม่นานกองทัพเกาหลีเหนือก็เคลื่อนมาถึงเมืองซูว็อน ก่อนหน้ายุทธการโอซันไม่นาน การสู้รบระหว่างกองกำลังของสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือก็ได้เริ่มขึ้นครั้งแรก ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 สิ่งป้องกันได้สร้างขึ้นบนถนนระหว่างซูว็อนและรอบ ๆ โอซัน (ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายใต้) ในวันต่อมากองกำลังของฝ่ายเหนือได้มุ่งหน้ามายังทางใต้ ตามมาด้วยการปะทะกันยาวนาน 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยทหารอเมริกาสูญเสียไป 142 นาย และทหารเกาหลีเหนือ 42 นาย ทำให้กองกำลังของสหรัฐจำต้องล่าถอยไป การปะทะกันครั้งนี้ทำให้กองกำลังของฝ่ายเหนือเคลื่อนพลลงไปยังโอซันช้ากว่ากำหนดการ 7 ชั่วโมง ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2493 กองกำลังกรีก ได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ซูว็อนอยู่ติดกับกองพลทหารม้าที่ 1 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 แกบบี้ กาเบรียสกี ยอดนักบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้มาประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ เค-13 เมืองซูว็อน โดยตอนสิ้นสุดของสงครามเมืองซูว็อนอยู่กับเกาหลีใต้ ประวัติยุคใหม่
ภูมิศาสตร์ซูว็อนตั้งอยู่ทางตอนเหนือของที่ราบคย็องกี และอยู่ทางทิศใต้ของโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ โดยมีอาณาเขตติดต่อกับอึยวังทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ, ยงอินทางทิศตะวันออก, ฮวาซ็องทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และมีอาณาเขตติดกับอันซันเล็กน้อยทางทิศตะวันตก รอบ ๆ ซูว็อนมีเขาเพียงเล็กน้อย โดยเขาที่สูงสุดของเมืองคือ ควังคโยซันซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองติดกับยงอิน โดยมีความสูง 582 เมตร (1,909 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล[7] คลองส่วนใหญ่ที่ไหลผ่านซูว็อนมีต้นกำเนิดมาจากภูเขาควังคโยหรือยอดเขาบริเวณรอบ ๆ เมือง คลองซูว็อน (ซูว็อนช็อน) เป็นคลองที่สำคัญที่สุดของเมือง (และมีคลองที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือคลองชุงโบ) โดยไหลผ่านเมืองไปยังทิศใต้และไหลลงสู่ทะเลเหลืองทางอ่าวอันซัน ซูว็อนไม่มีทะเลสาบที่เกิดตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเมืองซูว็อนก็มีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กหลายแห่ง เช่น ซอโฮ (서호) อยู่ใกล้กับ สถานีฮวาโซ, อ่างเก็บน้ำอิลว็อน (일원 저수지) อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยซ็องคยุนวัน, อ่างเก็บน้ำบัมแบ็ต (밤밭 저수지) ใกล้กับสถานีมหาวิทยาลัยซ็องคยุนวัน, อ่างเก็บน้ำอิลฮวัง (일왕 저수지) ใกล้กับสวนสาธารณะมันซ็อก, อ่างเก็บน้ำพาจัง (파장 저수지) อยู่ทางตอนเหนือของเมืองซูว็อนทางออกไปทางด่วยย็องดง, อ่างเก็บน้ำควังคโย (광교 저수지) อยู่บริเวณตีนเขาควังคโย, อ่างเก็บน้ำว็อนช็อนและซินแด (원천 저수지 & 신대 저수지) อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยอาจู (아주대학교), อ่างเก็บน้ำคึมโก๊ก (금곡 저수지), อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กบริเวณตีนเขาชิลโบ, และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่วังซง (왕송 저수지), ซึ่งบริเวณของอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมืองอึยวังแต่ตัวเขื่อนตั้งอยู่ซูว็อน สันเขาที่มีขนาดสูงน้อยที่สุดของเมืองคือ ภูเขาชิลโบ โดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 239 เมตร[8] ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกโดยมีพรมแดนติดกับอันซัน เมืองซูว็อนตั้งอยู่ห่างจากอ่าวทะเลเหลือง 6 กิโลเมตร สภาพอากาศ
เขตการปกครองซูว็อนแบ่งออกเป็น 4 คู (เขต):[1]
เขตที่ตั้งขึ้นใหม่ที่สุดของเมืองคือ เขตย็องทงซึ่งแยกออกมาจากเขตพัลดัล เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546[10] โดยเขตทั้งหมดมีการเขตการปกครองย่อยแยกออกเป็น 42 ทง ประชากรประชากรในซูว็อนเป็นชาย 50.2% [1] มีเพียงเขตพัลดัล เขตเดียวที่ประชากรหญิงเยอะกว่าประชากรชาย มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในซูว็อน 1.85% เขตที่มีชาวต่างชาติมากที่สุดคือเขตพัลดัล ข้อมูลเพิ่มเติมของประชากรในซูว็อนในแต่ละเขตดูได้จากตารางข้างล่างนี้[1]
โดยภาพรวมประชากรในซูว็อนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่ประชากรที่เป็นชาวเกาหลีมีแนวโน้มลดลง เช่น ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ 2550 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 ประชากรชาวเกาหลีของเมืองลดลง 585 คน[1] แต่ประชากรชาวต่างชาติกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าประชากรชาวต่างชาติกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ 2550 มีชาวต่างชาติลงทะเบียนเข้าอยู่อาศัยในซูว็อนเพิ่มขึ้น 13%[11] มีเพียงเขตคว็อนซ็อนเท่านั้นที่มีประชากรเพิ่มขึ้น ส่วนเขตจังอันและเขตย็องทง มีประชากรลดน้อยลง[11] การศึกษาเมืองซูว็อนมีมหาวิทยาลัยทั้งหมด 11 แห่ง และมีวิทยาลัย 2 แห่ง ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยซ็องกยุนกวันวิทยาเขตวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, มหาวิทยาลัยคย็องกี, มหาวิทยาลัยอาจู, มหาวิทยาลัยคย็องฮี, วิทยาลัยสาธารณสุขทงนัม, มหาวิทยาลัยดิจิทัลกุกเจ, โรงเรียนสอนศาสนาเทววิทยาฮัปดงและวิทยาลัยสตรีซูว็อน.[12] มหาวิทยาลัยซูว็อน แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งอยู่ที่ซูว็อนแต่ตั้งอยู่ที่เมืองฮวาซ็อง ส่วนมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลวิทยาเขตเกษตรศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองซูว็อนจนกระทั่งปี พ.ศ. 2548 จึงย้ายไปอยู่เขตควานัค, โซล ซูว็อนมีวิทยาลัยชุมชน 2 แห่ง[13] โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 37 แห่ง, โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 33 แห่ง, โรงเรียนประถามศึกษา 81 แห่งและโรงเรียนอนุบาล 107 แห่ง[12] อุตสาหกรรมซัมซุงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดในเมือง ความจริงแล้วซัมซุงมีโรงงานหลักอยุ่ที่โซล แต่ในช่วงเริ่มต้นของสงครามเกาหลี สิ่งของหลายอย่างของซัมซุงได้รับความเสียหาย ผู้ก่อตั้ง อี บย็อง-ช็อล (이병철) ได้ฝืนทำธุรกิจอีกครั้งในปี พ.ศ. 2494 ส่วนซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ได้ก่อตั้งที่เมืองซูว็อนในปี พ.ศ. 2512 และปัจจุบันได้เป็นสำนักงานใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรมกลางใจเมือง ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็ประกอบด้วยเอสเค, ซัมซุงอิเล็กทริกส์, ซัมซุงแอลอีดี, ซัมซุงเอสดีไอและอื่นๆอีกมากมาย วัฒนธรรมป้อมฮวาซ็องเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2399 ในอดีตป้อมฮวาซ็องเคยล้อมเมืองทั้งเมืองไว้ แต่เมืองซูว็อนในปัจจุบันได้ขยายขอบเมืองออกไปไกลกว่าขอบกำแพงป้อมมาก ป้อมฮวาซ็องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก พระราชวังแฮกุงอยู่ภายในป้อมฮวาซ็อง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง หลังจากการขยายทางรถไฟสายบุนดังเสร็จ เพียงไม่กี่สถานีจากซูว็อนไปถึงสถานีซิลกัล เมืองยงอิน ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่น หมู่บ้านโบราณเกาหลี และ เอเวอร์แลนด์ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจทางเดินรอบ ๆ กำแพงของป้อมฮวาซ็องเป็นที่นิยมของคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวและการเดินพักผ่อนหย่อนใจและเที่ยวชม สวนสาธารณะมันซ็อกทางตอนเหนือของเมืองมีเส้นทางวิ่ง 1.2 กิโลเมตรรอบ ๆ ทะเลสาบ ส่วนสิ่งสันทนาการอื่น ๆ ของสวนสาธารณะประกอบด้วย สนามเทนนิส (ในร่มและกลางแจ้ง), สนามฟุตบอลและสนามสเก็ตบอร์ด และยังมีสวนสาธารณะอื่น ๆ อีกมากมายรอบเมืองรวมทั้งสกีรีสอร์ทและสถานที่ปีนเขา โดยทั้งหมดนี้อยู่ห่างจากซูว็อนไม่ไกลและเดินทางสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวป้อมฮวาซ็อง โดยมีโปรแกรมท่องเที่ยวป้อมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกหลากหลายเส้นทาง[14] กีฬาซูว็อนมีสนามกีฬาหลากหลายประเภทเช่นสนามกีฬาการยิงธนู, สนามแบตมินตัน, ลานโบว์ลิ่ง, สระว่ายน้ำในร่ม, สนามเทนนิสและสนามฟุตบอล[15] สนามกีฬาซูว็อนยิมเนเซียมเคยเป็นสถานที่จัดกีฬาแฮนด์บอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1988 โดยสนามกีฬาแห่งนี้มีความจุ 5,145 ที่นั่ง ซูวอนเวิลด์คัพสเตเดียมเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ปัจจุบันเป็นสนามทีมเหย้าของทีมซูวอนซัมซุงบลูวิงส์ ทีมจากเคลีก, ทีมจากเคลีกแชลแลนจ์ ทีมซูว็อนเอฟซีใช้สนามซูว็อนสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นสนามเหย้า ซูว็อนยังเป็นมีทีมเบสบอลอย่างทีมฮุนไดยูนิคอร์น (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นทีมเน็คเซ็นฮีโร ตั้งอยู่ที่โซล) ซึ่งเคยใช้สนามซูว็อนสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นสนามเหย้า[16] สิ่งบันเทิงซูว็อนมีโรงภาพยนตร์ระบบมัลติเพล็กซ์ 3 โรง ประกอบด้วย เมกาบอกซ์ และ ซีจีวี โรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ที่ สถานีรถไฟซูว็อน ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง เช่นเดียวกับโรงภาพยนตร์ 'คิเน๊กซ์ 5 ซึ่งอยู่ในเขตย็องทง และยังมีโรงภาพยนตร์อื่น ๆ ในเมืองแต่ฉายภาพยนตร์ต่างประเทศน้อยกว่าเช่น เซเนมาทาวน์, โรงภาพยนตร์แทฮัน, โรงภาพยนตร์พิคคาเดลลี, โรงภาพยนตร์จุงอัง, โรงภาพยนตร์โรแยล, โรงภาพยนตร์ดาโน และ ดาโนฮอลล์อาร์ต[17] ว็อนช็อนในเขตย็องทงมีสวนสนุก อยู่ 2 แห่งคือ ว็อนช็อนกรีนแลนด์และว็อนช็อนเลคแลนด์[18] สิ่งน่าสนใจอื่น ๆสภาคณะกรรมการเมืองซูว็อนได้ประกาศความภาคภูมิใจของเมืองเรื่องห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งทางเมืองได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ห้องน้ำสาธารณะในเมืองสะอาดและพัฒนาให้ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ และปัจจุบันก็ได้มีบริการรถทัวร์ห้องน้ำสาธารณะของเมืองไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว[19] การคมนาคมซูว็อนเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งประจำภูมิภาค และสถานีรถไฟซูว็อนเป็นจุดพักที่สำคัญของทางรถไฟสายคย็องบูซึ่งวิ่งระหว่างโซลกับปูซาน ทั้งยังมีบริการรถโดยสารไปยังสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเคทีเอกซ์ที่ควังมย็อง ซูว็อนเชื่อมต่อกับโซลและเมืองใกล้เคียงอื่น ๆ ด้วยรถโดยสารแบบด่วนด้วยจุดขาออกตลอดทั้งเมือง ซูว็อนมีสถานีขนส่งสองแห่งเป็นสถานีรถระหว่างเมืองและรถด่วนที่เชื่อมต่อไปได้ทั่วทั้งประเทศเกาหลีใต้ คือ สถานีขนส่งซูว็อน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ 'โฮเทล รามาดา' และสถานีขนส่งซูว็อนตะวันตก ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยซ็องกยูนกวัน รถไฟเคทีเอกซ์มีจุดพักที่จำกัดเพียงไม่กี่สถานีในการวิ่งระหว่างโซลและปูซาน เมืองซูว็อนมีหลายสถานีที่รถไฟใต้ดินโซล สาย 1ผ่าน ซึ่งวิ่งจากทางเหนือของเมืองทะลุไปยังทางใต้ของเมือง ประกอบไปด้วยสถานีมหาวิทยาลัยซ็องกยุนกวัน, ฮวาซอ, ซูว็อน และ เซรยู ส่วนรถไฟสายบุนดัง วิ่งผ่านซูว็อนจากตะวันออกไปตังตะวันตกซึ่งหมดระยะที่สถานีรถไฟซูว็อนและรถไฟสายซูอิน เชื่อมระหว่างสถานีรถไฟซูว็อนและสถานีรถไฟอินช็อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง สายซูรยอซึ่งเคยเชื่อมระหว่างซูว็อนกับยอจูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2473 ก็ได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ทางพิเศษย็องดง (หมายเลข 50) ทอดผ่านซูว็อนและมีทางออก 2 แห่งคือทางออกซูว็อนเหนือและทางออกซูว็อนตะวันออก และยังมีทางพิเศษคย็องบู (หมายเลข 1) วิ่งพาดผ่านเมือง ซึ่งทางออกของทางพิเศษตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขตซิกกัลของยงอินวึ่งเป็นเขตที่ติดกับซูว็อน ในปี พ.ศ. 2556 เมืองซูว็อนได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน EcoMobility World Festival ที่แขวงแฮงกุง, เขตพัลดัล เป็นเวลากว่า 1 เดือน ถนนถูกปิดเพื่อให้เป็นสถานที่ทดลองเขตปลอดรถยนต์ แทนที่จะใช้รถยนต์ ชาวเมืองจะใช้ยานพาหนะที่ไม่ได้เดินเครื่องด้วยเครื่องยนต์ซึ่งจัดเตรียมโดยคณะผู้จัดงาน[20] การทดสอบไช่ว่าจะไม่มีการต่อต้าน แต่อย่างไรก็ตามก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ ภายหลังจากเทศกาลทางเมืองซูว็อนได้เริ่มดำเนินการหารือเพื่อที่จะให้เป็นแนวปฏิบัติที่ทดลองกันใช้เป็นการถาวร[21] สื่อมวลชนมีหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับที่มีฐานอยู่ที่ซูว็อนได้แก่ คย็องกีเดลี (경기일보) และ คย็องอินเดลี (경인일보) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ซึ่งในอดีตได้ตั้งอยู่ที่เขตจังอัน และปัจจุบันสำนักงานได้ตั้งอยู่ที่เขตพัลดัล และทั้งสองฉบับพิมพ์เฉพาะภาษาเกาหลี การทหารกองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลีมีฐานทัพตั้งอยู่ที่แขวงจังจี, เขตคว็อนซ็อน, เมืองซูว็อน ซึ่งเคยเป็นฐานทัพอากาศของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างสงครามเกาหลี ศาสนาเช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศเกาหลีใต้ ปี พ.ศ. 2549 จากข้อมูลที่รวบรวมโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ ประมาณ 25.3 % ของประชากรไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งโดยเฉพาะ ศาสนาคริสต์ประมาณ 20% และศาสนาพุทธประมาณ 52% ของจำนวนประชากรทั้งหมด โบสถ์ไดโอซิสออฟซูว็อนของคาทอลิกได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2506 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 อาหารอาหารของซูว็อนที่มีชื่อเสียงคือ ซูว็อนคัลบิ หนึ่งในหลากหลายประเภทของเนื้อย่างที่เป็นที่นิยมทั่วทั้งเกาหลี เมืองซูว็อนก็มีอาหารเกาหลีที่มีความหลากหลายเช่นเดียวกับที่มีจำหน่ายทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลีทั้งยังมีร้านอาหารต่างชาติหลากหลายประเภทอีกด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เทศกาลคัลบิได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก พืชและสัตว์สัตว์ป่าของซูว็อนมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับส่วนใหญ่ของทั้งจังหวัดคย็องกี โดยกบต้นไม้ซูว็อนเป็นสายพันธ์ที่มีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในสองสายพันธ์กบต้นไม้ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรเกาหลีและอาศัยอยู่ในเฉพาะจังหวัดคย็องกี บุคคลที่มีชื่อเสียงจากเมืองซูว็อนบุคคลที่มีชื่อเสียงจากเมืองซูว็อนประกอบด้วย:
เมืองพี่น้อง
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ซูว็อน
|