ต้นไม้เงินต้นไม้ทองต้นไม้เงินต้นไม้ทอง[1] หรือ ต้นไม้ทองเงิน[2] (มลายู: bunga mas dan perak "ดอกไม้ทองและเงิน") หรือบุหงามาศ[3] (มลายู: bunga mas / بوڠا مس "ดอกไม้ทอง") เป็นเครื่องราชบรรณาการที่ประเทศราชของสยามต้องส่งมาถวายพระเจ้าแผ่นดินทุก ๆ สามปี เพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ นอกจากนี้ยังใช้เป็นสิ่งของคารวะของเจ้านายหรือขุนนางถวายต่อพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานพระอิสริยยศหรือบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้น เรียกว่า "พุ่มไม้เงินพุ่มไม้ทอง" บ้างก็พบว่ามีการใช้ต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นเครื่องสักการะถวายเป็นพุทธบูชาในวัด[4] ใน พ.ศ. 2435 ได้มีการปฏิรูปการปกครองยกเลิกหัวเมืองประเทศราชในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ธรรมเนียมการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการจึงสิ้นสุดลงตามไปด้วย ประวัติประเพณีการถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทอง หรือมูลเหตุในการใช้ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดหรือเพราะอะไร แต่จากหนังสือ สยามประเภท เล่ม 2 ตอนที่ 17 วันที่ 1 สิงหาคม ร.ศ. 118 ของ ก.ศ.ร. กุหลาบ "เรื่องต้นเหตุเมืองแขกมะละกาขึ้นกับไทย" ปรากฏความเกี่ยวกับต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการมาอย่างน้อยก็ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความว่า[4]
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้ปกครองหัวเมืองประเทศราช อันได้แก่ หัวเมืองมลายู (ไทรบุรี, ปัตตานี, กลันตัน และตรังกานู), หัวเมืองลาวพุงขาว (ล้านช้าง), หัวเมืองลาวพุงดำ (ล้านนา), หัวเมืองเขมร (กัมพูชา) และหัวเมืองกะเหรี่ยง (ตะวันตกของพม่าในปัจจุบัน)[4] ซึ่งประเทศราชเหล่านี้จะต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องบรรณาการมาทุก ๆ สามปี มูลค่าของดอกไม้เงินดอกไม้ทองในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 อาจจะสูงถึงราว ๆ หนึ่งพันดอลลาร์สเปนเลยทีเดียว[5] ทั้งนี้การส่งบรรณาการดังกล่าวไม่มีกฎเกณฑ์ว่ามากน้อยเพียงใดเพราะขึ้นอยู่กับผลิตผลในท้องถิ่น หรือเป็นสิ่งของที่ทางกรุงเทพฯ ที่แจ้งความต้องการไป[4] ในปี พ.ศ. 2435 ได้มีการปฏิรูปการปกครองยกเลิกหัวเมืองประเทศราชในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ธรรมเนียมการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการจึงไม่ปรากฏอีก ปรากฏครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ พร้อมด้วยเจ้าราชภาคินัย เจ้าน้อยเลาแก้ว เจ้าน้อยสมพมิตร เจ้าน้อยเมืองชื่น และเจ้าน้อยวุฒิวงษ์ เข้าเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2447 และนับเป็นเครื่องราชบรรณาการ งวดสุดท้าย ก่อนจะมีการยกเลิกธรรมเนียมการถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องราชบรรณาการตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้เหตุผลในการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เข้าใจว่าเป็นการแสดงการสวามิภักดิ์ และความจงรักภักดีแก่ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่า[4] ขณะที่ พงศาวดารมะโรง มหาวงศ์ ซึ่งเป็นเอกสารของราชสำนักไทรบุรีระบุว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์สมานฉันท์สามัคคีรักใคร่แนบแน่นต่อกัน และเพื่อเป็นของเล่นสนุกสำหรับพระราชโอรส พระราชธิดา[5][6] ลักษณะลักษณะของต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ใช้เพื่อเป็นบรรณาการช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ จะมีลักษณะดังต่อไปนี้[4]
ส่วนต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ใช้ในการศาสนาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชามีลักษณะและขนาดเดียวกันกับข้างต้น แต่ต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่เจ้านายและขุนนางใช้คารวะพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระกรุณาสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศหรือบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้นนั้น จะมีลักษณะเดียวกันแต่เป็นขนาดย่อมกว่าเรียกว่า "พุ่มไม้เงินพุ่มไม้ทอง" โดยจะใส่ในแจกันแก้วเจียรนัยหรือแจกันเคลือบก็สุดแต่ฐานะของท่านผู้ได้บรรดาศักดิ์[4] ในพม่าในอดีตเมื่อช่วงที่อาณาจักรล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ก็มีธรรมเนียมการส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองไปให้เช่นกัน โดยล้านนาเรียกว่า ดอกไม้คำดอกไม้เงิน ดังปรากฏความว่า "...ในปันนาการของยื่นถวายไหว้สาดอกไม้คำดอกไม้เงินทอง ผ้าขาว หมากเบี้ย ทั้งหลาย..."[7] อ้างอิง
|