"ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง " ที่หัวเมืองมลายู ส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงสยาม
ประเทศราช คือ รัฐจารีตซึ่งถูกอ้างสิทธิ์ว่าอยู่ภายใต้ปริมณฑลแห่งอำนาจ ของอีกรัฐหนึ่งตามคติจักรพรรดิราช ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ [ 1] มีลักษณะคล้ายเมืองขึ้น , รัฐบรรณาการ ในระบบบรรณาการจีน , รัฐในอารักขา และอาณานิคม ของจักรวรรดินิยม ตะวันตก ตัวอย่างของประเทศราชได้แก่ กรุงศรีอยุธยา ภายใต้พม่า (พ.ศ. 2106–2127), กัมพูชา ภายใต้สยาม (พ.ศ. 2332–2410), นครเชียงใหม่ ภายใต้สยาม (พ.ศ. 2317–2442)
ความหมาย
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ระบุความหมายของประเทศราชว่า เมือง ที่มีเจ้าผู้ครองเมืองของตนเอง แต่อยู่ภายใต้อำนาจควบคุมดูแลและคุ้มครองของพระมหากษัตริย์ของอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งเจ้าเมืองประเทศราชนั้นมีหน้าที่ส่งเครื่องราชบรรณาการ ถวายเป็นประจำ และในเวลาเกิดศึกสงครามต้องเกณฑ์กำลังทหารเข้าร่วมกองทัพหลวงด้วย[ 2]
ขอบเขตในการตีความว่าเมืองใดหรือรัฐใดเข้าข่ายว่าเป็นประเทศราชของอีกรัฐหนึ่งนั้นไม่แน่นอน และขึ้นอยู่กับผู้นิพนธ์ประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัย เช่น พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย[ 3] ระบุว่า นครเชียงใหม่ถูกยกขึ้นเป็นประเทศราชของสยามในเหตุการณ์สถาปนาพระยากาวิละ เป็นพระเจ้าเชียงใหม่ สะท้อนถึงทัศนคติของผู้แต่งว่า ก่อนหน้านี้นครเชียงใหม่ไม่ถือเป็นประเทศราชของสยาม แม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้ปริมณฑลแห่งอำนาจของสยามแล้วก็ตาม ในขณะที่ประวัติศาสตร์นิพนธ์สมัยใหม่เริ่มนับนครเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยามหลังจากสงครามเชียงใหม่ พ.ศ. 2317 [ 4]
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ประเทศราชในการอธิบายความสัมพันธ์แบบเมืองขึ้นหรือรัฐบรรณาการที่นอกเหนือจากคติจักรพรรดิราช เช่น การแปลเซทระพี (อังกฤษ : satrapy ) ในคติของเปอร์เซีย ว่าประเทศราช[ 5] หรือการเทียบญี่ปุ่นโบราณ เป็นประเทศราชของราชวงศ์ฮั่น [ 6]
ประเทศราชของสยาม
อาณาจักรสุโขทัย
จารึกพ่อขุนรามคำแหง ระบุอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ว่า ปราบเบื้องตะวันออก รอดสระหลวงสองแควลุมบาจายสคาเท้าฝั่งของถึงเวียงจันทร์เวียงคำเป็นที่แล้ว เบื้องหัวนอน รอดคนทีพระบางแพรกสุพรรณภูมิราชบุรีเพ็ชร์บุรีศรีธรรมราชฝั่งทะเลสมุทเป็นที่แล้ว เบื้องตะวันตก รอดเมืองฉอดเมือง...หงสาวดีสมุทห้าเป็นแดน เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่เมืองน่านเมือง...เมืองพลั่วพ้นฝั่งของเมืองชะวาเป็นที่แล้ว [ 7] ซึ่งครอบคลุมถึงรัฐร่วมสมัยในภูมิภาค เช่น แคว้นสุพรรณภูมิ , อาณาจักรหงสาวดี , นครรัฐแพร่ , นครรัฐน่าน , อาณาจักรนครศรีธรรมราช และเมืองชวา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า รัฐเหล่านี้ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรสุโขทัย[ 8] อย่างไรก็ตาม เนื้อหาดังกล่าวของจารึกได้รับการโต้แย้งว่า เกินความเป็นจริงและขัดแย้งกับหลักฐานอื่นๆ[ 9] [ 10] ทั้งนี้อาณาจักรสุโขทัยได้มีปฏิสัมพันธ์กับบางรัฐที่อยู่ใกล้เคียงในลักษณะการแสดงสถานะที่เหนือกว่า เช่น การพระราชทานพระสุพรรณบัตรแก่พระเจ้าฟ้ารั่ว , พระเจ้ารามประเดิด และพระเจ้าแสนเมือง แห่งอาณาจักรหงสาวดี[ 11] และเหตุการณ์ที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 เสด็จไปที่เมืองแพร่ในปี พ.ศ. 1902–1903[ 12]
อาณาจักรอยุธยา
พระราชพงศาวดารไทย ที่ชำระในสมัยรัตนโกสินทร์ระบุว่า อาณาจักรอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 มีประเทศราช 16 เมือง ได้แก่ มะละกา, ชวา, ตะนาวศรี, นครศรีธรรมราช, ทวาย, เมาะตะมะ, เมาะลำเลิง, สงขลา, จันทบูร, พิษณุโลก, สุโขทัย, พิชัย, สวรรคโลก, พิจิตร, กำแพงเพชร และนครสวรรค์ แต่เนื่องจากข้อมูลประเทศราชเหล่านี้ขัดแย้งกับหลักฐานอื่น ทำให้ได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในพงศาวดารในภายหลัง อาจตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระอินทราชา [ 13] [ 14] พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวิจารณ์ว่า เมืองขนาดเล็กเช่นจันทบูรอาจถูกนับเป็นประเทศราชเพื่อให้มีประเทศราชครบ 16 เมือง[ 15] ตามจำนวนอาณาจักรในมหาชนบท
กฎมณเฑียรบาล ซึ่งตั้งขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ระบุว่า เมืองถวายดอกไม้ทองเงินมี 20 เมือง ได้แก่ นครหลวง , ศรีสัตนาคนหุต , เชียงใหม่ , ตองอู, เชียงไกร, เชียงกราน, เชียงแสน, เชียงรุ้ง , เชียงราย, แสนหวี, เขมราช , แพร่, น่าน, ใต้ทอง, โคตรบอง , เรวแกว , อุยองตะหนะ, มะละกา, มลายู และวรวารี[ 16]
อาณาจักรรัตนโกสินทร์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ สยามควบคุมประเทศราชอย่างเข้มงวดมากกว่าสมัยอยุธยา และมีการกำหนดว่า เมืองใดมีสถานะเป็นประเทศราช สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายการปกครองหัวเมืองออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ หัวเมืองชั้นในและหัวเมืองชั้นกลาง ซึ่งถือเป็นหัวเมืองของสยาม, หัวเมืองชั้นนอก ซึ่งสยามแต่งตั้งผู้มีสกุลในท้องถิ่นปกครองตามประเพณีของเมืองนั้นๆ และเมืองประเทศราช ซึ่งสยามแต่งตั้งเจ้านายปกครอง มีอำนาจสิทธิ์ขาดในเมือง โดยในปี พ.ศ. 2435 มีประเทศราชขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย 7 เมือง และขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหม 3 เมือง (ไม่นับเมืองที่ขึ้นกับเมืองอื่นๆ ด้วยกันเอง)[ 17]
หัวเมืองบางแห่งอาจตกอยู่ในสถานะกำกวมระหว่างการเป็นหัวเมืองของสยามและประเทศราช การแยกแยะอาจนับได้จากเกณฑ์ที่ว่า หัวเมืองของสยามจะต้องทำพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในขณะที่ประเทศราชจะต้องส่งต้นไม้เงินทองและเครื่องราชบรรณาการให้สยาม 3 ปีต่อครั้ง ทว่าก็มีข้อยกเว้น เช่น มีการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่จำปาศักดิ์ [ 1] และเชียงแขง [ 18] หรือการถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองของเมืองมุกดาหาร [ 19] , เมืองนครพนม [ 20] , เมืองสตูล และปัตตานีเจ็ดหัวเมือง[ 21] หัวเมืองของสยามบางแห่งอาจถูกยกขึ้นเป็นประเทศราชเป็นกรณีพิเศษในบางช่วงเวลา เช่น เมืองสุวรรณภูมิ [ 22] , เมืองอุบลราชธานี [ 22] [ 23] และเมืองมุกดาหาร[ 23] ในทำนองเดียวกัน รัฐที่อยู่ไกลจากราชธานีอาจตกอยู่ในสถานะกำกวมระหว่างการเป็นประเทศราช, รัฐบรรณาการ หรือไม่ได้อยู่ในปริมณฑลแห่งอำนาจของสยาม เช่น หัวเมืองของเจ้าอนัมก๊ก [ 24] , ราชรัฐห่าเตียน , รัฐเปรัค[ 25] และรัฐเชียงแขง[ 1] [ 26]
สยามกำหนดบรรดาศักดิ์ ของผู้ปกครองประเทศราชไว้หลายระดับ ผู้ปกครองประเทศราชส่วนใหญ่ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระเจ้าประเทศราช, เจ้าประเทศราช หรือพระยาประเทศราช ในขณะผู้ปกครองประเทศราชในคาบสมุทรมลายู จะได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าพระยาสุลต่านและพระยาสุลต่าน และในบางครั้งสยามอาจยกย่องเจ้าเมืองหัวเมืองชั้นนอกให้มีอิสริยยศเหมือนอย่างประเทศราช เช่น พระยาคทาธรธรณินทร์ ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบอง[ 27] พระราชบัญญัติระเบียบบรรดาศักดิ์ปี พ.ศ. 2441 กำหนดการเปรียบเทียบบรรดาศักดิ์ของผู้ปกครองประเทศราชดังนี้
ประเทศราชในแผ่นดินใหญ่
ประเทศราชในคาบสมุทร
เทียบบรรดาศักดิ์ฝ่ายทหาร
พระเจ้าประเทศราช
-
นายพลเอก
-
เจ้าพระยาสุลต่าน
นายพลโท
เจ้าประเทศราช
พระยาสุลต่าน
นายพลตรี
พระยาประเทศราช
-
นายพันเอก
บรรดาศักดิ์ของผู้ปกครองประเทศราชแสดงถึงระดับการให้เกียรติจากทางสยาม เช่น พระเจ้าประเทศราชหรือเจ้าประเทศราชบางพระองค์จะได้รับการจารึกพระนามในพระสุพรรณบัตร , มีคำราชาศัพท์สำหรับเจ้าประเทศราช คือ ถึงแก่พิราลัย และสาส์นถึงพระเจ้าประเทศราชและเจ้าประเทศราช มีคำเรียกเฉพาะว่า ศุภอักษร ดังตัวอย่าง
๏ หนังสือ เจ้าพระยาจักรีฯ มาถึงพระยานครลำปาง พระยารัตนเมืองแก้วเมืองลำพูน พระยาแพร่ เจ้าฟ้าเมืองน่าน เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
๏ ศุภอักษร บวรพจนกถามหามงคลมิตรฌาสัย ในท่านอัครมหาเสนาธิบดินทร์นรินทรามาตย์ อันเป็นสวามิตรประวาสบาทมุลิกากรบวรรัตนามาตย์ แห่งพระบาทสมเด็จเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐ ณ กรุงเทพพระมหานครบวรทวารวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์อุดมพระราชนิเวศน์มหาสถาน มีมธุรจิตสนิทเสน่หามาถึงพระเจ้าเชียงใหม่ พระเจ้าเมืองหลวงพระบาง เจ้าเวียงจันทน์ เจ้านครจำปาศักดิ์ พระอุไทยราชาธิราช
—
ศุภอักษรถึงเจ้าประเทศราช เรื่องหม่อมเหม็นกับพวกเป็นกบถฯ จ.ศ. 1171 (พ.ศ. 2352)[ 28]
ผู้ปกครองและขุนนางของประเทศราชไม่ได้อยู่ในระบบศักดินา ของสยาม จนกระทั่ง พ.ศ. 2442 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้ตราพระราชบัญญัติศักดินาเจ้านายพระยาท้าวแสนประเทศราช [ 29] ดังนี้
เจ้าเมืองประเทศราช
ศักดินา (ไร่)
เทียบเท่า
พระเจ้าประเทศราช
15,000
เจ้าต่างกรม
เจ้าประเทศราช
10,000
ข้าหลวงเทศาภิบาล
พระยาประเทศราช
8,000
เจ้าพระยาวังหน้า
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 ลือขจรชัย, ฐนพงศ์ (2022). เมื่อจักรพรรดิราชหลั่งน้ำตา: ปัญหาการได้และเสียดินแดนของสยาม (PDF) (วิทยานิพนธ์). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. pp. 38–47, 151–152, 317. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2024-08-01. สืบค้นเมื่อ 2024-08-01 .
↑ ราชบัณฑิตยสถาน , พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , กรุงเทพพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556, หน้า 708
↑ หอพระสมุดวชิรญาณ , บ.ก. (1928), "พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย" [Phongsawadan Mueang Nakhon Chiang Mai, Mueang Nakhon Lampang, Mueang Lamphun Chai], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๓ [A Collection of Chronicles ] (PDF) (2nd ed.), พระนคร: โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, สืบค้นเมื่อ 2024-05-12
↑ อ๋องสกุล, สรัสวดี (2023). ประวัติศาสตร์ล้านนา (13th ed.). เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานบริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. p. 225. ISBN 9786163989055 . สืบค้นเมื่อ 2024-08-11 .
↑ ก้องเวหา, ธนกฤต (15 February 2024). "ชะตากรรมจักรวรรดิกรีก หลังสิ้น "อเล็กซานเดอร์มหาราช" " . ศิลปวัฒนธรรม . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-12-10. สืบค้นเมื่อ 2024-08-11 .
↑ เกียรติก้องขจร, เมธี (2017). อิทธิพลของญี่ปุ่นที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของจีนในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ค.ศ. 1894 – การเคลื่อนไหว 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 (PDF) (วิทยานิพนธ์). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. p. 11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2023-05-12. สืบค้นเมื่อ 2024-08-11 .
↑ ราชบัณฑิตยสถาน (1934), ประชุมจารึกสยาม ภาคที่ ๑ (PDF) (2nd ed.), พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, p. 12, สืบค้นเมื่อ 2024-08-02
↑ โบราณคดีสโมสร (1914), "ประวัติของราชอาณาจักรศุโขไทย", ใน ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา (บ.ก.), พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา [Phra Ratcha Phongsawadan Chabap Phra Ratcha Hatthalekha ] (PDF) , vol. 1 (2nd ed.), กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย, pp. 90–91, สืบค้นเมื่อ 2024-08-12
↑ เจียจันทร์พงษ์, พิเศษ (2010), การเมืองในประวัติศาสตร์ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชากษัตราธิราช (2nd ed.), กรุงเทพฯ: มติชน, p. 30, ISBN 978-974-02-0401-5 , สืบค้นเมื่อ 2024-08-02
↑ สุริยินทร์, สงบ (11 December 2023). "รัฐสุโขทัย สมัยพ่อขุนรามฯ อาณาเขตครอบคลุมถึงอโยธยา?" . ศิลปวัฒนธรรม . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-11-29. สืบค้นเมื่อ 2024-08-02 .
↑ หอสมุดแห่งชาติ (ผู้รวบรวม) (1962), ราชาธิราช ฉบับหอสมุดแห่งชาติ [Rachathirat: National Library of Thailand Edition ] (PDF) , กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ศิลปาบรรณาคาร, pp. 20–21, 45, 47, สืบค้นเมื่อ 2024-08-13
↑ "จารึกวัดป่าแดง (แผ่นที่ 1)" . ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย . 28 April 2024. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-03. สืบค้นเมื่อ 2024-08-12 .
↑ หุตางกูร, ตรงใจ (2018), การปรับแก้เทียบศักราช และ การอธิบายความพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ , กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), p. 46, ISBN 978-616-7154-73-2
↑ ศรีสรรเพชญ์ (14 December 2015). "อยุธยาเพิ่งก่อตั้ง เหตุใดจึงมีเมืองประเทศราชถึง 16 เมืองครับ (พงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ) หรือผมเข้าใจผิด" . Pantip . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-01-16. สืบค้นเมื่อ 2024-08-02 .
↑ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ (1937), พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวิจารณ์เรื่องพระราชพงศาวดาร กับเรื่องราชประเพณีการตั้งพระมหาอุปราช (PDF) , พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, p. 6, สืบค้นเมื่อ 2024-12-05
↑ พงศ์ศรีเพียร, วินัย, บ.ก. (2005), กฎมณเทียรบาล ฉบับเฉลิมพระเกียรติ ผลงานวิจัย , กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, pp. 59–64, สืบค้นเมื่อ 2024-08-02
↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา (2012), "อธิบายตำนานเทศาภิบาล", เทศาภิบาล , กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อาสารักษาดินแดน, ISBN 978-974-458-355-0 , สืบค้นเมื่อ 2024-08-02
↑ Grabowsky, Volker; Wichasin, Renoo (2008), Chronicles of Chiang Khaeng: A Tai Lü Principality of the Upper Mekong , Hawaii: Center for Southeast Asian Studies, University of Hawaii, p. 265, ISBN 1-930734-02-6
↑ ชีวะประเสริฐ, สัญญา (2014). "ความทรงจำของเมืองสองฝั่งแม่น้ำโขง: มุกดาหาร และสะหวันนะเขด" . วารสารประวัติศาสตร์ : 56. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2023-11-22. สืบค้นเมื่อ 2024-08-13 .
↑ "ราชทูตอังกฤษเฝ้าถวายพระราชสาสนแลเสด็จออกแขกเมืองประเทศราช" (PDF) , ราชกิจจานุเบกษา , vol. 6, 8 December 1889, pp. 305–307, สืบค้นเมื่อ 2024-12-05
↑ "เสด็จออกแขกเมืองประเทศราชแลข้าราชการหัวเมืองเฝ้า" (PDF) , ราชกิจจานุเบกษา , vol. 5, 20 October 1888, pp. 247–249, สืบค้นเมื่อ 2024-12-05
↑ 22.0 22.1 สำนักนายกรัฐมนตรี (1971), เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ [Regarding the Royal Investiture of Vassal Lords in the Kingdom of Rattanakosin During the Reign of Rama I ] (PDF) , พระนคร: โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี, pp. 6, 11, 25, สืบค้นเมื่อ 2024-08-27
↑ 23.0 23.1 จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระฯ (1934), "เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๔๐" , จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาค ๗ , พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, สืบค้นเมื่อ 2024-08-27
↑ ดำรงราชานุภาพ, พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระ (1916), พระราชพงษาดารกรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๒ [Royal Chronicle of the Kingdom of Rattanakosin: Second Reign ] (PDF) , กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย, p. 82, สืบค้นเมื่อ 2024-12-05
↑ ณ ถลาง, ชวลีย์ (1978). "บทที่ ๒" (PDF) . การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างความสัมพันธ์ ของหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ กับรัฐบาลไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว [A comparative study of the relationship of the northern and the southern vassal states with the Thai government in the reign of King Chulalongkorn ] (วิทยานิพนธ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. pp. 22–28. สืบค้นเมื่อ 2024-08-03 .
↑ อินปาต๊ะ, บริพัตร (2017). การฟื้นฟูรัฐน่านในสมัยราชวงศ์หลวงติ๋น พ.ศ. 2329-2442 (วิทยานิพนธ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. pp. 57–63. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2024-04-19. สืบค้นเมื่อ 2024-08-03 .
↑ สมมตอมรพันธุ์, กรมพระ (1969), เรื่องตั้งเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์ (3rd ed.), พระนคร: โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี, p. 69, สืบค้นเมื่อ 2024-08-03
↑ กรมศิลปากร; สำนักหอสมุดแห่งชาติ (2019), จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๒ จุลศักราช ๑๑๗๑ - ๑๑๗๔ (PDF) , กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, p. 25, ISBN 978-616-283-450-9 , สืบค้นเมื่อ 2024-08-03
↑ "พระราชบัญญัติศักดินาเจ้านายพระยาท้าวแสนประเทศราช" (PDF) , ราชกิจจานุเบกษา , vol. 16, 16 July 1899, p. 197, สืบค้นเมื่อ 2024-12-05