Share to:

 

บรูโน มาส์

บรูโน มาส์
Bruno Mars
มาส์ใน ค.ศ. 2017
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดปีเตอร์ จีน เฮอร์แนนเดซ
เกิด (1985-10-08) 8 ตุลาคม ค.ศ. 1985 (39 ปี)
โฮโนลูลู ฮาวาย สหรัฐ
แนวเพลง
อาชีพ
  • นักร้อง
  • นักเขียนเพลง
  • นักดนตรี
  • ผู้กำกับเพลง
  • นักออกแบบท่า
  • ผู้กำกับ
ช่วงปี2004–ปัจจุบัน
ค่ายเพลง
สมาชิกของ
  • เดอะฮูลิแกนส์
  • ซิลก์ซอนิก
อดีตสมาชิกเดอะสมีซิงทันส์
คู่ครองเจสสิคา เคเบน (2011–ปัจจุบัน)
เว็บไซต์brunomars.com

ปีเตอร์ จีน เฮอร์แนนเดซ (อังกฤษ: Peter Gene Hernandez; เกิด 8 ตุลาคม ค.ศ. 1985) รู้จักกันในนาม บรูโน มาส์ (Bruno Mars) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ นักพากย์ และนักออกแบบท่าเต้นชาวอเมริกัน เขาเกิดและเติบโตในเมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ในครอบครัวของนักดนตรี เริ่มทำเพลงในช่วงวัยเด็กและเริ่มแสดงในสถานที่จัดงานดนตรีต่าง ๆ ในย่านบ้านเกิดของเขา เขาจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาหลังจากนั้นก็ย้ายไปยังลอสแอนเจลิสเพื่อไล่ตามความฝันในการเป็นนักดนตรี มาส์ยังเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้แก่ศิลปินหลายคนจำนวนมาก และเป็นผู้ก่อตั้ง The Smeezingtons ซึ่งเป็นบริษัทรับเป็นโปรดิวเซอร์และแต่งเนื้อเพลงให้

มาส์ไม่ประสบความสำเร็จกับค่ายเพลงโมทาวน์เร็กเคิดส์ จึงหันไปเซ็นสัญญาเป็นศิลปินกับแอตแลนติกเร็กเคิดส์ใน ค.ศ. 2009 เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะศิลปินเดี่ยวหลังจากที่เขาร่วมร้องเพลงรับเชิญ นัททินออนยู ของบี.โอ.บี และเพลง บิลเลียนแนร์ ของแทรวี มักคอย ซึ่งประสบความสำเร็จไปทั่วโลก สตูดิโออัลบั้มชุดแรกของเขา Doo-Wops & Hooligans (ค.ศ. 2010) ติดอันดับบิลบอร์ดฮอต 100 ของสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง Just The Way You Are และ Grenade อย่างไรก็ดียังมีเพลงติดซิงเกิลยอดนิยมอยู่อันดับที่ห้า คือ The Lazy Song ส่วนสตูดิโออัลบั้มชุดที่สอง Unorthodox Jukebox วางจำหน่ายใน ค.ศ. 2012 ติดอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซิงเกิลที่ปล่อยลงในต่างประเทศ Locked Out of Heaven, When I Was Your Man และ Treasure

มาส์ยังได้รับรางวัลเป็นจำนวนมากและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอยู่บ่อยครั้ง รางวัลแกรมมี บรูโน มาส์ได้รางวัลถึงสองครั้ง และใน ค.ศ. 2011 ยังติดหนึ่งใน 100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกใน ค.ศ. 2011 ใน นิตยสารไทม์[1] ใน ค.ศ. 2014 เขายังได้รับการขนมนามว่า ศิลปินแห่งปี โดยบิลบอร์ดและยังติดอันดับ 1 จากนิตรสารฟอบส์ จากทั้งหมด 30 รายชื่อ ตลอดการเป็นนักร้อง เขามียอดขายมากกว่า 11 ล้านอัลบั้มและ 68 ล้านซิงเกิล และเขายังติดหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มที่ดี[2] ในฐานะนักดนตรี นักเขียน โปรดิวเซอร์ ยอดรวมของเขาทำรายได้ประมาณ 30 ล้านซิงเกิล หกซิงเกิลของเขายังได้ติดเป็นซิงเกิลที่ขายดีตลอดกาล มาส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในโลก ซิงเกิลลำดับที่ห้าของเขายังติดอันดับที่หนึ่งด้วยในบิลบอร์ต ฮอต 100 ตั้งแต่เขาเริ่มทำอาชีพเป็นนักร้องตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ขายได้เร็วกว่านักร้องชายตั้งแต่ เอลวิส เพรสลีย์ อันดับที่เขาติดอยู่ในชาร์จบิลบอร์จ ฮอต 100 คืออันดับที่หก

มาส์ยังเป็นที่รู้จักจากการแสดงบนเวทีและการแสดงย้อนยุค เขามักมาจะพร้อมกับวงของเขาคือ "เดอะฮูลิกันส์" นอกเหนือจากการเป็นนักดนตรีที่หลากแล้ว เช่น มือกีตาร์ไฟฟ้า, มือเบส, เปียโน, คียบอร์ด, มือกลอง เขายังเป็นนักเต้นและนักร้องประกอบบนเวที มาส์ยังร้องเพลง เต้น และร้องเพลงแนวดนตรีที่หลากหลายกันไป อาทิ อาร์แอนด์บี, เร็กเก, โซล, ฟังก์

ชีวิตและการงาน

1985 - 2003 : ชีวิตแรกเริ่มและเข้าสู่วงการดนตรี

บรูโน มาส์ เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1985 มีชื่อแรกเกิดว่า ปีเตอร์ จีน เฮอร์แนนเดซ[3] ใน โฮโนลูลู, ฮาวาย เติบโตใน ไวกีกี เขาเป็นหลานชายของ ปีเตอร์ เฮอร์แนนเดซ และ เบอร์นาเดเต ซาน เพโต บาโยค (1957 -2013)[4] พ่อของเขาเป็นครึ่ง เปอร์โตริโก และ ชาวยิวอัชเคนาซิ โดยแรกเริ่มมีถิ่นกำเนิดมาจาก บรุกลิน นิวยอร์ก[5][6][7] แม่ของเขาอพยพจากฟิลิปปินส์มายังฮาวายตั้งแต่ครั้นเป็นเด็ก และเป็นครึ่งฟิลิปปินส์และสเปน[6][8] พ่อของเขาขณะกำลังเล่นแสดงในโชว์ก็ได้พบแม่ซึ่งกำลังเต้นระบำฮาวาย โดยขณะนั้นพ่อของเขาก็กำลังเล่นดนตรีพวกเคาะอยู่[7] เมื่อเขาอายุได้สองปี พ่อของเขาตั้งชื่อให้เขาว่า "บรูโน" เพราะมีความคล้ายคลึงกับนักมวยปล้ำมืออาชัพอย่าง บรูโน ซามมาร์ติโน[9][10][11] มาส์เป็นเป็นลูกคนแรกในบรรดาลูกทั้งหกคนของครอบครัว ครอบครัวของเขาชื่นชอบดนตรี ซึ่งทำให้เขาได้พบดนตรีหลากหลายประเภท เช่น เร้กเก้ ร็อก ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี[12][13] แม่ของเขาเป็นทั้งนักร้องและนักเต้น พ่อของเขามักจะชอบเล่นเพลงของ ลิตเติ้ล ริชาร์ดและเพลงร็อคแอนด์โรลอยู่บ่อยครั้ง[14] ลุงของมาส์ชื่นชอบเอลวิสและมักจะชอบใส่ชุดเป็นเอลวิสอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังให้กำลังใจ มาส์วัยสามขวบในการขึ้นแสดงบนเวที มาส์ยังแสดงเพลงของศิลปินจำนวนมากอาทิเช่น ไมเคิล แจ็คสัน Isley Brothers และ เดอะเทมป์เทชันส์.[10] ในวัยสี่ขวบ มาส์เริ่มต้นการแสดงห้าวันต่อสัปดาห์กับวงในครอบครัว The Love Notes และเป็นที่รู้จักภายในเกาะฮาวายจากชุดเอลวิสที่เขาใส่[15] ในปี 1990 มาส์ได้ปรากฏลงบนปก Midweek ในฐานะ "เอสวิสน้อย" และได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ในบทเล็ก ๆ น้อย ๆ Honeymoon in Vegas ในปี 1992[10][16] และร่วมแสดงในงานแข่งคริกเกต 1990 Aloha bowl[17]

มาส์ใช้เวลาจำนวนมากในการเป็นเอลวิสในการพัฒนาความสามารถดนตรีและเทคนิตที่มีประสิทธิภาพ[18] ภายหลังเขามาเริ่มเล่นกีตาร์ซึ่งมีแรงบันดาลใจเป็น จิมิ เฮนดริกซ์[19] ในปี 2010 เขายังเป็นที่ยอมรับจากชาวฮาวายและครอบครัวนักดนตรีทำให้เป็นอิทธิพลทำให้เขาอยากเล่นดนตรี โดยเขาอธิบายว่า "การเติบโตในฮาวายทำให้ผมเข้าใจตัวเอง ผมใช้เวลาจำนวนมากแสดงในฮาวายร่วมกับวงของพ่อ ทุกคนในครอบครัวของผมต่างแสดงกันอย่างเต็มที่ ทุกคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ คนที่คลั่งไคล้ในดนตรีรายล้อมผม"[20] หลังจากนั้นเขาได้เรียนระดับมัธยมที่โรงเรียน President Theodore Roosevelt High School เขาได้ตั้งวงที่โรงเรียนขึ้นชื่อว่า The School Boys[21] ในปี 2003 ช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากจบระดับมัธยมศึกษา ในวัยเพียง 17 มาส์ย้ายไปลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนียเพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรีที่เขาตั้งไว้[10][16] เขาได้ตั้งชื่อฉายาจากชื่อที่พ่อตั้งให้ โดยใส่คำว่า "มาส์" ไว้หลังชื่อ[22]

2004-10 โปรดิวเซองานและอัลบั้มอีพี It's Better If You Don't Understand

หลังการย้ายไปยังลอสแอนเจลิส มาส์เซ็นสัญญาเป็นศิลปินกับทาง โมทาวน์เรเคิดส์ ในปี 2004 จนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้จัดการของ วิล.ไอ.แอม[23][24] ประสบการณ์ของมาส์ที่ร่วมงานกับโมทาวน์ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อเขาเอง เมื่อเขาได้พบกับนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ ฟิลิปลินส์ ลอว์เรนส์ ที่ภายหลังได้จับมาส์เป็นศิลปินของทางค่าย.[23] หลังจากมาส์ถูกทิ้งไว้ในค่ายโดยไม่ได้รับการเหลียวแลมาร่วมปีกว่า เขาอาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิสและตั้งค่ายเพลงในปี 2005 ร่วมกับ สตีฟ ลินด์ซีย์ และ คาเมรอน สตราง ในนาม Westside Independent[25][26]

"Bruno came to the conclusion that the best way to further his career was writing and producing hit songs."

—แคเมอรอน สแตรงพูดเกี่ยวกับการพัฒนาในอาชีพของมาส์[26]

ผลงานอัลบั้ม

ผลงานแสดง

ทัวร์ และแสดงในถิ่นที่อยู่

อ้างอิง

  1. BRUNO MARS NAMED TIME MAGAZINE'S 100 MOST INFLUENTIAL PEOPLE OF 2011
  2. Graff, Gary (June 12, 2014). "Local roots fortify Bruno Mars' musical director". The Oakland Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-01. สืบค้นเมื่อ January 26, 2015.
  3. De Castro, Cynthia (January 5, 2011). "Bruno Mars: The Fil-Am Artist with Universal Appeal". Asian Journal. AJ Press Los Angeles. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-09. สืบค้นเมื่อ January 7, 2011.
  4. "Bernadette del Pedro Bayot". Geni.com. สืบค้นเมื่อ December 6, 2015.
  5. Trivino Alarcon, Jesus (February 1, 2017). "Mr. Everything". Latina. Latina. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-30. สืบค้นเมื่อ February 1, 2017.
  6. 6.0 6.1 Smolenyak, Megan (November 12, 2012). "What Race Is Bruno Mars?". Huffington Post. AOL. สืบค้นเมื่อ December 6, 2012.
  7. 7.0 7.1 Farber, Jim (October 3, 2010). "Bruno Mars follows his summer of hits with a big debut album 'Doo-Wops & Hooligans'". Daily News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-08. สืบค้นเมื่อ December 26, 2010.
  8. Jeffries, David. "Bruno Mars > Biography". AllMusic. All Media Network, LLC. สืบค้นเมื่อ September 26, 2010.
  9. Pete Lewis. "Bruno Mars: Out of this World!". Blues & Soul. Blues & Soul LCC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-22. สืบค้นเมื่อ September 22, 2010.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 Moniz, Melissa (April 14, 2010). "Starring Bruno Mars". MidWeek. Honolulu: Black Press. สืบค้นเมื่อ September 15, 2010.
  11. Daid Yi (October 12, 2010). "Bruno Mars, Far East Movement lead Asian-American pop music wave taking over the Billboard charts". Daily News (New York). Mortimer Zuckerman. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-08. สืบค้นเมื่อ October 12, 2010.
  12. Paul Lester (September 13, 2010). "New band of the day: Bruno Mars (No 865)". theguardian.com. Guardian Media Group. สืบค้นเมื่อ September 15, 2010.
  13. "Bruno Mars and Phillip Lawrence". American Society of Composers, Authors and Publishers. March 18, 2010. สืบค้นเมื่อ September 15, 2010.
  14. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Bruno Mars Interview
  15. "Bruno Mars on Songwriting, Singing as a Tot, Working with Ne-Yo". Vibe. Vibe Media Group. October 4, 2010. สืบค้นเมื่อ March 7, 2011.
  16. 16.0 16.1 "Bruno Mars gravitates toward a stellar solo career". USA Today. Gannett Company, Inc. September 15, 2010. สืบค้นเมื่อ September 15, 2010.
  17. Hawaii News Now (2014). "Little 'Bruno' rocked the Aloha Bowl in 1990". Hawaii News Now. Hawaii News Now LCC. สืบค้นเมื่อ December 28, 2016.
  18. Gentry, Colin (September 22, 2010). "4Music.com meets Bruno Mars". 4Music. Box Television. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ February 4, 2011.
  19. London Newsdesk (March 16, 2012). "Bruno Mars cites Jimi Hendrix as musical inspiration". Press Party. สืบค้นเมื่อ September 8, 2013.
  20. "Greetings From Bruno Mars (YouTube video)". Elektra Records.
  21. Jim Mendoza (February 4, 2014). "Bruno Mars' friends and family amazed at his success". Hawaii News Now. Raycom Media. สืบค้นเมื่อ February 27, 2014.
  22. Georgette Cline. "10 Questions for Bruno Mars". Rap-Up. Rap-Up, LLC. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
  23. 23.0 23.1 Steve Jones (January 25, 2011). "Bruno Mars' musical orbit seems inescapable". USA Today. Gannett Company, Inc. สืบค้นเมื่อ February 3, 2011.
  24. Heath, Christ. "The Mars Expedition". GQ. Condé Nast. pp. 2–3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-22. สืบค้นเมื่อ March 14, 2015.
  25. Heather (April 24, 2013). "ASCAP Expo: My Take". ASCAP. ASCAP LCC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-01. สืบค้นเมื่อ July 18, 2013.
  26. 26.0 26.1 Greenburg, Zack O'Malley (May 18, 2011). "Mars Attacks!". Forbes. Forbes, Inc. สืบค้นเมื่อ July 18, 2013.
Kembali kehalaman sebelumnya