ปางไสยาสน์ปางไสยาสน์ หรือ ปางสีหไสยาสน์ เป็นชื่อเรียกโดยทั่วไป ของลักษณะของรูปสมมุติของพระพุทธเจ้า (พุทธลักษณะ) ในอิริยาบถบรรทม (นอน) ซึ่งแต่เดิมนั้นหมายถึงเฉพาะปางปรินิพพาน[1] แต่ในประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนคตินอกเหนือไปจากปางปรินิพพาน โดยอาจจำแนกอย่างไม่เป็นทางการ เป็น 9 ปาง ตามรายละเอียดในพุทธประวัติ ดังนี้[2][3]
ทั้งนี้ การจำแนกพุทธลักษณะว่าเป็นปางใดนั้น ต้องพิจารณาทิศเบื้องพระเศียร ประวัติและคติความเชื่อขณะที่สร้างพุทธลักษณะนั้น ๆ ด้วย[1] อนึ่ง ปางไสยาสน์ที่นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปในไทย คือ ปางโปรดอสุรินทราหู และปางปรินิพพาน ส่วนปางอื่น ๆ มักปรากฏเป็นภาพวาด ในต่างประเทศปางไสยาสน์ในทางสากล กล่าวคือ ในวัฒนธรรมต้นทางที่อินเดียและดินแดนโดยรอบ หมายถึง พุทธลักษณะขณะปรินิพพาน[1] โดยแสดงภาพพระพุทธองค์นอนตะแคงเบื้องขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาวางหงายอยู่ข้างพระเขนย พระบาทซ้ายทับซ้อนพระบาทขวา หลักฐานสำคัญ เช่น ถ้ำอชันตาในประเทศอินเดีย ซากพุทธสถานแห่งตัขต์ภาอีและซากนครใกล้เคียงที่ซาห์รีบาห์ลอลในอดีตแคว้นคันธาระในประเทศปากีสถานในปัจจุบัน และนครโบราณโปโลนนรุวะในศรีลังกา เป็นต้น การสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ได้รับความนิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ในประเทศพม่า (พระนอนชเวตาลย่อง และพระนอนตาหวาน) พระพุทธรูปหินที่ปราสาทบาปวน ประเทศกัมพูชา และวัดไชยมังคลาราม ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ในประเทศไทยประวัติปรากฏหลักฐานพุทธลักษณะปางไสยาสน์ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ครั้งวัฒนธรรมทวารวดี ได้แก่ ภาพสลักหินนูนต่ำที่ถ้ำฝาโถ เขางู จังหวัดราชบุรี[1] องค์พระมีความยาว 8.75 เมตร สูง 1.85 เมตร หันพระเศียรไปทางปากถ้ำ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-16 พบบริบทประกอบอย่างชัดเจนว่าเป็นปางปรินิพพาน[4] และพระพุทธรูปปางไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม สลักจากหินทราย ยาว 13.3 เมตร สูง 2.8 เมตร ที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา[5] ในสมัยสุโขทัย พบพุทธปฏิมาไสยาสน์ที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มพระสี่อิริยาบถ คือ อิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ที่วัดพระสี่อิริยาบถและวัดพระแก้วในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร คาดว่าสื่อความหมายว่าพุทธองค์ทรงสำราญอิริยาบถไสยาสน์ ขณะที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ตามพระอรรถกถาแห่งกลิสูตร[1] ในสมัยอยุธยาตอนปลายเรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นช่วงเวลาที่มีความนิยมการสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ และปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลาย เช่น พระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี, พระพุทธไสยาสน์ที่วัดขุนอิทรประมูล และวัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และพระพุทธไสยาส วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพมหานคร การสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ขนาดใหญ่หลัง พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ปรากฏคติความเชื่อในการสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ขนาดใหญ่ว่าเป็น ปางโปรดอสุรินทราหู อย่างไรก็ตาม ปางนี้ไม่ปรากฏอยู่ในตำราพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ตามมติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ด้วยตำราดังกล่าวได้มีการรวบรวมปางพระพุทธรูปที่ทรงคิดจากเรื่องราวในพุทธประวัติรวมทั้งสิ้น 40 ปาง ซึ่งถือเป็นต้นแบบของปางพระพุทธรูปในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ปรากฏอยู่ในหนังสือตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นราว พ.ศ. 2505 โดยพระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)[1] พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ในไทย
อื่น ๆ
กำลังก่อสร้าง
ดูเพิ่มอ้างอิง
|