พระที่นั่งวิมานเมฆ
พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งในพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังฤดูร้อน พระจุฑาธุชราชฐาน ในอำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5)ทรงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2435 จนเมื่อหลังเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 จึงได้ทำการย้ายพระที่นั่งแห่งนี้ไปยังพระราชวังดุสิตแทน ในปี พ.ศ. 2443 ซึ่งปัจจุบันบริเวณฐานคอนรากคอนกรีตเสริมเหล็กเดิม ยังคงหลงเหลืออยู่ที่พระจุฑาธุชราชฐาน พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต ได้รับการออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ด้วยรูปแบบตะวันตกผสมผสานรูปแบบไทย ที่เรียกว่า วิกตอเรีย อาคารได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2525 อันเป็นปีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี และได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับชมเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2528 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2559 ได้ทำการปิดพระที่นั่งชั่วคราวเพื่อทำการปรับปรุง แต่เมื่อปี พ.ศ. 2561 อ้างอิงจากภาพถ่ายทางอากาศของกูเกิล แผนที่ พบว่าพระที่นั่งแห่งนี้ได้ถูกรื้อออกไป ซึ่งในโครงการปรับปรุงของกรมโยธาธิการและผังเมืองระบุว่าเป็นเพราะจำเป็นต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างชั้นใต้ดิน เนื่องจากพระที่นั่งฯนั้นมีอายุการใช้งานเป็นเวลานาน เกิดการทรุดตัวของอาคารทำให้ได้รับความเสียหาย [2] [3] เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ทางสำนักข่าวบีบีซีประเทศไทย ได้เผยแพร่คำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวัง ว่าขณะนี้พระที่นั่งวิมานเมฆไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวหรือบุคคลภายนอกเข้าชมแล้ว[1] ประวัติครั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสทวีปยุโรปในปี พ.ศ. 2440 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดซื้อที่สวนและนาระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจรดคลองสามเสนด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อจัดสร้างเป็นอุทยานสถานและพระราชทานนามอุทยานสถานแห่งนี้ว่า "สวนดุสิต" โดยโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นที่เกาะสีชัง เมื่อ พ.ศ. 2435 แต่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโยธาเทพ (กร หงสกุล ต่อมาเป็นพระยาราชสงคราม) เป็นนายงานรื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์จากเกาะสีชังมาสร้างในสวนดุสิต และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ"[4] และทรงวางศิลาฤกษ์พระที่นั่งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2443[5] โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงกำกับการออกแบบ และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมพระที่นั่งวิมานเมฆ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2445[6] พระที่นั่งวิมานเมฆสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก การก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2444 และได้เสด็จมาประทับที่พระที่นั่งวิมานเมฆ จนกระทั่งพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2445 สร้างเสร็จเรียบร้อยใน พ.ศ. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถานเป็นการถาวร จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 และพระที่นั่งวิมานเมฆยังคงเป็นสถานที่ประทับของเจ้านายจนกระทั่งสิ้นรัชกาล เจ้านายฝ่ายในและข้าราชบริพารจึงได้กลับมาประทับที่พระบรมมหาราชวัง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาประทับที่พระที่นั่งวิมานเมฆใน พ.ศ. 2468 แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชายา ก็ทรงย้ายออกจากพระที่นั่งวิมานเมฆ และจากนั้นมา พระที่นั่งวิมานเมฆก็มิได้เป็นพระราชฐานที่ประทับของเจ้านายอีก ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นปีที่ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงขอพระบรมราชานุญาตซ่อมพระที่นั่งวิมานเมฆ เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันพระที่นั่งวิมานอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง ใน พ.ศ. 2561 เนื่องจากพระที่นั่งวิมานเมฆ มีอายุใช้งานเป็นเวลานานเกิดการทรุดตัวของอาคารทำให้ได้รับความเสียหายจึงได้มีงานปรับปรุงโครงสร้างชั้นใต้ดินพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยได้รื้อถอนโครงสร้างเดิมและจัดโครงสร้างใหม่[7] ลักษณะขององค์พระที่นั่งพระที่นั่งองค์นี้ เป็นอาคารแบบวิกตอเรีย ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมยุโรป ผสมกับไทยประยุกต์ องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอล (L) ในภาษาอังกฤษ ยาวด้านละ 60 เมตร สูง 20 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้น ยกเว้นตรงส่วนที่ประทับซึ่งมีรูปร่างเป็นแปดเหลี่ยม มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐ ถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมดทาด้วยสีครีมอ่อนหลังคาสีแดง และหลังคาเป็นทรงไทยประยุกต์ มีลวดลายตามหน้าต่าง และช่องลมซึ่งฉลุเป็นลายที่เรียกว่าขนมปังขิง สำหรับพระที่นั่งวิมานเมฆนี้จะแบ่งเป็นห้องชุดต่าง ๆ 5 สีด้วยกัน คือสีฟ้า เขียว ชมพู งาช้าง และสีลูกพีช (ชมพูอมส้ม) แต่ละห้องจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 รวมถึงเจ้านายชั้นสูง เช่น ห้องสีเขียว เป็นห้องเครื่องเงินจากประเทศจีน ส่วนชั้นสองเป็นห้องทรงงานของรัชกาลที่ 5 และห้องบนชั้นสามเป็นห้องบรรทม ห้องที่งดงามที่สุดในพระที่นั่งวิมานเมฆคือห้องท้องพระโรง อ้างอิง
.7https://pantip.com/topic/38899294
แหล่งข้อมูลอื่น
|