ฟิลิปปาแห่งอังกฤษ
ฟิลิปปาแห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Philippa of England) หรือ ฟิลิปปาแห่งแลงคัสเตอร์ (อังกฤษ: Philippa of Lancaster) (4 มิถุนายน ค.ศ. 1394 – 5 มกราคม ค.ศ. 1430) เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ตั้งแต่ ค.ศ. 1406 ถึง ค.ศ. 1430 จากการสมรสกับอีริคแห่งพอเมอเรเนีย หรือ พระเจ้าอีริคที่ 7 แห่งเดนมาร์ก พระราชประวัติ
ฟิลิปปาแห่งอังกฤษเป็นพระราชธิดาคนที่สองและพระราชบุตรคนที่หกหรือคนสุดท้ายของเฮนรี บอลิงบรูก (ต่อมาคือพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ) กับแมรี เดอ โบฮัน พระมเหสีคนแรกที่ไม่ได้ขึ้นเป็นพระราชินีเนื่องจากถึงแก่กรรมก่อนที่พระสวามีจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยเธอถึงแก่กรรมหลังจากให้กำเนิดฟิลิปปาที่ปราสาทปีเตอร์โบโรในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1394 ฟิลิปปามีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน (พระเชษฐาคนโตสิ้นพระชนม์หลังคลอดได้ไม่กี่วัน) หนึ่งในนั้นคือพระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ เมื่อฟิลิปปามีพระชนมายุได้ 5 พรรษา พระราชบิดาของพระองค์ได้ถอดพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ ลูกพี่ลูกน้องของตนออกจากบัลลังก์และขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 4 ข้อมูลในวัยเด็กของฟิลิปปามีไม่มาก ที่รู้คือพระองค์ได้เข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสครั้งที่สองของพระราชบิดากับพระนางฆัวนาแห่งนาวาร์ในปี ค.ศ. 1403 ในปีเดียวกันพระองค์ได้เดินทางไปแสวงบุญที่แคนเทอร์บรี พระองค์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ปราสาทเบิร์กแคมสเตดและปราสาทวินด์เซอร์ เมื่อขึ้นครองราชย์พระเจ้าเฮนรีที่ 4 ได้จับพระราชธิดาทั้งสองสมรสเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง บลานช์ พระราชธิดาคนแรกถูกจับสมรสกับลุดวิจที่ 3 เคานต์พาลาไทน์แห่งไรน์ พระองค์พยายามเจรจาเพื่อสานสันติภาพระหว่างอังกฤษกับสหภาพคาลมาร์อันประกอบด้วยเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ที่รวมกันเป็นราชอาณาจักรเดียวโดยมีสมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตที่ 1 แห่งเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์เป็นผู้ปกครอง พระเจ้าเฮนรีต้องการให้พระราชบุตรสองคน คือ เฮนรี พระราชโอรสคนโตและทายาท (ต่อมาคือพระเจ้าเฮนรีที่ 5) กับฟิลิปปา สมรสกับแคทเธอรีนแห่งพอเมอเรเนียและเอริกแห่งพอเมอเรเนีย หลานชายและหลานสาวของพระเชษฐภคินีของพระราชินีนาถมาร์กาเร็ต ในปี ค.ศ. 1405 ฟิลิปปาถูกจับสมรสกับพระเจ้าเอริกแห่งพอเมอราเนียซึ่งเป็นทายาทในบัลลังก์ของพระขนิษฐาของผู้เป็นยาย ฟิลิปปาวัย 11 พรรษาเข้าพิธีสมรสผ่านผู้แทนกับพระเจ้าเอริกวัย 24 พรรษาในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1405 ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน และในวันที่ 8 ธันวาคมของปีเดียวกันพระองค์ได้รับการประกาศเป็นพระราชนีแห่งเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์อย่างเป็นทางการต่อหน้าราชทูตเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1406 ฟิลิปปาออกเดินทางจากอังกฤษไปสวีเดนและได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสจริงๆ กับพระเจ้าเอริกในวันที่ 26 ตุลาคมของปีนั้นที่อาสนวิหารลุนด์ในสวีเดน บันทึกเล่าว่าในพิธีฟิลิปปาสวมทูนิคทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาวชายขนกระรอกและขนเออร์มิน พระองค์จึงเป็นเจ้าหญิงคนแรกที่ได้รับการบันทึกว่าสวมชุดแต่งงานสีขาว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1406 ฟิลิปปาได้เข้ารับการสวมมงกุฎเป็นพระราชินีแห่งเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ หลังสมรสทั้งคู่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในสวีเดน พระเจ้าเอริกขึ้นเป็นกษัตริย์โดยตำแหน่งในเดนมาร์กตั้งแต่ปี ค.ศ. 1386, ในนอร์เวย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1389 และในสวีเดนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1396 แต่อำนาจที่แท้จริงนั้นเป็นของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 4 แห่งเดนมาร์กและเป็นพระราชินีม่ายของพระเจ้าโฮกุนที่ 4 แห่งนอร์เวย์ พระนางเป็นผู้รวมสหภาพคาลมาร์และปกครองราชอาณาจักรทั้งสามในฐานะพระราชนีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินตั้งแต่ปี ค.ศ. 1388 กระทั่งได้รับเลือกเป็น "กษัตริย์หญิงและผู้ปกครอง" จึงได้บริหารบ้านเมืองต่อจนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1412 การปกครองอันทรงประสิทธิภาพของพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตอาจมีส่วนทำให้ฟิลิปปาประสบความสำเร็จในดินแดนสแกนดิเนเวีย เมื่อพระเจ้าเอริกได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองเต็มตัวพระองค์ทั้งไว้วางใจและพึ่งพาฟิลิปปา โดยพระองค์ได้พระราชทานที่ดินขนาดใหญ่ในสวีเดนให้พระนางเป็นสินสมรสและได้ตั้งพระนางเป็นผู้แทนพระองค์ประจำสวีเดน ฟิลิปปาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสวีเดน โดยเฉพาะที่วิหารวัดส์เตียนา และได้ทำหน้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งสหภาพคาลมาร์ในช่วงที่พระเจ้าเอริกออกเดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเล็มในปี ค.ศ. 1423 ถึง ค.ศ. 1425 จนเมื่อพระเจ้าเอริกกลับมาจากแสวงบุญแล้วฟิลิปปาก็ยังคงมีส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมือง ทั้งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้อยู่ใต้พระบัญชา และการคุ้มกันนครโคเปนเฮเกนจากการจากกลุ่มสันนิบาตฮันเซอในช่วงปี ค.ศ. 1428 พระเจ้าเอริกแม้จะเป็นกษัตริย์ที่ดีแต่พระองค์เป็นคนอารมณ์ร้อน ดื้อรั้น และขาดทักษะทางการทูต ฟิลิปปาได้ทำภารกิจทางการทูตในสวีเดนด้วยการทำบุญให้แก่ผู้ยากไร้ และด้วยทักษะด้านการเมืองอันโดดเด่นทำให้พระองค์เป็นที่เคารพรักของประชาชนในสหภาพคาลมาร์ หลังสมรสได้ 23 ปี ในปี ค.ศ. 1429 ฟิลิปาได้ให้กำเนิดพระราชบุตรคนแรกและคนเดียวเป็นทารกชายที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เกิด สุขภาพของพระองค์แย่ลงทันทีหลังคลอดบุตรและในระหว่างการเยือนวิหารวัดส์เตียนาฟิลิปปาได้เสด็จสวรรคตในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1430 ด้วยพระชนมายุ 35 พรรษา การสวรรคตของพระองค์เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งพระเจ้าเอริกผู้เป็นพระสวามีและสหภาพคาลมาร์ ร่างของพระองค์ถูกฝังในโบสถ์น้อยอันนาที่พระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นมาในวิหารวัดส์เตียนา พระเจ้าเอริกได้มอบเงินก้อนโตให้แก่วิหารดังกล่าวแลกกับการให้นักบวชสิบคนมาสวดมนต์และร้องเพลงสดุดีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อไถ่บาปให้แก่ดวงวิญญาณของพระมเหสี อ้างอิง
|