มาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ 2009
การแข่งขันกีฬาศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแห่งเอเชีย ครั้งที่ 1 หรือ เอเชียมาร์เชียลอาตส์เกมส์ 2009 เป็นการแข่งขัน เอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552 โดยมีประเทศเข้าร่วมแข่งขัน 40 ประเทศ และมีกีฬาแข่งขันทั้งหมด 9 ชนิด ประวัติประเทศไทยได้รับเกียรติจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน มาเชี่ยลอาร์ต ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการได้รับเกียรติอย่างสูง เพราะนานาประเทศ ได้ยกย่องว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีบุคลากร มีผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ และเป็นสถานที่ศูนย์กลางของการริเริ่ม สร้างสรรค์เกมกีฬาใหม่ขึ้นในโลก อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล ในการนี้สำนักเลขาธิการในคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน มาเชี่ยลอาร์ต ครั้งที่ 1 จึงได้ดำเนินการ ออกแบบตราสัญลักษณ์การแข่งขัน, สัตว์นำโชค, คำขวัญ, สัญลักษณ์ชนิดกีฬา และอัตตลักษณ์ เพื่อนำไปใช้ในเกมส์ การแข่งขันดังกล่าว รับพระราชทานไฟพระฤกษ์วันที่ 29 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ออกแทนพระองค์ ณ วังศุโขทัย พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานไฟพระฤกษ์จัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 และในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าปังกรรัศมีโชติ โดยเสด็จด้วย พิธีเปิด - ปิดการแข่งขันพิธีเปิดพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 18.00 น. ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในพิธี พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ หลังจากนักกีฬาจากทุกประเทศเดินพาเหรดเข้าสู่สนามแล้ว ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา จากนั้นพิธีกรกล่าวเรียนเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 นายธิโมธี ซุน ถิง ฟ๊อค รองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย โซนเอเชียตะวันออก นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 และพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เพื่อถวายรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 และขอพระราชทานพระราชดำรัสเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2552 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2552 ว่า
หลังจากพระราชทานพระราชดำรัสเปิดการแข่งขันแล้ว เป็นการเชิญธงสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย และธงสัญลักษณ์การแข่งขันขึ้นสู่ยอดเสา และพิธีกล่าวคำปฏิญาณของตัวแทนนักกีฬาและกรรมการผู้ตัดสิน โดยผู้เชิญธงสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียในการปฏิญาณ คือ ร้อยโท สมจิตร จงจอหอ นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นเหรียญทองโอลิมปิก ตัวแทนนักกีฬา คือ นายปฏิวัติ ทองสลับ นักกีฬาเทควันโดเหรียญทองแดงกีฬามหาวิทยาลัยโลก และตัวแทนกรรมการผู้ตัดสิน คือ นางสาวจตุพร เหมวรรณโณ ผู้ตัดสินดีเด่นโลก ประจำปี 2009 จากสมาพันธ์เทควันโดโลก พิธีเปิดมีการแสดง 3 ชุด คือ ชุดที่ 1 เกมของน้ำใจ (The Games Of Spirit) ชุดที่ 2 ดินแดนแห่งรอยยิ้ม (The Land Of Smile) และชุดที่ 3 เปลวไฟแห่งศิลปะการต่อสู้ (The Flame Of Martial Arts) โดยมี จา พนม , แอ๊ด คาราบาว และ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมแสดง โดยมีการซ้อมใหญ่พิธีเปิด ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เวลา 18.00 น.[1] สำหรับผู้นำคบเพลิงวิ่งเข้าสู่สนาม คือ “น้องปุ้ย” ญาณิศา ต่อรัตนวัฒนา นักกีฬาคาราเต้-โด ซึ่งรับหน้าที่แทน “น้องสอง” บุตรี เผือดผ่อง นักกีฬาเทควันโด ซึ่งเป็นผู้ที่เลือกไว้ในตอนแรก แต่เนื่องจาก น้องสอง มีโปรแกรมแข่งเทควันโด รุ่น ฟินเวทหญิง (47 กก.) วันที่ 2 สิงหาคม และต้องชั่งน้ำหนักตัวในช่วงเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งตรงกับช่วงเวลาเปิดการแข่งขันพอดี จึงไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้ ทำให้ฝ่ายจัดพิธีเปิด-ปิด ได้จัดให้ “น้องปุ้ย” ญาณิศา ต่อรัตนวัฒนา ทำหน้าที่แทน [2] โดยในพิธีจริง ญานิศาได้ส่งคบเพลิงต่อไปให้ ทัชชกร ยีรัมย์ (โทนี่ จา) นำไปทุบไฟใส่กระถางคบเพลิง ส่วนนักกีฬาที่ทำหน้าที่ถือธงชาติไทยนำขบวนพาเหรดนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามก็คือ พันจ่าเอกบดินทร์ ปัญจบุตร นักกีฬายูยิตสู พิธีปิดพิธีปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 18.00 น. ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก โดยกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มร ธิโมธี ซุน ถิง ฟ๊อค ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ดร. ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รองประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน) และ นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ประธานกรรมการกีฬาฝ่ายเทคนิค) ร่วมเป็นเกียรติในพิธี พิธีปิดประกอบด้วยการแสดง 3 ชุด ชุดที่ 1 มีชื่อว่า เกมของศิลปะ ชุดที่ 2 ดินแดนแห่งจิตใจ และชุดที่ 3 เปลวไฟแห่งความตราตรึง ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันในการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมทั้งสิ้น 40 ชาติ จากประเทศสมาชิก 45 ชาติ ในเบื้องต้น มี 5 ประเทศที่ไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน คือ อัฟกานิสถาน เกาหลีเหนือ ซาอุดีอาระเบีย ติมอร์-เลสเต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (แต่ภายหลังประเทศอัฟกานิสถานได้ขอเข้าร่วมแข่งขันด้วย) [3]
สัญลักษณ์ตราสัญลักษณ์
ตัวนำโชคหนุมานยินดี (Hanuman Yindee)
o ยินดี ที่ได้เกิดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ เป็นครั้งแรก และจะก้าวไปสู่การแข่งขันอันไม่มีที่สิ้นสุด o ยินดี ที่ได้ต้อนรับมิตรประเทศ และผู้มาเยือนสู่ประเทศไทย o ยินดี ในความสำเร็จ และชัยชนะ รวมทั้งความมีน้ำใจนักกีฬาที่มีให้กัน o ยินดี ที่ได้รู้จักทุก ๆ คน ที่มาร่วมสร้างมิตรภาพ และเอกภาพ ของประชาชาติชาวเอเชีย กีฬาการเลื่อนการแข่งขันแต่เดิมนั้นการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 แต่เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในประเทศไทย คือ เกิดเหตุการณ์ประท้วงขั้นรุนแรงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ในกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี บางอำเภอของปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐมและพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 12 เมษายน ซึ่งต่อมายกเลิกในวันที่ 24 เมษายน ก่อนการแข่งขันเพียงหนึ่งวัน ในวันที่ 13 เมษายน นายชุมพล ศิลปอาชา ได้ร่วมหารือกับทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ นำโดย พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ และ พล.อ. บัญชา มรินทร์พงษ์ หัวหน้าสำนักงานโอลิมปิคฯ พร้อมด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปให้มีการเลื่อนการแข่งขันออกไปจากเดิมไปอีกประมาณ 1 เดือน จากวันที่ 25 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ไปเป็นวันที่ 6 มิถุนายน - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักกีฬาที่จะมาเข้าร่วมการแข่งขันเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้ส่งหนังสือแนะนำมายังคณะกรรมการโอลิมปิกไทย เสนอขอให้ไทยพิจารณาขยับวันแข่งขันให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม - 7 มิถุนายน เพราะช่วงวันที่ 6 - 14 มิถุนายน ใกล้กับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนยูธเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ที่ประเทศสิงคโปร์มากเกินไป และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียเห็นว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาพิธีเปิดการแข่งขันส่วนใหญ่จะจัดตรงกับวันเสาร์ ขณะที่พิธีปิดจะตรงกับวันอาทิตย์พอดี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ ครั้งที่ 1 จึงประชุมด่วนในวันที่ 23 เมษายน และสรุปให้จัดในวันที่ 12 พฤษภาคม - 20 พฤษภาคม แต่ในวันต่อมา (24 เมษายน) จากการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ที่มีนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน และมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ เห็นควรให้เลื่อนยาวออกไปเป็นในระหว่างวันที่ 9 - 17 กรกฎาคม เนื่องจากในช่วงที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียกำหนดมามีการแข่งขันกีฬาภายในประเทศไทยหลายรายการ ทำให้การเตรียมการของไทยไม่สะดวก โดยได้มอบให้คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ไปเจรจากับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียอีกรอบ แต่ในที่สุด ทางไทยก็นำเสนอช่วงวันแข่งขันใหม่เป็น 11 - 19 กรกฎาคม ต่อสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียพิจารณาเห็นชอบ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียยังคงเห็นว่าวันที่ไทยเสนอมานั้น ยังคงใกล้กับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนยูธเกมส์ ครั้งที่ 1 มากเกินไปและเริ่มไม่พอใจที่ทางไทยยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแข่งขัน เพราะจะทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยและการแข่งขันกีฬาลดลงเรื่อยๆ พร้อมแนะนำให้เลื่อนวันแข่งขันไปอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมแต่ต้องไม่ถึงเดือนกันยายนเพราะต้องเว้นช่วงให้นักกีฬาเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายนด้วย ในที่สุด จึงมีกำหนดการแข่งขันในวันที่ 1 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552 การยุบรวมกับเอเชียนอินดอร์เกมส์ตามมติสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 เห็นควรให้ยุบรวมเอเชียนมาร์เชียลอาตส์เกมส์ เข้ากับเอเชียนอินดอร์เกมส์ และเปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็นเอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาตส์เกมส์ โดยเริ่มครั้งแรกในการแข่งขันเอเชียนอินดอร์เกมส์ครั้งที่ 4 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในปี พ.ศ. 2554 สรุปเหรียญรางวัล* เจ้าภาพ ( ไทย)
ประเทศที่ไม่ได้เหรียญรางวัลมี 8 ประเทศ คือ กัมพูชา คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน ปาเลสไตน์ บังกลาเทศ มัลดีฟส์ เยเมน และโอมาน ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|