ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 |
---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | ขอบเขตฤดูกาล |
---|
ระบบแรกก่อตัว | 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
---|
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 |
---|
พายุมีกำลังมากที่สุด |
---|
| ชื่อ | โดเรียน |
---|
• ลมแรงสูงสุด | 185 ไมล์/ชม. (295 กม./ชม.) (เฉลี่ย 1 นาที) |
---|
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 910 มิลลิบาร์ (hPa; 26.87 inHg) |
---|
| สถิติฤดูกาล |
---|
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 20 ลูก |
---|
พายุโซนร้อนทั้งหมด | 18 ลูก |
---|
พายุเฮอริเคน | 6 ลูก |
---|
พายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ (ระดับ 3 ขึ้นไป) | 3 ลูก |
---|
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | ≥ 98 คน |
---|
ความเสียหายทั้งหมด | > 1.198 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงิน USD ปี 2019) |
---|
| ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก 2560, 2561, 2562, 2563, 2564 |
ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 คือช่วงของฤดูกาลที่เคยมีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนในซีกโลกเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นปีที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีกิจกรรมของฤดูกาลสูงกว่าค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และเท่ากับเมื่อปี พ.ศ. 2512 และเป็นฤดูกาลที่มีการใช้ชื่อพายุมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ ในบรรดาฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกที่มีการบันทึกไว้ด้วย โดยมีพายุได้รับชื่อ 18 ลูก และมีพายุหมุนเขตร้อนทั้งสิ้น 20 ลูก แม้ว่าหลายลูกจะเป็นพายุกำลังอ่อนและมีช่วงชีวิตที่สั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายของฤดูกาลก็ตาม ฤดูกาลอย่างเป็นทางการนั้นเริ่มนับในวันที่ 1 มิถุนายน และสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน วันเหล่านี้เป็นขอบระยะเวลาตามประวัติศาสตร์ที่จะมีพายุก่อตัวขึ้นมากที่สุดในแอ่งแอตแลนติก อย่างไรก็ตามการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนสามารถก่อตัวได้ทุกเวลาในปี ซึ่งแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ด้วยการก่อตัวขึ้นของพายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรียในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยเป็นเวลาห้าปีติดต่อกันมาแล้ว ที่มีพายุหมุนเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนก่อตัวขึ้นก่อนวันเริ่มฤดูกาลอย่างเป็นทางการ ทำลายสถิติเดิมที่ช่วงปี พ.ศ. 2494–2497 ทำไว้[1] นอกจากนี้ปีนี้ยังเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว ที่ไม่มีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในเดือนมิถุนายนเลย
พายุเฮอริเคนลูกแรกของฤดูกาลชื่อว่า แบร์รี ก่อตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ทางด้านเหนือของอ่าวเม็กซิโก และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่รัฐลุยเซียนาของสหรัฐ จากนั้นกิจกรรมของแอ่งเว้นว่างไปเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคม โดยมีพายุก่อตัวขึ้นบ้าง รวมทั้งพายุเฮอริเคนโดเรียน ซึ่งส่งผลกระทบกับหมู่เกาะวินด์เวิร์ดและหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐในฐานะพายุหมุนเขตร้อนที่มีกำลังแรง และจากนั้นได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 อย่างรวดเร็วขณะกำลังประชิดประเทศบาฮามาส ซึ่งสร้างความเสียหายให้เกาะที่อยู่ทางปลายสุดด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังอีสเทิร์นซีบอร์ดต่อ และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในเดือนกันยายน พายุโซนร้อนเฟอร์นันด์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้กับชายฝั่งเม็กซิโก และได้พัดขึ้นฝั่งในรัฐตาเมาลิปัสของประเทศเม็กซิโก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งรัฐ พายุเฮอริเคนอุมเบร์โตทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและมีลมแรงระดับเฮอริเคนไปถึงเบอร์มิวดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนนิโคลในปี พ.ศ. 2559 ต่อมาพายุโซนร้อนอีเมลดาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในอ่าวเม็กซิโก ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งในรัฐเท็กซัส ทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ขณะที่พายุเฮอริเคนลอเรนโซได้กลายเป็นพายุระดับ 5 ที่อยู่ทางด้านตะวันออกสุดในบันทึกของพายุเฮอริเคนแอตแลนติก และทำให้เรือสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ Bourbon Rhode อับปางลงหลังจากที่แล่นผ่านตัวพายุ นอกจากนี้พายุเนสตอร์ยังทำให้เกิดเหตุการณ์พายุทอร์เนโดพัดถล่มไปทั่วทั้งด้านตะวันตกของรัฐฟลอริดา ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ทำให้เกิดความเสียหายปานกลางในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไมเคิลเมื่อปีก่อน พายุเฮอริเคนลูกสุดท้าย คือ พายุเฮอริเคนปาโปล กลายเป็นพายุเฮอริเคนที่ก่อตัวขึ้นทางตะวันออกที่สุดนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนวินซ์ พายุโดเรียนและโลเรนโซ ทำให้ฤดูกาลกลายเป็นฤดูกาลที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีพายุอย่างน้อยหนึ่งลูกเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 (แมตทิวในปี 2559, ไอร์มาและมารีอาในปี 2560 และไมเคิลในปี 2561) และยังเป็นหนึ่งในเจ็ดฤดูกาลที่มีพายุเฮอริเคนระดับ 5 หลายลูกด้วย
การพยากรณ์ฤดูกาล
การพยากรณ์กิจกรรมในเขตร้อนของฤดูกาล 2562
ข้อมูล
|
วันที่
|
พายุที่ ได้รับชื่อ
|
พายุเฮอริเคน
|
พายุเฮอริเคน ขนาดใหญ่
|
ค่าเฉลี่ย (2524–2553[2])
|
12.1
|
6.4
|
2.7
|
สถิติสูงที่สุด
|
28 ลูก
|
15 ลูก
|
7 ลูก
|
สถิติต่ำที่สุด
|
4 ลูก
|
2† ลูก
|
0† ลูก
|
–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––
|
[3]
|
11 ธันวาคม 2561
|
12 ลูก
|
5 ลูก
|
2 ลูก
|
[4]
|
4 เมษายน 2562
|
13 ลูก
|
5 ลูก
|
2 ลูก
|
[5]
|
5 เมษายน 2562
|
12 ลูก
|
5 ลูก
|
2 ลูก
|
[6]
|
16 เมษายน 2562
|
13–16 ลูก
|
5–7 ลูก
|
2–3 ลูก
|
[7]
|
21 พฤษภาคม 2562
|
13 ลูก*
|
7 ลูก*
|
3 ลูก*
|
[8]
|
23 พฤษภาคม 2562
|
9–15 ลูก
|
4–8 ลูก
|
2–4 ลูก
|
[9]
|
30 พฤษภาคม 2562
|
12 ลูก
|
6 ลูก
|
2 ลูก
|
[10]
|
4 มิถุนายน 2562
|
14 ลูก
|
6 ลูก
|
2 ลูก
|
[11]
|
11 มิถุนายน 2562
|
16 ลูก
|
8 ลูก
|
3 ลูก
|
[12]
|
4 กรกฎาคม 2562
|
12 ลูก
|
6 ลูก
|
2 ลูก
|
[13]
|
9 กรกฎาคม 2562
|
14 ลูก
|
6 ลูก
|
2 ลูก
|
[14]
|
5 สิงหาคม 2562
|
14 ลูก
|
7 ลูก
|
2 ลูก
|
[15]
|
6 สิงหาคม 2562
|
13 ลูก
|
6 ลูก
|
2 ลูก
|
[16]
|
8 สิงหาคม 2562
|
10–17 ลูก
|
5–9 ลูก
|
2–4 ลูก
|
–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––
|
|
เกิดขึ้นจริง
|
18 ลูก
|
6 ลูก
|
3 ลูก
|
* เฉพาะเดือนมิถุนายน–เดือนพฤศจิกายนเท่านั้น † ฤดูกาลล่าสุดของเหตุการณ์ลักษณะนี้ซึ่งขึ้นหลายครั้ง (ดูทั้งหมด)
|
ทั้งก่อนหน้าและในระหว่างฤดูกาล หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาระดับชาติหลายหน่วยงาน และองค์กรทางวิทยาศาสตร์ จะพยากรณ์จำนวนของพายุที่จะได้รับชื่อ (มีความรุนแรงถึงพายุโซนร้อน) จำนวนของพายุเฮอริเคน และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ (ระดับ 3 ขึ้นไปตามมาตราของแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน) ที่จะก่อตัวขึ้นในระหว่างฤดูกาล และ/หรือ จำนวนของพายุหมุนเขตร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศต่าง ๆ หน่วยงานต่าง ๆ นั้น ประกอบด้วย องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อน (TSR) ของมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน, องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด (CSU) การพยากรณ์จะประกอบด้วยการพยากรณ์รายสัปดาห์และรายเดือน โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านปัจจัย ที่จะกำหนดจำนวนของพายุโซนร้อน พายุเฮอริเคน และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ภายในปีนั้น ๆ การพยากรณ์บางชิ้นจะคำนึงถึงกิจกรรมในฤดูกาลที่ผ่านมา และเหตุการณ์ลานีญาที่กำลังดำเนินอยู่ในตั้งแต่ก่อตัวในเดือนพฤศจิกายน 2560[17] โดยเฉลี่ย ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกในระหว่าง 2524 ถึง 2553 จะมีพายุโซนร้อนเกิดขึ้น 12 ลูก พายุเฮอริเคน 6 ลูก และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก โดยมีดัชนีการสะสมพลังงานในพายุหมุน (ACE index) อยู่ระหว่าง 66 ถึง 103 หน่วย[2]
การคาดหมายก่อนฤดูกาล
การพยากรณ์แรกถูกตีพิมพ์โดย TSR เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาล 2562 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีจำนวนพายุโซนร้อน 12 ลูก พายุเฮอริเคน 5 ลูก และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก เนื่องจากคาดว่าจะมีสภาพของเอลนีโญเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล[3] วันที่ 4 เมษายน 2562 มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดออกการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัย โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย โดยมีพายุได้รับชื่อจำนวน 13 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 5 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก[4] ต่อมาในวันที่ 5 เมษายน องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการพยากรณ์ฉบับปรับปรุง ซึ่งมีเนื้อความเช่นเดียวกับฉบับก่อนหน้า[5] วันที่ 16 เมษายน มหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้ออกการพยากรณ์ตามมาเช่นกัน โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีพายุได้รับชื่อ 13–16 ชื่อ เป็นพายุเฮอริเคน 5–7 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–3 ลูก[6] วันที่ 6 พฤษภาคม The Weather Company ได้พยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีพายุได้รับชื่อ 14 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 7 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก[18] วันที่ 21 พฤษภาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหราชอาณาจักร (UK Met Office) ได้ออกการพยากรณ์ฤดูกาล โดยคาดหมายว่าจะมีพายุที่ได้รับชื่อ 13 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 7 ลูก เป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก และมีดัชนีการสะสมพลังงานในพายุหมุนอยู่ที่ 109 หน่วย[7] วันที่ 23 พฤษภาคม องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ได้ออกการพยากรณ์ฉบับแรกของหน่วยงาน โดยระบุว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ใกล้เคียงค่าปกติ ด้วยมีพายุที่ได้รับชื่อจำนวน 9–15 ลูก ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคน 4–8 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–4 ลูก[8] วันที่ 30 พฤษภาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ปรับปรุงการคาดการณ์ของหน่วยงาน โดยเพิ่มจำนวนของการคาดการณ์พายุเฮอริเคนเป็น 5 ถึง 6 ลูก[9]
การคาดหมายกลางฤดูกาล
วันที่ 4 มิถุนายน มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดได้ปรับปรุงการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยฯ โดยเปลี่ยนเป็นมีพายุที่ได้รับชื่อ 14 ลูก ในจำนวนนั้นเป็นพายุเฮอริเคน 6 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก ทั้งนี้หมายรวมไปถึงพายุกึ่งโซนร้อนแอนเตรียด้วย[10] ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา (UA) ได้ออกการคาดหมายว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีพายุที่ได้รับชื่อจำนวน 16 ลูก ในจำนวนนั้นเป็นพายุเฮอริเคน 8 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก และคาดว่ามีดัชนีการสะสมพลังงานพายุหมุนที่ 150 หน่วย[11] วันที่ 4 กรกฎาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการคาดหมายกลางฤดูฉบับแรกออกมา โดยยังคงจำนวนที่คาดการณ์ไว้เท่ากับฉบับก่อนหน้า[12] วันที่ 9 กรกฎาคม มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดได้ออกการคาดการณ์กลางฤดูฉบับที่สอง โดยยังคงจำนวนที่พยากรณ์ไว้เท่ากันกับฉบับก่อนหน้าของมหาวิทยาลัยฯ เช่นกัน[13] วันที่ 5 สิงหาคม มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดออกการคาดการณ์กลางฤดูฉบับที่สาม ทั้งนี้ยังคงจำนวนการพยากรณ์ไว้เท่าเดิมกับสองฉบับก่อนหน้า เว้นแต่จำนวนของพายุเฮอริเคนที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย[14] วันที่ 6 สิงหาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการคาดหมายฉบับที่สองและฉบับสุดท้ายของการคาดหมายกลางฤดู โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงจำนวนของพายุที่ได้รับชื่อจาก 12 เป็น 13 ลูก.[15] วันที่ 8 สิงหาคม องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐได้ออกการคาดหมายฉบับที่สองของหน่วยงาน โดยเพิ่มโอกาสของพายุที่จะได้รับชื่อเป็น 10–17 ลูก ในจำนวนนี้เป็นพายุเฮอริเคน 5–9 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–4 ลูก[16]
ภาพรวมฤดูกาล
มาตราพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก (SSHWS)
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.)
|
พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
|
พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
|
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
|
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
|
พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
|
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
|
ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ห้าติดต่อกันแล้วที่เริ่มต้นฤดูกาลก่อนวันอย่างเป็นทางการ โดยพายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรียก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม
พายุ
พายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรีย
- วันที่ 17 พฤษภาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้เริ่มพยากรณ์การก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำที่อยู่ทางใต้ของเบอร์มิวดา ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาขึ้นเป็นพายุหมุยเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนในภายหลัง[19]
- วันที่ 18 พฤษภาคม บริเวณขนาดใหญ่และยาวของเมฆและพายุฟ้าคะนองพัฒนาขึ้นทางตะวันออกของบาฮามาส[20] ความแปรปรวนค่อย ๆ จัดระบบข้นขณะกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ว่าจะยังขาดการไหลเวียนที่แจ่มชัดอยู่
- วันที่ 20 พฤษภาคม เที่ยวบินลาดตระเวนทางอากาศกองทัพอากาศสหรัฐเปิดเผยว่าพายุมีศูนย์กลางอย่างชัดเจน ทำให้มีการจัดประเภทระบบเป็นพายุกึ่งโซนร้อนและให้ชื่อว่า แอนเดรีย (Andrea) ในเวลา 22:30 UTC เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความกดอากาศต่ำระดับบนที่อยู่ทางตะวันตก[21] หลังจากนั้นไม่นาน แอนเดรียก็มีกำลังสูงสุด[22] พายุที่พึ่งก่อตัวขึ้นไม่นานได้เผชิญเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่นานหลังจากนั้นการพาความร้อนของพายุได้สลายตัวลงเนื่องจากถูกบุกรุกโดยอากาศแห้ง
- วันที่ 22 พฤษภาคม โดยจากการสลายตัวลงนั้น ทำให้แอนเดรียกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำหลังเขตร้อน[23][24]
พายุเฮอริเคนแบร์รี
พายุโซนร้อนช็องตาล
พายุเฮอริเคนโดเรียน
พายุโซนร้อนเอริน
พายุโซนร้อนเฟอร์นานด์
พายุโซนร้อนกาเบรียล
พายุเฮอริเคนอุมเบร์โต
พายุเฮอริเคนเจร์รี
พายุโซนร้อนอีเมลดา
พายุโซนร้อนคาเรน
พายุเฮอริเคนโลเรนโซน
พายุโซนร้อนเมลิสซา
พายุดีเปรสชันเขตร้อนสิบห้า
พายุโซนร้อนเนสตอร์
พายุโซนร้อนออลกา
พายุเฮอริเคนปาโบล
พายุกึ่งโซนร้อนรีเบกาห์
พายุโซนร้อนเซบัสเตียง
รายชื่อพายุ
รายชื่อต่อไปนี้จะใช้สำหรับพายุที่ก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในปี พ.ศ. 2562 หากมีชื่อที่ถูกถอน จะมีการประกาศโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2563 และชื่อที่ไม่ได้ถูกถอนจากรายการนี้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2568 โดยรายการที่ใช้ในปีนี้เป็นรายการเดียวกับที่ใช้ในฤดูกาล พ.ศ. 2556 เว้นชื่อ อีเมลดา ซึ่งถูกนำมาใช้แทนที่ อิงกริด
ในปี 2562 มีชื่อถูกใช้ทั้งสิ้น 18 ชื่อ ดังนี้
รายชื่อพายุหมุนเขตร้อนของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในฤดูกาล 2562
|
รหัสพายุ |
ชื่อพายุ |
รหัสพายุ |
ชื่อพายุ |
รหัสพายุ |
ชื่อพายุ |
รหัสพายุ |
ชื่อพายุ
|
01L |
แอนเดรีย (Andrea)
|
07L |
เฟอร์นานด์ (Fernand)
|
12L |
คาเรน (Karen)
|
18L |
ปาโบล (Pablo)
|
02L |
แบร์รี (Barry)
|
08L |
กาเบรียล (Gabrielle)
|
13L |
โลเรนโซ (Lorenzo)
|
19L |
รีเบกาห์ (Rebekah)
|
04L |
ช็องตาล (Chantal)
|
09L |
อุมเบร์โต (Humberto)
|
14L |
เมลิสซา (Melissa)
|
20L |
เซบัสเตียง (Sebastien)
|
05L |
โดเรียน (Dorian)
|
11L |
อีเมลดา (Imelda)
|
16L |
เนสตอร์ (Nestor)
|
|
06L |
เอริน (Erin)
|
10L |
เจร์รี (Jerry)
|
17L |
ออลกา (Olga)
|
ส่วนชื่อ แทนยา (Tanya), แวน (Van) และเวนดี (Wendy) ไม่ถูกใช้ในฤดูกาลนี้
ผลกระทบ
ตารางนี้แสดงพายุทั้งหมดที่ก่อตัวในฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 ประกอบด้วยชื่อพายุ ระยะเวลา พื้นที่ขึ้นฝั่งได้รับผลกระทบ ความเสียหาย และจำนวนผู้เลียชีวิตทั้งหมด ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในวงเล็บคือการเสียชีวิตเพิ่มเติมและการเสียชีวิตโดยทางอ้อม (เช่นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนน) แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับพายุหมุนเขตร้อนอยู่ ความเสียหายและจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นจะรวมไปจนถึงขณะที่พายุกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน คลื่นในเขตร้อน หรือ บริเวณความกดอากาศต่ำด้วย ความเสียหายทั้งหมดอยู่ในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
สถิติของพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ พ.ศ. 2562
ชื่อ พายุ
|
วันที่
|
ระดับความรุนแรง ขณะมีความรุนแรงสูงสุด
|
ลมสูงสุด 1-นาที ไมล์/ชม. (กม./ชม.)
|
ความกดอากาศ (มิลลิบาร์)
|
พื้นที่ได้รับผลกระทบ
|
ความเสียหาย (ดอลลาร์สหรัฐ)
|
เสียชีวิต
|
อ้างอิง
|
แอนเดรีย
|
20 – 21 พฤษภาคม
|
พายุกึ่งโซนร้อน
|
40 (65)
|
1006
|
เบอร์มิวดา
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
[25]
|
แบร์รี
|
11 – 15 กรกฎาคม
|
พายุเฮอริเคนระดับ 1
|
75 (120)
|
991
|
ภาคมิดเวสเทิร์นของสหรัฐ, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ, ชายฝั่งอ่าวของสหรัฐ
|
>600 ล้าน
|
0 (1)
|
[26][27]
|
สาม
|
22 – 23 กรกฎาคม
|
พายุดีเปรสชันเขตร้อน
|
35 (55)
|
1013
|
บาฮามาส, รัฐฟลอริดา
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
ช็องตาล
|
21 – 24 สิงหาคม
|
พายุโซนร้อน
|
40 (65)
|
1009
|
ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
โดเรียน
|
24 สิงหาคม – 7 กันยายน
|
พายุเฮอริเคนระดับ 5
|
185 (295)
|
910
|
หมู่เกาะวินด์เวิร์ด, หมู่เกาะลีเวิร์ด, ปวยร์โตรีโก, บาฮามาส, ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ, แคนาดาตะวันออก
|
>8.28 พันล้าน
|
63 (7)
|
[28][29][30][31][32][33]
|
เอริน
|
26 – 29 สิงหาคม
|
พายุโซนร้อน
|
40 (65)
|
1005
|
คิวบา, บาฮามาส, ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ, แอตแลนติกแคนาดา
|
เล็กน้อย
|
ไม่มี
|
|
เฟอร์นานด์
|
3 – 5 กันยายน
|
พายุโซนร้อน
|
50 (85)
|
1000
|
เม็กซิโกตะวันออกเฉียงเหนือ, เซาท์เท็กซัส
|
213 ล้าน
|
1
|
[34][35]
|
กาเบรียล
|
3 – 10 กันยายน
|
พายุโซนร้อน
|
65 (100)
|
995
|
กาบูเวร์ดี, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
อุมเบร์โต
|
13 – 20 กันยายน
|
พายุเฮอริเคนระดับ 3
|
125 (205)
|
951
|
เกาะฮิสปันโยลา, คิวบา, บาฮามาส, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ, เบอร์มิวดา, แอตแลนติกแคนาดา, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร
|
>1 ล้าน
|
1
|
[36][33]
|
เจร์รี
|
17 – 25 กันยายน
|
พายุเฮอริเคนระดับ 2
|
105 (165)
|
976
|
หมู่เกาะลีเวิร์ด, ปวยร์โตรีโก, เบอร์มิวดา
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
อีเมลดา
|
17 – 19 กันยายน
|
พายุโซนร้อน
|
40 (65)
|
1005
|
รัฐเท็กซัส, รัฐลุยเซียนา, รัฐโอคลาโฮมา, รัฐอาร์คันซอ
|
>2 พันล้าน
|
4 (1)
|
[37][32][33]
|
คาเรน
|
22 – 27 กันยายน
|
พายุโซนร้อน
|
45 (75)
|
1002
|
หมู่เกาะวินด์เวิร์ด, ตรินิแดดและโตเบโก, เวเนซุเอลา, หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ, หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน, ปวยร์โตรีโก
|
เล็กน้อย
|
ไม่มี
|
|
โลเรนโซ
|
23 กันยายน – 2 ตุลาคม
|
พายุเฮอริเคนระดับ 5
|
160 (260)
|
925
|
แอฟริกาตะวันตก, กาบูเวร์ดี, อะโซร์ส, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร
|
362 ล้าน
|
16
|
[38][39][40]
|
เมลิสซา
|
11 – 14 ตุลาคม
|
พายุโซนร้อน
|
65 (100)
|
995[nb 1]
|
รัฐมิดแอตแลนติก, นิวอิงแลนด์, รัฐโนวาสโกเชีย
|
เล็กน้อย
|
ไม่มี
|
|
สิบห้า
|
14 – 16 ตุลาคม
|
พายุดีเปรสชันเขตร้อน
|
35 (55)
|
1006
|
แอฟริกาตะวันตก, กาบูเวร์ดี
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
เนสตอร์
|
18 – 19 ตุลาคม
|
พายุโซนร้อน
|
60 (95)
|
996
|
อเมริกากลาง, เม็กซิโก, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ
|
ไม่ทราบ
|
0 (3)
|
|
ออลกา
|
25 – 26 ตุลาคม
|
พายุโซนร้อน
|
40 (65)
|
998
|
ชายฝั่งอ่าวของสหรัฐ, รัฐลุยเซียนา, รัฐแอละแบมา, รัฐมิสซิสซิปปี
|
เล็กน้อย
|
ไม่มี
|
|
ปาโบล
|
25 – 28 ตุลาคม
|
พายุเฮอริเคนระดับ 1
|
80 (130)
|
977
|
อะโซร์ส
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
รีเบกาห์
|
30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน
|
พายุกึ่งโซนร้อน
|
45 (75)
|
987
|
อะโซร์ส
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
|
สรุปฤดูกาล
|
19 ลูก
|
20 พฤษภาคม–ฤดูกาลยังดำเนินอยู่
|
|
185 (295)
|
910
|
|
>1.1456 หมื่นล้าน
|
≥95 (12)
|
|
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ Klotzbach, Philip [@philklotzbach] (May 20, 2019). "The Atlantic has now had named storms form prior to 1 June in five consecutive years: 2015–2019. This breaks the old record of named storm formations prior to 1 June in four consecutive years set in 1951–1954" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ May 20, 2019 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
- ↑ 2.0 2.1 "Background Information: The North Atlantic Hurricane Season". Climate Prediction Center. National Oceanic and Atmospheric Administration. August 9, 2012. สืบค้นเมื่อ December 13, 2013.
- ↑ 3.0 3.1 Mark Saunders; Adam Lea (December 11, 2018). "Extended Range Forecast for Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 4.0 4.1 "2019 Hurricane Season Expected to Be Near Average, Colorado State University Outlook Says". The Weather Channel (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ 5.0 5.1 Mark Saunders; Adam Lea (April 5, 2019). "April Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 6.0 6.1 Tracey Peake (April 16, 2019). "NC State Researchers Predict Normal 2019 Hurricane Season for East Coast". Raleigh, North Carolina: NC State University.
- ↑ 7.0 7.1 "North Atlantic tropical storm seasonal forecast 2019". Met Office. May 21, 2019. สืบค้นเมื่อ May 23, 2019.
- ↑ 8.0 8.1 Lauren Gaches (May 23, 2019). "NOAA predicts near-normal 2019 Atlantic hurricane season". NOAA. สืบค้นเมื่อ May 23, 2019.
- ↑ 9.0 9.1 Mark Saunders; Adam Lea (May 30, 2019). "Pre-Season Forecast for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk. สืบค้นเมื่อ June 3, 2019.
- ↑ 10.0 10.1 "2019 Hurricane Season Expected to Be Near Average, Colorado State University Outlook Says". The Weather Channel (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-06-05.
- ↑ 11.0 11.1 "University of Arizona (UA) Forecasts an Above-Average Hurricane Season" (PDF). University of Arizona (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-06-16. สืบค้นเมื่อ 2019-06-12.
- ↑ 12.0 12.1 Mark Saunders; Adam Lea (July 4, 2019). "July Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.[ลิงก์เสีย]
- ↑ 13.0 13.1 "ATLANTIC BASIN SEASONAL HURRICANE FORECAST FOR 2019" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-09. สืบค้นเมื่อ July 9, 2019.
- ↑ 14.0 14.1 "ATLANTIC BASIN SEASONAL HURRICANE FORECAST FOR 2019" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-05. สืบค้นเมื่อ August 5, 2019.
- ↑ 15.0 15.1 Mark Saunders; Adam Lea (August 6, 2019). "August Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 16.0 16.1 "NOAA TO ISSUE UPDATED 2019 ATLANTIC HURRICANE SEASON OUTLOOK". สืบค้นเมื่อ August 8, 2019.
- ↑ "Here comes La Nina, El Nino's flip side, but it will be weak". ABC News. November 9, 2017. สืบค้นเมื่อ November 25, 2017.
- ↑ Jonathan Erdman; Brian Donegan (May 6, 2019). "2019 Hurricane Season Expected to be Slightly Above Average But Less Active Than Last Year". The Weather Company. สืบค้นเมื่อ May 7, 2019.
- ↑ Eric S. Blake (May 17, 2019). "Graphical Tropical Weather Outlook". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy R. Stewart (May 18, 2019). "Graphical Tropical Weather Outlook". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ John P. Cangialosi (May 20, 2019). "Subtropical Storm Andrea Special Discussion Number 1". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy R. Stewart (May 20, 2019). "Subtropical Storm Andrea Public Advisory Number 3". Miami, Florida: National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy Stewart (May 22, 2019). "Subtropical Storm Andrea Discussion Number 3". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 22, 2019.
- ↑ Richard Pasch (May 21, 2019). "Post-Tropical Cyclone Andrea Discussion Number 5". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 21, 2019.
- ↑ "Subtropical Storm Andrea Public Advisory". สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Adams, Char (July 15, 2019). "Good Samaritans Form Human Chain to Rescue Swimmers from Rip Current in รัฐฟลอริดา". PEOPLE.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ July 18, 2019.
- ↑ Global Catastrophe Recap: July 2019 (PDF) (Report). AON. August 1, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-16. สืบค้นเมื่อ August 16, 2019.
- ↑ Knowles, Rachel; Robles, Frances (September 5, 2019). "Death Toll Rises to 30 in Bahamas, as Stories of Survival Emerge". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 5, 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Bahamas damage
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Bahamas deaths
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Canada Dorian
- ↑ 32.0 32.1 "Billion-Dollar Weather and Climate Disasters". National Centers for Environmental Information. 2019. สืบค้นเมื่อ October 9, 2019.
- ↑ 33.0 33.1 33.2 "Global Catastrophe Recap September 2019" (PDF). Aon Benfield. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-10-10. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
- ↑ "Minuto a minuto: Fernand azota Monterrey con lluvias torrenciales y deja un muerto". Infobae. September 4, 2019. สืบค้นเมื่อ September 7, 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Fernand deja daños por 4 mil 200 mdp". Pulso Político. September 11, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-12. สืบค้นเมื่อ September 12, 2019.
- ↑ "62-year-old man drowns after getting caught in rip current at Topsail Beach". WTVD-TV. Associated Press. September 19, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-21. สืบค้นเมื่อ September 19, 2019.
- ↑ Toal, Margaret; Mervosh, Sarah; Ferman, Mitchell (September 20, 2019). "'I Can't Do This': Imelda Left Texas With at Least 5 Deaths and Historic Rainfall". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 21, 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ BR dead
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Lorenzo NC deaths
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Lorenzo NY ripcurrent
แหล่งข้อมูลอื่น
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "nb" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="nb"/> ที่สอดคล้องกัน
|