สกุลกฤษณา
สกุลกฤษณา (Aquilaria) เป็นสกุลหนึ่งของพืชวงศ์กฤษณา (Thymelaeaceae) มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ พบมากโดยเฉพาะในป่าดิบชื้นของอินโดนีเซีย, ไทย, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินเดียตอนเหนือ, ฟิลิปปินส์ และนิวกินี พรรณไม้ในสกุลนี้ปกติมีเนื้อไม้สีขาว เมื่อเกิดบาดแผล ต้นไม้จะหลั่งสารเคมีออกมาเพื่อรักษาบาดแผลนั้น แต่สารเคมีจะขยายวงกว้างออกไปอีก ก่อให้เกิดเนื้อไม้ซึ่งมีสีดำ กลิ่นหอม เรียกว่า "กฤษณา"
ซึ่งเป็นพืชที่เป็นสมุนไพรและมีความสำคัญในการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะในการใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังมีการใช้ในงานทำสีผมและใช้เป็นสารที่มีสรรพคุณในการช่วยรักษาเนื้อเยื่อที่เสียหายด้วยคุณสมบัติทางเคมีที่มีอยู่ในเปลือกของต้นกฤษณา ประวัติกฤษณาเป็นไม้ที่กล่าวถึงนับแต่ครั้งพุทธกาลในฐานะ ของที่มีค่าหายาก ราคาแพงดั่งทองคำ ไม้กฤษณาอินเดียเป็นหนึ่งในของหอมธรรมชาติสี่อย่างที่เรียกว่า จตุรชาติสุคนธ์ (กฤษณา กะลำพัก จันทน์ และดอกไม้) ในประเทศไทยไม้กฤษณาเป็นสินค้าต้องห้ามของประชาชนทั่วไปเพราะมีกฎหมายให้ค้าขายได้เฉพาะกษัตริย์มาตั้งแต่โบราณ ต้นกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม้กฤษณาถูกใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการและเป็นสินค้าไปเมืองจีน ต้นกฤษณามีความสำคัญทางท้องถิ่นและวัฒนธรรม ในอินเดียเฮือนแห่งสมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณ เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย สรรพคุณของกฤษณาแพร่กระจายไปถึงคาบสมุทรอาหรับในตะวันออกกลาง อาณาจักรกรีก โรมัน อียิปต์โบราณ ผลผลิตจากต้นกฤษณามีเฉพาะในเอเชียบางส่วน เช่น อินเดีย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม เท่านั้น ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาออกไปจำหน่ายทั่วโลกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและตามอนุสัญญาไซเตส และได้ขึ้นทะเบียนไม้ที่ปลูกกับไซเตสไว้ครั้งแรกจำนวน 7,404,452 ต้น ปัจจุบันมีการปลูกทั่วประเทศประมาณ 15 ล้านต้น และไม่เพียงพอกับตลาดที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ความหลากชนิดของพรรณไม้สกุลกฤษณาไม้ในสกุลกฤษณามีลำต้นขนาดปานกลาง แต่ถ้ามีอายุมากจะมีลำต้นขนาดใหญ่เป็นไม้เนื้อค่อนข้างอ่อน แต่เมื่ออายุมากแล้ว จะมีลักษณะเนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง สีเหลืองมีลายสวยงาม เปลือกลอกง่าย ลำต้นตรง สีค่อนข้างแดงผิวเป็นเม็ดตุ่มเล็ก ๆ สีแดง-ดำ เทา เขียวอ่อน เป็นไม้โตเร็ว ปัจจุบันสกุลกฤษณามีพรรณไม้ทั้งหมด 15 ชนิด ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ชนิดพรรณไม้สกุลกฤษณาชนิดพื้นเมืองในประเทศไทยมี 5 ชนิด คือ
การเก็บเกี่ยวไม้กฤษณาถูกเก็บเกี่ยวจากต้นไม้ชนิด Aquilaria ที่เป็นต้นแก่แล้วและได้รับการติดเชื้อจากเชื้อราอย่างธรรมชาติ การติดเชื้อจะกระตุ้นให้เกิดการเกิดไม้เรซินซึ่งจะถูกสกัดออกมาแล้วนำไปใช้งานต่อไป การสกัดวิธีการดั้งเดิมเน้นการตัดและประมวลผลไม้ที่ติดเชื้ออย่างระมัดระวังเพื่อสกัดไม้ที่มีเรซินในส่วนใจกลางออกมา ซึ่งจากนั้นจะนำมากลั่นเป็นน้ำมันหอมระเหยต่อไป การใช้ประโยชน์ของไม้กฤษณา"สารกฤษณา" มีชื่อทางการค้าหลายชื่อ ได้แก่ agarwood (ยุโรป), aloeswood (สิงคโปร์), eaglewood (สหรัฐอเมริกา),gaharu (อินโดนีเชีย), oudh (อาหรับ), tram (เวียดนาม), jinko (ญี่ปุ่น), chen xiang (จีน) เป็นต้น ปัจจุบันนอกจากชิ้นไม้กฤษณาและน้ำมันกฤษณาที่เป็นสินค้าหลักในตลาดแล้วยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกฤษณาให้มีความหลากหลายขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากกลุ่มขึ้น โดยผลิตภัณฑ์จากกฤษณาที่เป็นสินค้าวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตลาดในแถบเอเชีย เช่น ไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จากการสำรวจของ Phillips (2003) สามารถจำแนกได้ดังนี้
เพราะเป็นกฤษณาที่ได้จากต้นไม้ที่เกิดในธรรมชาติเท่านั้น และมาจากต้นไม้มีอายุมาก ซึ่งมีการสะสมกฤษณามาเป็นเวลานานหลายปีส่วนใหญ่ท่อนกฤษณาลักษณะนี้อาจจะเห็นปรากฏอยู่ในวัด หรือคฤหาสน์ของเศรษฐีเพื่อเป็นสิ่งแสดงความร่ำรวยมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ กฤษณายังเป็นวัตถุดิบที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมและศิลปะ ต้นกฤษณามีลักษณะทรงพุ่มกลมโตเต็มพื้นที่ ใบจะเป็นรูปด้านรีเลียน ดอกจะเป็นสีเหลืองหรือขาว ผลของต้นกฤษณามักเป็นฝักยาวๆ ซึ่งเมื่อสุกจะแตกเป็นช่องเล็กๆภายในมีเมล็ด ต้นกฤษณาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่ายและปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แห้งและร้อน จึงเป็นที่นิยมในการใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านในชุมชนท้องถิ่นและอุตสาหกรรมต่างๆ อ้างอิง
|