จังหวัดปัตตานี
ปัตตานี (มลายูปัตตานี: ڤطاني / 'ตานิง) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย ติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ที่มาของชื่อคำว่า ปัตตานี มาจากคำภาษามลายูปัตตานี ڤطاني ซึ่งมาจากคำว่า Pata Ini ("ชายหาดแห่งนี้") อีกทีหนึ่ง[ต้องการอ้างอิง] ประวัติศาสตร์จากหลักฐานทางโบราณคดีเบื้องต้น ได้พบร่องรอยของชุมชนโบราณในปัตตานีที่อำเภอยะรัง คือเมืองโบราณยะรัง เป็นเมืองพุทธศาสนถานมหายานเป็นเมืองที่มีความเจริญ ในช่วง พ.ศ. 700-1400 เป็นเมืองโบราณซ้อนทับกัน 3 เมือง ตั้งแต่บ้านวัดที่เก่าแก่ที่สุด บ้านจาเละ และบ้านประแว ในนี้มีโบราณสถานกว่า 40 แห่ง[3] ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 มีความเจริญรุ่งเรือง มีศูนย์กลางการปกครองที่โกตามะลิฆา (Kota Malikha) ใน ตำนานมะโรงมหาวงศ์ มีชื่อ "ลังกาสุกะ" ซึ่งเจริญขึ้นมาร่วมสมัยกับยุคสหพันธรัฐเมืองท่าศรีวิชัย โดยมีพื้นฐานบ้านเมืองแรกเริ่มเก่าไปถึงพุทธศตวรรษที่ 12 ที่บริเวณเมืองโบราณบ้านวัด[4] ต่อมาพุทธศตวรรษที่ 18–20 เปลี่ยนไปรับอิทธิพลของอิสลาม[5] และย้ายเมืองไปที่บ้านกรือเซะหรือหมู่บ้านปะตะนี เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ชายทะเลและปากแม่น้ำปัตตานีมากกว่าเมืองโกตามะลิฆา เมืองท่านี้มึความโดดเด่นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 23 เมืองมีความเข้มแข็งพอที่จะต้านการรุกรานของรัฐที่ใหญ่โตกว่าอย่างกรุงศรีอยุธยา เมืองในยุคนี้มีประชากรต่างชาติต่างภาษาอพยพเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจีน ที่กลายมาเป็นชุมชนใหญ่ชุมชนหนึ่งในปัตตานี[6] มีเหตุการณ์สำคัญอย่างกลุ่มโจรสลัดจากฝูเจียน นําโดยหลิน เต้า-เฉียน ได้อพยพหนีการปราบปรามของราชวงศ์หมิง ไปยึดเมืองปัตตานีไว้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ประมาณ พ.ศ. 2116–2163 ชาวปัตตานีรู้จักในฐานะตํานานเรื่อง เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และการสร้างปืนใหญ่นางพญาตานี[7] อาณาจักรปัตตานีอยู่ในฐานะประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา ลักษณะความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของไทย คราวใดไทยอ่อนแอหรือเกิดความวุ่นวายในราชธานี ปัตตานีก็จะถือเป็นอิสระ เมื่อเริ่มสมัยรัตนโกสินทร์ฝ่ายไทยก็ยกทัพไปปราบ จึงได้ปัตตานีมาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง จากนั้นมาไทยเริ่มปรับปรุงระบบควบคุมปัตตานีให้รัดกุมขึ้นเป็นลำดับ จนในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการตั้งมณฑลปัตตานี[8] พ.ศ. 2475 มณฑลปัตตานีถูกยุบรวมกับมณฑลนครศรีธรรมราช กระทั่ง พ.ศ. 2476 ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดปัตตานี[9] ภูมิศาสตร์ที่ตั้งปัตตานีเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้สุด ติดกับทะเลจีนใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพโดยทางรถยนต์ประมาณ 1,055 กิโลเมตร หรือ 1,025 กิโลเมตรโดยทางรถไฟที่ (สถานีรถไฟโคกโพธิ์) ภูเขาที่สำคัญได้แก่ ภูเขาทรายขาว ซึ่งอยู่ในทิวเขาสันกาลาคีรี มีแม่น้ำที่สำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 27.5 องศาเซลเซียส ฝนตกชุกในระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม ฝนตกเฉลี่ย 1,750.9 มิลลิเมตร/ปี (เฉลี่ยในรอบ 30 ปี) ประชากรศาสนาประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมาคือศาสนาพุทธและอื่น ๆ จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2555 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 87.25 นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 12.72 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.03 แต่การสำรวจใน พ.ศ. 2556-2558 พบว่าประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 86.25 นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 13.70 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.05[11] ใน พ.ศ. 2555 หลังการก่อวินาศกรรมด้วยการวางระเบิดถนนสายหลักในปัตตานี ส่งผลให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธจำนวนมากอพยพออกจากปัตตานี ประชากรที่นับถือศาสนาพุทธจึงหดตัวอย่างเฉียบพลัน[12] จากการสำรวจของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานีเมื่อ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2562 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 87.57, ศาสนาพุทธ ร้อยละ 12.41 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.03[10]
ชาวปัตตานีมีอาชีพหลักคือการทำนา สวนยาง นอกจากนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด เช่น อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอปะนาเระ และอำเภอสายบุรี ยังประกอบอาชีพประมง ซึ่งส่งผลให้เกิดผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมาก
การเมืองการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคการปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 115 ตำบล 642 หมู่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดปัตตานี มีการแบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่นดังนี้
มีเทศบาลเมือง 2 แห่ง อุทยานสถานที่ท่องเที่ยว
มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดที่สุลต่านใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจและะพบปะพูดคุยกับประชาชน มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดแห่งแรกในคาบสมุทรมลายู[ต้องการอ้างอิง]
การขนส่งระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ
การศึกษาระดับอุดมศึกษา
โรงเรียนชาวจังหวัดปัตตานีที่มีชื่อเสียง
เทศกาล
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ จังหวัดปัตตานี เว็บไซต์แผนที่และภาพถ่าย
6°52′N 101°14′E / 6.87°N 101.24°E
หนังสือและบทความ
|