สถานีวิทยุศาลาแดง
สถานีวิทยุศาลาแดง เป็นสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ในแขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เคยเป็นที่ตั้งของกองสัญญาณทหารเรือ และกองช่างวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในช่วงที่โรงเรียนเตรียมทหารย้ายมาใช้พื้นที่ แต่ได้ถูกรื้อถอนออกในช่วงที่มีการก่อตั้งสวนลุมไนท์บาซาร์ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา โครงการวัน แบงค็อก ก็ได้จัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์โดยจำลองสถาปัตยกรรมอาคารนี้บางส่วนรวมทั้งเสาวิทยุขึ้นในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ประวัติในปี พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงทหารเรือจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลขขึ้น 2 สถานี คือ สถานีกลาง ที่ตำบลศาลาแดง อำเภอประทุมวัน จังหวัดพระนครธนบุรี มณฑลกรุงเทพ[1][2] และสถานีภูมิภาค ที่จังหวัดสงขลา โดยสถานีกลางใช้ชื่อเมื่อเริ่มก่อตั้งว่า "สถานีราดิโอโทรเลขทหารเรือ"[3] เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกระทำพิธีเปิดสถานีวิทยุโทรเลขของราชการแห่งแรกในสยาม ที่ตำบลศาลาแดง เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2456 และได้มีพระราชหัตถเลขาพระราชทานส่งทางวิทยุโทรเลขถึงกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ซึ่งประทับอยู่ที่สถานีสงขลา ความว่า "GREETING TO YOU ON THIS, WHICH WILL BE ONE OF THE MOST IMPORTANT DAY IN OUR HISTORY"[4] ต่อมาในปี พ.ศ. 2464 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนซึ่งเชื่อมระหว่างถนนเพลินจิตกับถนนพระรามที่ 4 และตัดผ่านด้านหน้าสถานีนี้ว่า "ถนนวิทยุ"[5] หลังจากนั้น กองช่างวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้ย้ายที่ทำการจากตึกกรมไปรษณีย์โทรเลขหลังเก่า มาทำการที่สถานีแห่งนี้ แต่ปรากฏว่าผลการรับฟังวิทยุกระจายเสียงบริเวณโดยรอบกรุงเทพฯ นั้นไม่ชัดเจน และมีอาการขาดหายเป็นช่วง ๆ กองช่างวิทยุที่ศาลาแดงจึงประกอบเครื่องส่งวิทยุขึ้นเองเป็นคลื่นความถี่ปานกลาง ทางด้านเครื่องรับวิทยุหากเป็นเครื่องประดิษฐ์เอง หรือวิทยุแร่ ว่ากันว่าแม้เสียงจะดังเหมือนแมลงหวี่ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนในเวลานั้น[4] บทบาททางการเมืองในเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน หลังการเจรจาเพื่อให้ทหารเรือส่งตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่เป็นผล ฝ่ายรัฐบาลนำโดยพลตรีสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) จึงสั่งการให้ตำรวจและทหารบกโจมตีที่ตั้งของทหารเรือทุกแห่ง ซึ่งรวมถึงสถานีวิทยุดังกล่าวอันเป็นที่ตั้งของกองสัญญาณทหารเรือด้วย ฝ่ายรัฐบาลได้นำรถยานเกราะบุกเข้าไปแต่ก็ถูกตอบโต้ด้วยปืนต่อสู้รถถัง ทำให้ยานเกราะตำรวจและทหารบกหมอบไปหลายคัน ต้องถอยกลับ[6] อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งให้ย้ายกองสัญญาณทหารเรือออกจากพื้นที่นี้ในปี พ.ศ. 2494[7] พื้นที่หลังจากย้ายสถานีวิทยุโรงเรียนเตรียมทหารหลังกองสัญญาณทหารเรือย้ายออกไป พื้นที่กองสัญญาณทหารเรือเก่าจึงเป็นพื้นที่ร้างอยู่หลายปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2504 โรงเรียนเตรียมทหาร ได้ย้ายมาจากที่ตั้งชั่วคราวบริเวณโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ถนนราชดำเนิน (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพบก) มาพื้นที่ดังกล่าว[8] ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 โรงเรียนได้รับมอบพื้นที่เพิ่มเติมจากกองพันทหารสื่อสาร และกองร้อยทหารสื่อสารซ่อมบำรุงเขตหลัง กองบัญชาการกองทัพบก ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2543 โรงเรียนเตรียมทหารได้ย้ายไปยังอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก[9] ในช่วงที่โรงเรียนเตรียมทหารใช้พื้นที่ดังกล่าว อาคารสถานีวิทยุรวมถึงเสาอากาศในบริเวณใกล้เคียง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร ในปี พ.ศ. 2526[10] สวนลุมไนท์บาซาร์หลังจากโรงเรียนเตรียมทหารย้ายออกไป ในปี พ.ศ. 2544 พี.คอน. ดีเวล็อปเมนท์ ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินโรงเรียนเตรียมทหารเก่ากับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อประกอบกิจการตลาดกลางคืนขึ้นในชื่อสวนลุมไนท์บาซาร์[11] ซึ่งประกอบด้วยตลาด, ร้านอาหาร, โรงละครนาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก และบางกอกฮอลล์ (ชื่อเดิม: บีอีซี-เทโร ฮอลล์) แต่ได้มีการรื้ออาคารสถานีวิทยุศาลาแดงที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานออก สวนลุมไนท์บาซาร์ปิดกิจการในปี พ.ศ. 2554 และย้ายไปยังโครงการใหม่ที่ย่านรัชดาภิเษกจนถึงปัจจุบัน วัน แบงค็อกต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2557 กลุ่มทีซีซีชนะการประมูลพื้นที่สวนลุมไนท์บาซาร์เก่าพร้อมทั้งพื้นที่สนามมวยเวทีลุมพินีเดิม[12] สามปีถัดจากนั้นกลุ่มทีซีซีได้เปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่ คือ วัน แบงค็อก และเริ่มก่อสร้างในปีถัดมา จากนั้นเปิดให้บริการระยะแรกเมื่อปี พ.ศ. 2567 และกำหนดแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี พ.ศ. 2570 ทั้งนี้ โครงการได้ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ "เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ แอท วัน แบงค็อก" โดยนำสถาปัตยกรรมบางส่วนจากอาคารสถานีวิทยุศาลาแดงเดิมมาปรับใช้[13][14] รวมทั้งมีการจำลองเสาวิทยุเพื่อเป็นการระลึกถึงสถานีดังกล่าวด้วย[15] ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีวิทยุศาลาแดง ยังเป็นที่ตั้งของศาลประดิษฐานพระรูป พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เดิมเป็นเพียงศาลไม้ขนาดเล็กและมีสภาพทรุดโทรมลงเป็นลำดับ ต่อมาในสมัยที่โรงเรียนเตรียมทหารเข้าใช้พื้นที่นี้ ได้มีการบูรณะศาลแห่งนี้ใหม่ ในสมัยที่พลตรี ธีรวัฒน์ เอมะสุวรรณ เป็นผู้บัญชาการ ใช้รูปทรงเดียวกับศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ที่แหลมปู่เจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี[16] พิธีหล่อพระรูปขนาดเท่าพระองค์จริงเพื่อประดิษฐานที่ศาลใหม่ มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ณ วัดหนองไทร อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นในวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญดวงพระวิญญาณเข้าสถิตในองค์พระรูป และอัญเชิญพระรูปประดิษฐานในศาล หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลหลังใหม่ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2530[16] หลังโรงเรียนเตรียมทหารย้ายไปยังจังหวัดนครนายก ได้มีการสร้างศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ใหม่ที่นั่น ส่วนศาลเดิมได้มีการปรับปรุงและเปิดให้เข้าสักการะในปี พ.ศ. 2555[17] ต่อมาเมื่อกลุ่มทีซีซีเข้าดำเนินกิจการโครงการวัน แบงค็อก ซึ่งพื้นที่ศาลดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์การค้าเดอะ สตอรีส์ และโรงแรมแอนดาซ ได้มีการปรับปรุงศาลนี้อีกครั้ง โดยรื้อถอนศาลเดิมและก่อสร้างศาลใหม่ กำหนดเปิดให้เข้าสักการะในปี พ.ศ. 2569 ระหว่างนี้ได้มีการอัญเชิญพระรูปไปประดิษฐานชั่วคราวที่ฐานทัพเรือกรุงเทพ[18] อ้างอิง
ดูเพิ่ม |